Ref: posttoday.com (update 08 ตุลาคม 2553 เวลา 08:50 น.)
จาก อัลบั้มโพสต์ทูเดย์ |
เปิดแฟ้มรายงานของ หน่วยความมั่นคงที่ระบุถึงการจับกุมกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่าจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่จำนวน11คนหรือเป็นที่รู้จักในนามนักรบแดง...
หมายเหตุ : หน่วยความมั่นคงได้รายงานการจับกุมกลุ่มบุคคลต้องสงสัยว่าจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่จำนวน11คน หรือนักรบแดง ให้ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2553 เวลา 16.00-18.00 น. ชุดสืบสวน ตร.ภ.จ.เชียงใหม่ ได้รับการประสานจาก สภ.อ.แม่ออน ขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปิดล้อมและตรวจค้นดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท บ้านสหกรณ์ 6 หมู่ 6 อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากนายอินทร ไชยศิลป์ ผู้ใหญ่บ้านสหกรณ์ 6 (หุ้นส่วนในดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท) ว่า มีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเช่าบ้านพักอยู่ในรีสอร์ต
จากการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้รวม 11 คน การตรวจค้นบริเวณที่พัก (บ้านพัก 2 หลัง) ไม่พบสิ่งต้องสงสัยซุกซ่อนอยู่ (อาวุธปืนและวัตถุระเบิด) แต่พบเอกสารเกี่ยวกับคนเสื้อแดงจำนวนมาก ทั้งนี้จากการประสานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ปรากฏข่าวสารขั้นต้นดังนี้
รายละเอียดการเดินทางไปฝึกอาวุธในกัมพูชา
2.กลุ่มบุคคลที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 11 คน ได้เดินทางหลบหนีออกจากประเทศ ภายหลังปฏิบัติการกระชับพื้นที่ของรัฐบาลเมื่อห้วงที่ผ่านมา โดยได้นัดหมายพบกันที่บริเวณชายแดนไทย ก่อนที่จะเดินทางข้ามแดนต่อไปยังประเทศกัมพูชา (คาดว่าเป็นด้าน จ.สระแก้ว)
จากนั้นโดยสารรถยนต์ประมาณ 2 ชั่วโมง ไปเข้าพักรวมกันที่โรงแรมอังกอร์ (จำนวนทั้งหมดรวม 39 คน) และได้พักรวมกันอยู่ประมาณ 1 เดือน (พบนายเพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล และนางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม พักอยู่ที่โรงแรมดังกล่าวด้วย) ส่วนนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ได้พบปะบ้างเป็นบางครั้ง (นายอริสมันต์ พักอยู่ที่กรุงพนมเปญเป็นหลัก)
3.ต่อมาเมื่อเดือน ก.ค. 2553 หลังจากรัฐบาลกัมพูชาได้จับกุมตัวนายกอบชัย บุญปลอด (อ้าย) และนางวริศรียา บุญสม (อ้อ) ผู้ต้องหาจ้างวานระเบิดพรรคภูมิใจไทยส่งตัวให้รัฐบาลไทย ทำให้กลุ่มบุคคลที่หลบหนีอยู่ในกัมพูชาเกิดความหวาดวิตก และไม่มั่นใจทางแกนนำ (กำลังพิสูจน์ทราบเพิ่มเติม) จึงหาทางออกโดยการจัดส่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวทั้ง 39 คน เดินทางไปฝึกอบรมการใช้อาวุธ โดยแจ้งว่าจะได้รับเงินเดือน 3 หมื่นบาทต่อคน และในอนาคตเมื่อฝึกเสร็จจะให้เป็นผู้ติดตามนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยต่อไป
ทั้งนี้ สถานที่ฝึกอยู่ห่างจากโรงแรมอังกอร์ประมาณ 200 กิโลเมตร สภาพทั่วไปมีลักษณะเป็นค่ายฝึกชั่วคราวอยู่ในป่าลึกค่อนข้างลำบาก ใช้เครื่องปั่นไฟ (ในชั้นนี้ยังระบุที่ตั้งแน่นอนไม่ได้ เพราะค่ายฝึกดังกล่าวตั้งอยู่ในป่าลึก) โดยห้วงที่รับการฝึกไม่สามารถติดต่อกลับมายังไทยได้ เนื่องจากถูกกลุ่มแกนนำยึดโทรศัพท์มือถือ
4.ผู้ที่เข้าร่วมฝึกอาวุธส่วนใหญ่สมัครใจเข้าร่วมฝึก เนื่องจากเป็นผู้หลบหนีและตกงานอยู่แล้ว จึงต้องการหารายได้ที่มีการสัญญาว่าจะให้ รวมทั้งมีงานให้ทำภายหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม ในส่วนการฝึกเป็นไปในลักษณะที่ไม่เป็นจริงเป็นจัง โดยมีการฝึกอบรมในห้วงเวลา 08.00-10.00 น. เน้นเรื่องอาวุธพื้นฐาน บางคนได้ฝึกยิงอาวุธปืนยาว และเอ็ม 79 เป็นบางครั้ง ใช้เวลาการฝึกอบรมทั้งสิ้นประมาณ 1 เดือนครึ่ง และมีแกนนำเสื้อแดงที่อาศัยในกัมพูชาไปเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว
5.อย่างไรก็ตาม เมื่อฝึกอบรมไปได้ระยะหนึ่งเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอก เนื่องจากการฝึกไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ทำให้ดูเหมือนว่ามีการจัดทำโครงการฝึกเพื่อนำผลไปรายงานว่าดำเนินงานตามโครงการตามที่ได้รับเงินมาแล้ว ที่สำคัญผู้เข้ารับการฝึกไม่ได้รับเงินค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ (ประมาณ 9 หมื่นบาท แยกเป็นเงินเดือน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน และเบี้ยเลี้ยง 500 บาทต่อวัน รวม 3 เดือน แต่ได้รับแบบเหมาจ่ายรวมเดือนเพียง 1,000-2,000 บาท และตอนสิ้นสุดการอบรมได้รับเงินจำนวน 2 หมื่นบาทต่อคนเท่านั้น ทำให้หลายคนไม่ค่อยพอใจ โดยได้รับแจ้งเพียงว่าให้ไปรับเงินส่วนที่เหลือกับคนที่ทำหน้าที่ประสานงานในไทย
6.เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกแล้ว ทั้งหมดได้เดินทางกลับไทย โดยแกนนำได้แจ้งว่าให้รอการติดต่อประสานงานจากผู้ประสานงานในไทย อย่างไรก็ตาม กลุ่มดังกล่าวได้มีการทวงถามเรื่องเงินและงานที่จะมอบให้ทำอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบชัดเจน ต่อมากลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมทั้ง 11 คน ได้รับการติดต่อจากผู้ประสานงานในไทย ซึ่งได้รับมอบคำสั่งจากนายนิยม เหลืองเจริญ (ดีเจแหล่) แกนนำรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งหลบหนีหมายจับอยู่ในกัมพูชา ให้นำบุคคลกลุ่มนี้เดินทางไป จ.เชียงใหม่ เพื่อรอทำงานพิเศษที่จะมอบหมายให้ภายหลัง (ไม่ทราบรายละเอียด) มีค่าใช้จ่ายให้อาทิตย์ละ 5,000 บาท โดยผู้ประสานงานได้นำไปอาศัยอยู่ที่ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท บ้านสหกรณ์ 6 หมู่ 6 ต.บ้านสหกรณ์ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ และได้รับคำแนะนำว่าหากใครสอบถามให้บอกว่าเป็นช่างและคนงานที่มาปรับปรุงรีสอร์ต
7.อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางเข้ามาอยู่ที่รีสอร์ตดังกล่าว|กลับไม่มีงานอะไรให้ทำ และไม่ได้รับเงิน มีเพียงการพักผ่อนอยู่เฉพาะภายในรีสอร์ต แต่มีกลุ่มบุคคลเสื้อแดงจากภายนอกมาส่งอาหาร เครื่องดื่ม และเหล้าให้บ้างเป็นครั้งคราว สภาพความเป็นอยู่ไม่ค่อยดี ค่อนข้างอัตคัด ในกลุ่มจึงเกิดอาการเครียด และได้มีการสอบถามนายสหรัฐ แก่นเหล็ก (ผู้นำกลุ่ม) ถึงเรื่องงานและเงินที่จะได้รับ และเงินค้างเก่าอยู่เป็นระยะ ต่อมาเกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเอง เกิดการหวาดระแวงและหวาดวิตก จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวทั้งหมด ในชั้นนี้นายกิตติชัย จันทร์สวัสดี ให้ถ้อยคำว่า วัตถุประสงค์หลักในการมารวมตัวกันที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อรอเวลาปฏิบัติการป่วนเมืองและลอบสังหารผู้นำ
ข่าวสารอำนวยประโยชน์
8.ดอยคู่ฟ้ารีสอร์ท ก่อสร้างเมื่อปี 2550 มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ มีบ้านพักรวม 3 หลัง มีหุ้นส่วน 3 คน ประกอบด้วย นายผจญ สุขติ๊บ เป็นเจ้าของที่ดิน ทำหน้าที่ผู้จัดการรีสอร์ต ดร.อาภรณ์ พฤกษะศรี นักธุรกิจจากกรุงเทพฯ เป็นผู้ลงทุนก่อสร้างรีสอร์ต (อาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนภาษาดวงแก้ว กรุงเทพฯ ภูมิลำเนาเดิมเป็นคน จ.กาญจนบุรี) และนายอินทร ไชยศิลป์ ผู้ใหญ่บ้านสหกรณ์ 6 อ.แม่ออน เป็นหุ้นส่วน ที่ผ่านมารีสอร์ตดังกล่าวไม่มีลูกค้าเข้าพัก ส่วนใหญ่ใช้รับรองญาติพี่น้องของหุ้นส่วน
รายชื่อกลุ่มบุคคลที่ถูกควบคุมตัว
กลุ่มที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับ นปช. และมีประวัติอาชญากรรม จำนวน 6 คน
1.นายสหรัฐ แก่นเหล็ก อายุ 35 ปี/53 บ้านเลขที่ 87/14-15 ถนนริมคลองประปาฝั่งขวา เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ หมายเหตุ เป็นแกนนำของกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมทั้ง 11 คน เคยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. และหลบหนีเข้าไปที่วัดปทุมวนารามใน|เหตุการณ์การกระชับพื้นที่เมื่อเดือน พ.ค. 2553
2.นายกิตติชัย จันทร์สวัสดี อายุ 24 ปี/53 บ้านเลขที่ 67 หมู่ 7 ต.บางหลวง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี หมายเหตุ เป็นผู้ให้การหลักในประเด็นต่างๆ เป็นคนที่ออกมาถามเส้นทางกับชาวบ้านในพื้นที่ แต่มีอาการพิรุธ ผู้ใหญ่บ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ออน จนนำไปสู่การจับกุมบุคคลที่เหลือ
3.นายศรีทน (ศรี) ศรีสุธรรม อายุ 31 ปี/53 บ้านเลขที่ 113 หมู่ 1 ต.ตาเบา อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ หมายเหตุ เป็นการ์ดอาสากลุ่ม นปช. จ.สุรินทร์ ร่วมชุมนุมที่แยกราชประสงค์เดือน พ.ค. 2553
4.นายสุบรรณ เยื่อทองหลวง อายุ 38 ปี/53 บ้านเลขที่ 139 หมู่ 11 ต.ทับหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี หมายเหตุ ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าร่วมชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าเมื่อ 10 เม.ย. 2553 มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
5.นายมีชัย (เคา) นิลแป้น อายุ 28 ปี/53 บ้านเลขที่ 19 หมู่ 3 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หมายเหตุ ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าร่วมชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค. 2553
6.นายวัฒนา (ยาว) ธรรมทา อายุ 29 ปี/53 บ้านเลขที่ 8 หมู่ 14 ต.สาระถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมายเหตุ มีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด
กลุ่มที่ไม่มีประวัติและพฤติการณ์ต้องสงสัย 5 คน
7.นายกฤตพีร์ (แดง) สาธารณะ อายุ 31 ปี/53 บ้านเลขที่ 138 หมู่ 1 ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี
8.นายอำพร (พร) เหมกุล อายุ 36 ปี/53 บ้านเลขที่ 9 หมู่ 11 ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์
9.นายสมนึก แก้วงาม อายุ 53 ปี/53 บ้านเลขที่ 84 หมู่ 2 ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
10.นายเด่น (เด่น) ม่วงเกษม อายุ 43 ปี/53 บ้านเลขที่ 287 หมู่ 3 ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่
11.นายทวิด (วิด) กวางแก้ว อายุ 46 ปี/53 บ้านเลขที่ 305/145 หมู่ 3 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
--------------------------------------------
11 นักฆ่า
นอกจากเหตุระเบิดที่บางบัวทอง ซึ่งเชื่อมโยงกับระเบิด หลายจุดก่อนหน้านี้ และยังเกี่ยวพันไปถึงกลุ่ม 'แดงฮาร์ดคอร์' แล้วคดีจับกุม 11 ชายฉกรรจ์ที่รีสอร์ตในจ.เชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งคดีที่ถูกจับตาอย่างมาก
เพราะฝ่ายรัฐบาลพยายามตีปี๊บว่าทั้ง 11 คน คือ 'กลุ่มนักฆ่า' ที่ฝึกปรือฝีมือเพื่อลอบสังหารบุคคลสำคัญในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ นาย สุเทพ เทือบสุบรรณ รองนายกฯ รวมไปถึง นายเนวิน ชิดชอบ ผู้มากบารมีตัวจริงของพรรคภูมิใจไทย!!
ดีเอสไอขอรับช่วงทำคดีนี้ต่อเลยยิ่งสนุกใหญ่ กับข่าวที่ออกมาเป็นระลอกๆ
แต่ที่น่าสนใจก็คือทั้ง 11 คนยังไม่ถูกแจ้งข้อหาใดๆ มีแต่การออกข่าวจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอาวุธที่กัมพูชา และมาปักหลักที่เชียงใหม่เพื่อรอลงมือ หรือจริงๆ แล้วกลุ่มนักฆ่ามีถึง 39 คน
จนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. ฟันธงว่าต่อไปจะมีปั้นเรื่องออกมาให้ข่าวเชื่อมโยงเป็นทอดๆ สุดท้ายก็จะไปถึงศัตรูทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
แถมแนวโน้มก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รรท.ผบช.ภาค 5 ออกมาเปรยๆ ว่าจะกันตัวทั้ง 11 คนเป็นพยาน!? และนายเนวิน หนึ่งในบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นเป้าสังหาร ออกมาแถลงทั้งน้ำตาคลอเบ้าอ้างว่ารู้ข่าวลึกๆ เช่นกัน
โดยพาดพิงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วย!?
ขณะที่เจ้าของรีสอร์ตซึ่งถูกระบุว่าเป็นแหล่งฝึกนักฆ่า ออกมาโต้ทันทีว่าพวกนี้เป็นเพียงคนงานก่อสร้างที่นายจ้างมาเปิดห้องให้พักเท่านั้น
พร้อมเผยเบื้องหลังว่ามาจากตั้งวงก๊งเหล้าจนเมาแล้วมีเรื่องกัน แล้วมีคนหนึ่งไม่พอใจออกไปแจ้งความและพูดเป็นตุเป็นตะ ซึ่งก็ตรงกับฝ่ายตำรวจเพราะการจับกุมครั้งนี้ เนื่องจากมี 1 ใน 11 ชายฉกรรจ์มาพบตำรวจอ้างว่าทนฝึกหนักไม่ไหว จึงมาขอความช่วยเหลือ!?
และเมื่อตำรวจไปจับกุมก็ไม่พบหลักฐาน โดยเฉพาะอาวุธที่น่าจะมีจำนวนมาก กรณีเช่นนี้เป็นเหมือนดาบ 2 คม หากเป็นจริงก็ถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง ที่การเล่นเกมใต้ดินพัฒนาไปอีกขั้น แต่ไม่มีสืบสาวไปถึงต้นตอจริงๆ
มีแนวโน้มจะเป็นการจับเรื่องโน้นมาปะติดปะต่อกับเรื่องนี้ แล้วสรุปเอาเองเป็นคุ้งเป็นแคว เพื่อหวังเล่นงานฝ่ายตรงข้าม แล้วถ้าความจริงเปิดเผยออกมาในอนาคต ภาครัฐจะรับผิดชอบอย่างไร
จะตะแบงไปเรื่อยๆ เหมือนกรณีไม่มีสไนเปอร์ของทหารในการปราบผู้ชุมนุม หรือคดีฆ่า 6 ศพวัดปทุมวนาราม
ยังน่าสงสัยอยู่!?
ที่มา: คอลัมน์ เหล็กใน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNakE0TVRBMU13PT0=
--------------------------------------------------
รวบ"ไอ้ยา-รถวีโก้ " ซัด"ไอ้กษิ" โยงอีก4ทีมบึ้ม"สมัย"
หิ้วเค้น"หญิงมุสลิม"คนในภาพ แฉ" วีโก้ "พันอีก4คดีระเบิดกรุง น้อยหน่าโผล่หน้าบ้านไตรรงค์ พบแล้วร้านขายวงจรบ้านหม้อ
จาก อัลบั้ม ข่าวสดออนไลน์ |
ตร.ไล่ล่า 4 ผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดแมน ชั่นบางบัวทอง รู้ชื่อครบหมดแล้วทั้ง′กษิ-นะทัน′ผัวเมียมุสลิมกับ′ครูแขก′สาวคลุมหน้าเป็นคนพา′สมัย วงษ์สุวรรณ์′มาเช่าห้องพัก ′นายยา′เจ้าของปิกอัพวีโก้ทะเบียนนราธิวาสคันที่มาหาบ่อยๆ หลักฐานมัดแน่นทั้งภาพวงจรปิด-หลักฐานโอนเงินหลายหมื่น แฉปิกอัพวีโก้ไปโผล่ในที่เกิดเหตุอีก 4 คดีระเบิด ศอฉ.ออกหมายจับแล้ว′กษิ-ครูแขก′คดีบึ้ม ตร.หิ้วมาสอบแล้วเมียกษิ ก่อนตามไปจับเจ้าของวีโก้ได้ที่โก-ลก อ้างไม่รู้เรื่องระเบิด ซัด′กษิ′ว่าจ้างให้ไปซื้อปิกอัพ ชัดแล้วศพที่ 4 ที่เพิ่งเจอคือ′สมัย′เจ้าของห้องพัก ธาริตจี้ให้โอนคดีระเบิดแมนชั่นให้ดีเอสไอ เจ้าของร้านขายวงจรตั้งเวลาที่บ้านหม้อเปิดใจ เวลาเกิดระเบิดทีไรตร.ก็ต้องมาสอบทุกที ยันขายวงจรตั้งเวลามานานแล้ว ชุดละ 150 บาท จำหน้าไม่ได้ว่าคนมาซื้อเป็นสมัยหรือไม่
-ระเบิดน้อยหน่าโผล่กลางกรุง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ต.ต. พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ การดี ผกก.สน.ประชาชื่น รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบวัตถุระเบิดบริเวณโคนต้นไม้ ภายในซอยประชาชื่น 31 ถ.ประชาชื่น แขวงและเขตบางซื่อ จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบว่าอยู่ลึกเข้าไปจากปากซอยประมาณ 25 เมตร บริเวณใต้ต้นมะขามเทศ ข้างร้านสหชัยการช่าง เลขที่ 1006 โดยอยู่ตรงข้ามกับโรงไฟฟ้าย่อยประชาชื่น เจ้าหน้าที่พบเป็นระเบิดน้อยหน่า สภาพเก่าสีลอกมีสนิมขึ้น 1 ลูกวางทิ้งเอาไว้ เจ้าหน้าที่จึงนำยางรถยนต์เข้าครอบไว้เพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเข้าตรวจสอบพบว่าระเบิดดังกล่าวมีกระเดื่องและสลักอยู่ครบ แต่กลับมีน้ำหนักเบากว่าระเบิดปกติ จึงหยิบขึ้นมาตรวจสอบ พบว่าไม่มีดินระเบิดอยู่ภายใน ลักษณะเป็นลูกสำหรับใช้ในการซ้อมขว้าง จึงเก็บกู้ไปตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางมาร่วมตรวจสอบที่ สน.ประชาชื่น พบว่าเป็นระเบิดเขวี้ยง ชนิดเอ็มเค 2 ที่ผ่านการใช้งานแล้ว แต่ระเบิดด้าน คาดว่าดินระเบิดเสื่อมสภาพจากความเก่า จึงได้นำดินระเบิดออกก่อนถูกนำมาประกอบใหม่สำหรับใช้ขู่หรือซ้อมปา
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นของวัยรุ่นที่พกพาติดตัวไว้ข่มขู่อริ แต่เจอตำรวจตั้งด่านตรวจจึงเกรงว่าจะถูกค้นตัวเลยได้นำระเบิดลูกดังกล่าวมาวางทิ้งไว้ ไม่น่าจะเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ที่บริเวณท้ายซอยประชาชื่น 31 นั้นเป็นบ้านพักของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี แต่คาดว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว
-หน้าปากซอยบ้านไตรรงค์
นางสมใจ ดอกพอง อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ลูกจ้างร้านดอกรักบานไม่รู้โรย ผู้ที่พบเห็นระเบิดชนิดเอ็ม 26 เป็นคนแรก เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 10.00 น. ตนได้เข็นป้ายร้าน เพื่อไปตั้งโชว์ไว้ที่บริเวณหน้าปากซอยตามปกติ พบลูกระเบิดวางอยู่ใต้ต้นไม้ จึงไปตามเจ้าหน้าที่ รปภ.สถานีไฟฟ้าย่อยประชาชื่น ให้มาช่วยตรวจดู
นายสายันห์ โดคำนาม อายุ 40 ปี ชาวสกลนคร รปภ.สถานีไฟฟ้าฯ กล่าวว่า ช่วงนั้นตนกำลังเดินตรวจภายในสถานี เห็นนางสมใจเดินมาแจ้งให้ทราบว่าพบระเบิด จึงแจ้งไปยัง สน.ประชาชื่น ให้เข้ามาตรวจสอบพร้อมทั้งเก็บกู้ หลังจากนั้นหัวหน้าได้ติดต่อมาให้ตรวจบริเวณพื้นที่โดยรอบที่สถานีไฟฟ้าฯ อย่างละเอียด ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบวัตถุต้องสงสัยหรือระเบิด ทั้งนี้ จากการทำงานมาหลายปีภายในซอยไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ เชื่อว่า น่าจะเกิดจากการสร้างสถานการณ์
นายธรรมสานต์ ศรีชัยปิติ เจ้าของร้านสหชัยการช่าง กล่าวว่า การวางระเบิดครั้งนี้จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับร้านของตน แต่น่าจะมาจากสาเหตุทางการเมืองมากกว่า เพราะในซอยดังกล่าวมีบ้านของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี
-ผบ.ตร.ชี้′สมัย′ยังไม่โยงกลุ่มใด
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการป้องกันเหตุระเบิดว่า ตอนนี้ก็ทำการข่าวเชิงรุกให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ประสานงานกับสันติบาล งานการข่าวมากขึ้น ส่วนกรณีที่ยังพบระเบิดต่อเนื่อง เนื่องจากการลอบวางก็สามารถทำได้อยู่ บางครั้งที่พบระเบิดลูกเกลี้ยงตามจุดต่างๆ มองว่าเป็นเพราะตำรวจกดดัน ตั้งด่านคนเหล่านี้จึงนำไปทิ้งไว้เพราะกลัวจะถูกตรวจเจอ ไม่ใช่การลอบก่อเหตุแต่เป็นการหลบหลีกการถูกจับกุม
พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า การป้องกันไม่ให้การลอบวางระเบิดขยายวงพื้นที่ไปนั้นตำรวจก็พยายามเต็มที่ ทุกวิถีทางไม่ให้เกิดเหตุอีก และมองว่าตำรวจไม่ได้ถูกกดดันทางการเมือง ทำหน้าที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีเหตุระเบิดที่บางบัวทองนั้นไม่พบว่านายสมัย วงศ์สุวรรณ์ เจ้าของระเบิดไปเชื่อมโยงกับกลุ่มไหน เมื่อถามว่า เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมือง 5-6 คนที่เคยออกมาระบุว่าเป็นกลุ่มที่ออกมาสร้างสถานการณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงระวังติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้อยู่
-ชัดแล้วศพที่ 4 ′สมัย′เจ้าของห้อง
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ รอง ผบช.สทส. ในฐานะโฆษกตร. ร่วมกับ พล.ต.ต.สัญชัย สุนทรบุระ ผบก.สท. และพ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รอง ผบก.ทล. ในฐานะรองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยพล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวถึงเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ว่า ศพที่ 4 ที่พบล่าสุดเมื่อวานนี้ในที่เกิดเหตุนั้น จากสภาพศพโดนระเบิดที่รุนแรง ไหม้ ลำตัวก็ฉีกขาด แต่เมื่อเราตรวจสอบจากแขนซ้ายที่ฉีกขาดที่เจอในคืนที่เกิดเหตุนั้น มีนิ้วที่สมบูรณ์อยู่ 3 นิ้ว กลาง นางและก้อย ก็ได้นำลายนิ้วมือไปเปรียบเทียบกับประวัติอาชญากร ของนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ที่มาเช่าห้องหมายเลข 202 ซึ่งเคยมีประวัติถูกจับกุม บันทึกลายนิ้วมือ เมื่อปี 2552 และยืนยันว่าตรงกัน ก็น่าจะยืนยันได้ว่าผู้ที่เสียชีวิตคือนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ แต่ต้องมีการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ หรือดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งด้วย สำหรับหญิงชายชาวมุสลิมที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้หน้าแมนชั่นก่อนเกิดเหตุระเบิดนั้น ชุดสืบสวนกำลังติดตามตัวอยู่ ขณะนี้จึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าทั้ง 2 รายเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากเหตุระเบิดดังกล่าวตรงกับการข่าวของดีเอสไอที่ออกมาเปิดเผย จุดนี้แสดงว่าการข่าวของ ตร.ไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ผบ.ตร.ได้กำชับแต่ละพื้นที่เรื่องการตรวจการข่าว รวมถึงการส่งคนไปประกบผู้ต้องสงสัยผู้ทำงานด้านนี้ทำงานอย่างเข้มงวดตลอด กลุ่มนี้เท่าที่เราได้มีการเชื่อมโยงเราก็พบว่าตรงกับการสืบสวนทั้งหมดที่เราสืบมา แต่ไม่ได้มีการระบุพื้นที่ชัดเจน ทำให้บางกลุ่ม บางจุด อาจมีการหลุดรอดไปบ้าง แต่สังเกตได้ว่าผู้ที่ก่อเหตุจะมีการย้ายที่อยู่บ่อยๆ และอยู่ที่ใหม่ได้ไม่นาน การติดตามเฝ้าระวังก็ทำได้ยาก รวมทั้งการติดต่อสื่อสารกันระหว่างผู้กระทำผิดก็ยิ่งทำได้ยาก เพราะคนร้ายก็ระวังตัวตลอด เพราะฉะนั้นตำรวจก็ต้องติดตามตลอด
-ยันผบ.ตร.เข้มงวดสกัดระเบิด
เมื่อถามว่า ทาง ตร.ได้สั่งการให้มีการเข้มงวดเรื่องของการตั้งด่าน ตรวจสอบบุคคลและวัตถุต้องสงสัย แต่สาเหตุใดกลุ่มคนร้ายยังสามารถประกอบวัตถุระเบิดได้ พล.ต.ต. ประวุฒิกล่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียรพูดมาตลอด แต่วัสดุต่างๆ ที่ใช้เป็นการประกอบระเบิด ปุ๋ยยูเรีย ดินเทา เหล่านี้ ไม่ใช่วัสดุควบคุม และเราสามารถหาซื้อได้ตามตลาด ก็ควบคุมยาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพล.ต.อ.วิเชียรได้สั่งการตามด่านตรวจสกัดต่างๆ ที่เจอวัสดุพวกนี้ และสอบถามแล้วไม่มีเหตุผลที่จะนำไป พกพา เคลื่อนย้าย ก็ต้องซักถาม ให้กักตัวไว้ก่อน โดยมุ่งเป้าไปที่ถังน้ำยาแอร์ ถังดับเพลิงต่างๆ
เมื่อถามว่า ทาง ตร.ได้จัดกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดในขณะนี้อย่างไรบ้าง พล.ต.ต.ประวุฒิกล่าวว่า เราก็จัดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ที่ใช้ระเบิดชนิดนี้ทาง ตร.ก็เคยระบุแล้ว ประกาศตั้งรางวัลนำจับไว้ และเป็นกลุ่มที่ไม่ประสงค์ให้บ้านเมืองสงบสุข นอกจากนี้ยังมีกลุ่มใช้ระเบิดชนิดง่ายๆ แรงดันต่ำ และใช้กับเรื่องส่วนตัว อาทิ ชนิดขว้าง อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ไม่ได้ไว้วางใจ เพราะยังมีบางกลุ่มยังเคลื่อนไหว ตำรวจก็ยังตรวจสอบอยู่ เพราะระเบิดก็ไม่มีเพียงชนิดเดียว การสืบสวนก็ต้องลงลึกไปอีก
เมื่อถามว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ระบุว่า ต้องขันนอตตำรวจอีก พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ตำรวจก็เหนื่อย ทำงานกันเต็มที่ ขันนอตกันอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์บทเรียนในการทำงาน ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนในการแจ้งข่าวสาร หากคนที่อยู่ข้างห้องเจ้าของอพาร์ตเมนต์พบพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ การมีคนเข้ามามากหน้าหลายตา ผู้เช่าห้องไม่มีอาชีพชัดเจน ก็แจ้งสืบสวนในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ
-พฐ.เข้าตรวจแมนชั่นอีกรอบ
เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรานนท์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดอีกครั้ง ภายในซากอาคารสมานเมตตา แมนชั่น อ.บางบัวทอง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมทั้งตรวจหาสารวัตถุต้องห้าม บริเวณจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำไปรวบรวมสำนวนคดี
นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวยังมีเจ้าหน้าที่จากกรมสุขภาพจิต เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการทางการแพทย์บางบัวทอง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมืองบางบัวทอง เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้ตั้งเต็นท์กองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้ง พร้อมกับได้นำถุงยังชีพออกแจกให้กับครอบครัวและผู้ที่พักอาศัยอยู่ภายในแมนชั่นดังกล่าวด้วย
ต่อมาได้มีนางดวงกมล ประสาโธ อายุ 48 ปี มารดาของ น.ส.ทัศนีย์ เจริญลาภ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้ด้วย เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมกับเข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อขอเอกสารเพื่อเป็นหลักฐานเดินทางไปรับศพบุตร สาว ที่สถาบันนิติเวชฯ โรงพยาบาลตำรวจ นางดวงกมล กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อมารับศพบุตรสาว เพื่อนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่ จังหวัดจันทบุรี สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตนรู้สึกเสียใจมากกับการสูญเสียลูกสาว ตนก็อยากจะสอบถามผู้ที่ก่อเหตุ ทำให้ระเบิดขึ้นว่าคิดอะไรอยู่ ทำให้ประเทศต้องเสียหาย ร่วมและทำให้ประชาชน และบุตรสาวที่บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิต และจากการเข้าพบเจ้าหน้าที่ก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างดี จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เบื้องต้นได้มอบเงินให้จำนวน 5,000 บาท ค่าทำศพ โดยทางกระทรวงเองแจ้งว่า หลังจากยื่นเรื่องแล้วทางกระทรวงจะจ่ายเงินให้อีก 4 แสนบาท ซึ่งสำหรับเงินที่ช่วยเหลือมานี้ถึงจะเป็นแสนหรือ 10 ล้าน ก็ไม่สามารถทดแทนกับความสูญเสียบุตรสาวได้ นางดวงกมลกล่าว
จาก อัลบั้ม ข่าวสดออนไลน์ |
-เปิดใจร้านขายวงจรที่บ้านหม้อ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปสอบถามข้อมูลที่ร้านประกิต แอนด์ เซอคิท เลขที่ 119 ถ.บ้าน หม้อ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ผู้ผลิตแผงวงจรประกอบระเบิดที่พบในจุดเกิดเหตุ นางนภา จันทรางศุ ผู้ดูแลร้านเปิดเผยว่า แผงวงจรดังกล่าวเป็นเพียงชุดตั้งเวลาอเนก ประสงค์ ที่สามารถนำไปประกอบอุปกรณ์อิเล็ก ทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อตั้งเวลาในการเปิด-ปิดเท่านั้น ไม่ได้เป็นวงจรสำหรับใช้ในการจุดระเบิดโดยเฉพาะ ชุดตั้งเวลาอเนกประสงค์ดังกล่าว มีผู้ค้าหลายรายผลิตออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นวงจรพื้นฐานที่ใช้งานได้หลายอย่างตามต้องการ
นางนภากล่าวว่า ปกติร้านค้าที่ผลิตแผงวงจรจะใส่ชื่อร้านไว้ในแผ่นของแผงวงจร เพื่อระบุว่าใครเป็นผู้ผลิต ร้านประกิต แอนด์ เซอคิท เปิดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ชุดขยายเสียง ไอซี ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากมานานกว่า 20 ปี แต่ละวันลูกค้าทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด เข้ามาซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นร้านค้าปลีกรายย่อยยังรับไปจำหน่ายต่อ เฉพาะย่านบ้านหม้อมีร้านค้ารายย่อยนำชุดเซอร์กิตร้านประกิตฯ เป็นผู้ผลิตไปวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถจดจำหน้าลูกค้าได้ทั้งหมด
-ยันไม่คุ้นหน้า′สมัย วงศ์สุวรรณ์′
"ปกติลูกค้าที่เข้ามาซื้อมีทั้งรายย่อย ร้านค้า ทั้งขาประจำและขาจร บางคนมาซื้อเพียง 1-2 ชิ้น บางคนมาซื้อครั้งละ 20-30 ชิ้น ส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อครั้งละมากๆ มักเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชุดตั้งเวลาอเนกประสงค์ดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประกอบเพื่อตั้งเวลาได้สารพัดอย่าง เช่น ตั้งเวลาปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ กาต้มน้ำ หรือไฟภายในรถยนต์ เพื่อถ่วงเวลาในการปิดไฟเองโดยไม่ต้องปิดให้เสียเวลา เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่หาได้ทั่วไป อาจเพราะมีชื่อร้านปรากฏอยู่ในแผงวงจร ทำให้ทุกครั้งที่มีการระเบิดตำรวจมักมาตรวจสอบที่ร้านเป็นประจำ โดยจะมาสอบถามเรื่องการทำงานของวงจร ขอคำแนะนำ รวมทั้งซื้อแผงวงจรไปเป็นตัวอย่างด้วย และหลังจากมีตำรวจเข้ามาขอข้อมูลบ่อยครั้งทำให้ทุกวันนี้จะหมั่นสังเกตลูกค้าทุกรายแต่ไม่มีใครผิดสังเกตและไม่คุ้นหน้านายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ที่ระบุว่า เป็นผู้ประกอบระเบิดแต่อย่างใด" ผู้ดูแลร้านประกิตฯ กล่าว
-วงจรตั้งเวลาขายชุดละ 150 บาท
นางนภากล่าวเพิ่มเติมว่า ชุดตั้งเวลาดังกล่าวทำงานด้วยระบบอนาล็อก ใช้แรงดันไฟฟ้าขนาด 12 โวลต์ ตัวตั้งเวลาเป็นแบบหมุน ผู้ใช้ต้องอาศัยการหมุนตัวตั้งเวลา จากนั้นต้องเทียบเวลากับนาฬิกาว่าหมุนไปมากเท่าไหร่ เป็นเวลาเท่าใด เพื่อหาระยะการตั้งเวลาตามที่ต้องการ ทำให้ยังมีความไม่แม่นยำเที่ยงตรงมาก เหมือนระบบดิจิตอล แต่จะผิดเพี้ยนเพียงแค่หลักวินาทีเท่านั้น และทุกคนสามารถนำไปประกอบกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตัวเอง หากมีความรู้เรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบสายไฟฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดตั้งเวลาดังกล่าวเป็นเพียงแผงวงจรขนาดเล็ก กว้างประมาณ 2 นิ้ว ยาวประมาณ 3 นิ้ว บนแผงวงจรมีตัวอักษรภาษาอังกฤษคำว่า PRAKIT และมีหมายเลข TMR 6780 PCB + 12 V บนแผงวงจรประกอบด้วยอุปกรณ์ไอซีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น และมีตัวตั้งเวลาแบบมือหมุนอยู่ปลายด้านหนึ่ง พร้อมหลอดไฟแอลอีดี แสดงการทำงานของวงจร และมีเอกสารคู่มือการใช้งาน พร้อมคำแนะนำการเปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวหากต้องการให้วงจรดังกล่าวตั้งเวลาได้นานขึ้น สามารถตั้งเวลาได้ตั้งแต่วินาที จนถึงนานเป็นสัปดาห์ จำหน่ายในราคา 150 บาทต่อชุด
-ผบช.น.ระดม 2 พันตร.ตั้งด่าน
เวลา 16.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.ผบช.น. ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ รักษาการนายกรัฐมนตรี ว่า นายสุเทพไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างอยู่ในแผนการทำงานอยู่แล้ว หากมีปัญหาทางบชน.จะประสานตรงไปยังศปก.ตร.ก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติจะประชุมร่วมกับศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขณะนี้ในส่วนของบช.น.ยืนยันว่าการข่าวไม่มีสัญญาณอะไรน่าเป็นห่วง ทุกคืนเจ้าหน้าที่ตำรวจของบชน. 2,600 นาย ออกตรวจพื้นที่ คนทำผิดก็รู้ มีการหลบไปมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องพยายามป้องกัน อย่างไรก็ตาม เวลา 18.00 น. วันนี้ หลังศอฉ. ประชุมเสร็จ ตนจะเรียกหน่วยขึ้นตรงประชุมอีกครั้ง เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ เพราะจากนี้จนถึงวันที่ 14 ต.ค. ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวว่า หลังเกิดระเบิดบางบัวทอง ส่งสัญญาณว่าจะมีการก่อเหตุอะไรขึ้นหรือไม่ พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวว่า คิดว่าบรรยากาศน่าจะดีขึ้น ส่วนการพบระเบิดบริเวณใกล้บ้านพักของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ นั้น ความจริงไม่ได้ใกล้ ห่างจากบ้านพักถึง 400 เมตร เข้าใจว่าผู้ที่ขนอาวุธดังกล่าวคงเจอด่านตำรวจที่ประชาชื่นก่อนจึงโยนทิ้ง ซึ่งบช.น.ได้ตั้งด่านอยู่ทั่วพื้นที่กทม. เดิมจะตั้งด่านจนถึงวันที่ 15 ต.ค. แต่ตนจะสั่งการให้ตั้งด่านจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้
-ระเบิดที่ประชาชื่นฝีมือพวกป่วน
"ระเบิดที่พบที่ถนนประชาชื่นนั้น ไม่มีไส้และชนวน เป็นลักษณะการป่วน ส่วนด่านของ บชน.ที่ตั้งนั้น จะสลับวนกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่ประจำ รวมทั้งบ้านบุคคลสำคัญต่างๆ จะสลับกันตั้งด่านและส่งสายตรวจคอยดูแลความปลอดภัย เป็นการเฝ้าระวังตามแผนที่ บชน. กำหนดไว้" พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าว
เมื่อถามว่าหลังพบระเบิดล็อตใหญ่ที่บาง บัวทองแล้ว คิดว่ามีการเล็ดลอดเพื่อก่อเหตุอีกมากหรือไม่ พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวว่า เชื่อว่าผู้ที่ดำเนินการคงไม่ประกอบล็อตละมากๆ คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง เมื่อถามว่าขณะนี้บช.น.จับตากลุ่มเคลื่อนไหวอยู่กี่กลุ่ม พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นคนเดิมๆ และยังไม่มีสัญญาณว่าจะก่อเหตุรุนแรง เมื่อถามว่ากลุ่มที่เฝ้าติดตามอยู่ยังเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ พล.ต.ต.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตอนนี้ประชาชนค่อนข้างสับสนระหว่างเรื่องส่วนตัวกับการเมือง บางเหตุการณ์เป็นเรื่องส่วนตัวแล้วก่อเหตุ ซึ่งเรื่องส่วนตัวมันเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่บังเอิญอยู่ในช่วงเดียวกับเหตุการณ์ป่วน แต่ตนคงบอกไม่ได้ว่าถึงวันนี้อารมณ์และความรู้สึกที่เกี่ยวโยงกับการเมืองลดน้อยหรือเพิ่มขึ้น เพราะบางคนอินกับการเมืองมาก แต่ส่วนตัวอยากให้กทม.ปลอดจากระเบิด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการข่าวของบชน.สืบทราบกรณีนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อยู่ไม่ไกลจากกทม. และตำรวจก็เห็นตัวแต่ไม่จับกุม พล.ต.ต. จักรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ได้ข่าวนี้เลย ถ้าเห็นก็จับกุมอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่นอกพื้นที่กทม. ถือว่าไม่ใช่ความรับผิดชอบของตน ถ้าอยู่ในกทม.รับรองว่าเรียบร้อย แหย่ขาเข้ามาเมื่อไหร่ก็จับแน่นอน "เป็นพระ ต้องสวด เป็นตำรวจ ต้องจับ"
-′จตุพร′แฉเป็นระเบิดวางยา
ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัด ส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวถึงเหตุระเบิดที่บางบัวทองที่ระบุเป็นฝีมือของนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ การ์ดเสื้อแดง ว่า คนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมมีหลายล้านคน และหน่วยการ์ดใครก็เป็นได้ โดยมีจิตใจอาสามา เพื่อต่อสู้ ซึ่งจุดยืนเราต่อสู้ด้วยแนวทางสันติ สงบและปราศจากอาวุธ กรณีนายสมัย ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และผอ.ศอฉ. และหลังเกิดเหตุตนได้ติดตามประ มวลสถานการณ์ รวมถึงการสัมภาษณ์จากหน่วยงานต่างๆ ตนจับประเด็นได้ว่าการจับระเบิดครั้งนี้อยู่บนรอยต่อจากการที่บช.ภาค 5 ไปกุข่าวจับคนเสื้อแดง 11 คนที่ จ.เชียงใหม่ สุดท้ายเมื่อไม่มีพยานหลักฐานก็ใช้วิธีกันเขาเป็นพยาน ถือว่าผิดวิสัยว่าเมื่อกล่าวหาว่าล้มสถาบัน มีอาวุธร้ายแรง ก่อวินาศกรรม สังหารบุคคลสำคัญ จะต้องดำเนินคดี
นายจตุพรกล่าวว่า กรณีนายสมัยอยากฝากตำรวจว่าหากเรื่องผ่านกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คดีนี้อาจฉิบหาย หากหวังผลทางการเมืองและหวังผลทางคดี ก็ส่งให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งจะไม่ได้ประโยชน์ในข้อเท็จจริง แต่ถ้าส่งให้ตำรวจสอบสวนจะได้รู้ข้อเท็จจริง สิ่งที่น่าสนใจระเบิดนี้เป็นการวางยา
-ระวังกทม.จะเหมือน 3 จว.ใต้
นายจตุพรกล่าวว่า ตนอยากให้ตำรวจประสานหน่วยงานทหารเพราะจากการข่าวของทหารระบุระเบิดในประเทศขณะนี้เกินสถาน การณ์ในประเทศไปแล้ว สถานการณ์มันข้ามประเทศ ตนอยากให้หน่วยงานความมั่นคงประเมินสถานการณ์จากหน่วยข่าวของทหาร เพราะเขาไม่มีผลทางการเมือง เขาไม่ได้ดีจากรัฐบาลนี้ สถานการณ์มันเลยไปแล้ว ทั้งกรุง เทพฯ และ 3 จังหวัดปริมณฑล จะกลายเป็นทะเลระเบิดเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะตายกันเป็นเบือ ถ้ารัฐบาลไม่รู้โจทย์ปัญหาอย่างแท้จริง มัวจะแก้ไขด้วยการกล่าวหาทางวาทกรรมทางการเมือง
"น่าเสียใจกรณีนี้ 4 คนไม่ควรมาตาย และไม่ควรมีคนบาดเจ็บ เสียหาย เสียงระเบิดไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศนี้อีกแล้ว เพราะไม่เห็นจะมีใครได้ประโยชน์ ผมไม่เห็นว่าเสื้อแดงจะได้ประโยชน์ ถ้ารัฐบาลคิดว่าเสียงระเบิดจะไปกลบเรื่องทุจริต เรื่องความล้มเหลวในการบริหาร คดียุบพรรค ปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาล แสดงว่ารัฐบาลคิดผิด เพราะโจทย์นี้จะกลายเป็นเหมือนปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฉะนั้นจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุยกับทางการข่าวของทหาร เพื่อจะได้ตั้งโจทย์ให้ถูกต้องว่าสถานการณ์ประเทศมันลุกลาม" นายจตุพรกล่าว
-จี้ปมรถทะเบียนนราธิวาส
แกนนำ นปช.กล่าวว่า อยากบอกไปยังคนเสื้อแดงทั้งประเทศว่าต้องอดทน อดกลั้น และยึดแนวทางสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ยอมรับว่ามีคนคับแค้นรัฐบาลชุดนี้ เพราะเห็นว่าการยิงคน ฆ่าคนกลางถนน และยิ่งไปปิดสื่อคนเสื้อแดง สื่อที่จะเตือนสติกันก็ถูกตัดไปโดยปริยาย รัฐบาลอย่ามองว่าเสียงระเบิดจะต่ออายุให้รัฐบาล แล้วผสมโดยเอาคนของตัวเองผสมกันเล่น ถือว่าคิดผิด เพราะสถานการณ์จะลุกลามเกินกว่าจะควบคุมได้ ฉะนั้นรถป้ายทะเบียน จ.นราธิวาส ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เวลานี้ต้องประเมินใหม่ว่าที่บริหารประเทศไทยตอนนี้รัฐบาลมีปัญหากับโลกคือประเทศใดบ้าง และเวลานี้ถูกดึงกลับในลักษณะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านมายังประเทศไทยหรือไม่
จาก อัลบั้ม ข่าวสดออนไลน์ |
เมื่อถามว่าแสดงว่าการประเมินของรัฐบาลโดยเฉพาะข้อมูลของ ศอฉ.ไม่ตรงกันใช่หรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่า เชื่อว่าทหารใน ศอฉ.น่าจะมีความรู้ เพียงแต่วันนี้มันเล่นเกมการเมือง ถ้าตนคิดจะเล่นการเมืองแบบสกปรกใส่กัน จะบอกว่านายสมัยเป็นญาติของพล.อ.ประวิตร ไปเกี่ยว ข้องกับการวางระเบิดแล้วจะว่าอย่างไร แต่ตนไม่ใช้วิธีนั้น แต่อยากบอกว่าทางการควรประเมินสถานการณ์ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะลุกลามเกินกว่าจะควบคุมได้ เพราะตนสงสัยว่าใครเอาระเบิดมาวาง หากเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงจะกลายเป็นเหยื่อของสถานการณ์ได้โดยง่าย อยากให้ผอ.ศอฉ.ที่มีญาติตายที่นั่นไปถามหน่วยงานข่าวทหาร ที่ชำนาญการระหว่างประเทศ ได้ให้ข่าวตรงกับที่ให้ตนหรือไม่
-ชี้ระเบิดป่วนโยงถึงโจรใต้
ต่อข้อถามว่าพอจะระบุได้หรือไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลังในรัฐบาลนี้ นายจตุพรกล่าวว่า บอกแล้วว่าเดิมวางระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ เพื่อเอาประโยชน์ทางการข่าวกลบข่าว ต่อมาได้ถูกผสมโรง มันไปไกลเหมือน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ที่เสียงระเบิดยังไม่จบลง เพราะฝ่ายความมั่นคงรู้ว่าหากในประเทศมีความมั่นคงก็จะตกงาน แต่ท้ายที่สุดคุมสถานการณ์ไม่ได้ และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องรอให้ตำรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงออกมาก่อน เท่าที่เห็นจากข่าวเห็นว่าเจ้าของห้องที่เกิดเหตุนามสกุลเดียวกับพล.อ.ประวิตร ซึ่ง รมว.กลาโหม คงรู้ดีว่าเป็นใครและทำไมถึงได้ทำอย่างนั้น ตนทราบมาว่าเป็นญาติห่างๆ กับ รมว.กลาโหม ซึ่งเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นคงไม่ใช่ฝีมือคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นจากฝีมือของคนหลายสี เพราะตราบใดที่รัฐบาลยังคงประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีคนอยากลองของอยู่เรื่อยๆ ที่สำคัญตนเป็นห่วงเรื่องอาวุธสงคราม ที่หายไปจากค่ายทหารก่อนหน้านี้ว่าเกี่ยวโยงกันหรือไม่ เพราะทราบว่านายทหารหลายคนไม่สบายใจกับการปราบปรามประชาชน แล้วอาวุธสงครามหายไปขนาดนี้กองทัพต้องรีบติดตามกลับมาโดยเร็ว เนื่องจากอาวุธแต่ละอย่างมีอำนาจทำลายล้างสูง
-กห.โต้′สมัย′ไม่ใช่ญาติ′บิ๊กป้อม′
ที่บก.ทบ. พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ระบุถึงเหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง โดยนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดเป็นญาติห่างๆ กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ว่า กระทรวงกลาโหมขอชี้แจงว่าพล.อ.ประวิตรไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นญาติและไม่เคยรู้จักกับนายสมัย ตามที่นายจตุพรอ้างถึง ทั้งนี้ จากหลักฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุชัดว่า นามสกุลบุคคลดังกล่าวสะกดต่างกันถึง 2 จุด
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ถึงแม้หน้าตาอาจจะคล้ายกันแต่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกัน รวมถึงสีผิวก็ต่างกัน อย่างไรก็ตาม รมว.กลาโหมไม่ได้พูดถึงกรณีนี้ เพียงแต่ประสานฝ่ายเสนาธิการประจำรมว.กลาโหม เพื่อขอทราบความชัดเจน รวมถึงสถานที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ คนบางคนนามสกุลเหมือนกันแต่ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องและไม่รู้จักกันเลย ส่วนที่นายจตุพรพยายามเบี่ยงเบนประเด็นให้ถึงตัว รมว.กลาโหมนั้น พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ชัดเจน แต่อาจคลาดเคลื่อนในเรื่องนามสกุล เบื้องต้นต้องชี้แจงให้ประชา ชนเข้าใจ ส่วนจะฟ้องร้องนายจตุพรหรือไม่ขึ้นอยู่กับ รมว.กลาโหม
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ รมว. กลาโหมเคยสั่งการให้ควบคุมสารตั้งต้นเพื่อใช้การประกอบวัตถุระเบิดในกรณีพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้จึงสั่งให้ดูแลเรื่องการเคลื่อนย้ายจุดมุ่งหมายว่าไปที่ไหน และควรมีอุปกรณ์ที่ตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ประกอบเป็นสารตั้งต้น ตั้งแต่เริ่มนำมาทำระเบิด เรามีพ.ร.บ. ควบคุมอยู่แล้ว เช่น โรงโม่หิน ก็จะมีใบอนุญาตที่จะใช้สารประกอบวัตถุระเบิด
-ธาริตให้โอนคดีบึ้มให้ดีเอสไอ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดอาคารสมานเมตตาแมนชั่น ย่านบางบัวทองว่า ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีสารสนเทศ ในฐานะเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย เข้าหารือกับพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล รรท.ผบช.ภาค 1 เพื่อเตรียมรับโอนคดีระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่นนี้เข้าเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่าเหตุระเบิดเชื่อมโยงกับคดีลอบวางระเบิดป่วนเมือง 4 แห่ง
นายธาริตกล่าวว่า ดีเอสไอได้รับทราบข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากแนวร่วมคนเสื้อแดงกลับใจ ซึ่งระบุข้อมูลถึงพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มฮาร์ดคอร์ โดยชุดสืบสวนดีเอสไอได้กระจายกำลังเข้าติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เป็นเป้าหมาย ส่วนคนเสื้อแดงที่กลับใจเข้าให้การเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดี ดีเอสไอได้กันตัวไว้เป็นพยานและให้ความคุ้มครองความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าข้อมูลการข่าวของดีเอสไอยังเชื่อได้ว่ากลุ่มฮาร์ดคอร์ใต้ดินมีเป้าหมายก่อเหตุร้ายป่วนเมืองยาวไปถึงสิ้นปี 2553 และจะพัฒนารูปแบบการก่อเหตุโดยเพิ่มความรุนแรงขึ้น
-ปชป.ซัดก่อการร้ายเต็มรูปแบบ
ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีเหตุระเบิดแมนชั่น ย่านบางยังทอง จ.นนทบุรี ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชนเป็นอย่างมาก จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธสงครามร้ายแรง จึงมองว่าเป็นการดำเนินการของขบวนการ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้ในเดือนต.ค.ให้เป็นตุลาอาถรรพ์ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีเสียชีวิตไปด้วย
น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เหตุระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น เป็นการยืนยันว่ามีขบวนการเคลื่อน ไหวโดยใช้ความรุนแรงอยู่ ถือเป็นก่อการร้ายอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นศัตรูของคนทุกพรรค ทุกสี ทุกฝ่าย จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลขยายผลเหตุระเบิดดังกล่าวให้ถึงตัวผู้บงการ ผู้สนับสนุน และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการจับกุมผู้ฝึกอาวุธและผู้เตรียมก่อวินาศกรรมในเหตุการณ์เดือนเม.ย.ของปี 2552 และ 2553 หรือไม่ ทั้งนี้ พรรคไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อยากให้ช่วยแจ้งเบาะแสหากพบสิ่งผิดปกติ และอยากเรียกร้องให้กลุ่มการเมืองทุกกลุ่มยุติการปลุกระดมหรือใส่ร้ายรัฐบาลเพื่อสร้างความแตกแยก เพราะขบวนการดังกล่าวจะเกาะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองไปใช้ความรุนแรง
-กมธ.จี้คดีบึ้มบางบัวทอง
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน พิจารณากรณีเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นย่านบางบัวทอง พ.ต.ท.สมชัย อัสกุล รอง ผกก.สส.สภ.บางบัวทอง และ พ.ต.อ.นพรัตน์ รินทพล รอง ผบก.นนทบุรี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนร่วมชี้แจง
พ.ต.อ.นพรัตน์กล่าวว่า จุดเกิดระเบิดคือห้องพักชั้น 2 ของอาคาร มีผู้เสียชีวิตพบแล้ว 4 ศพ ทราบตัวบุคคลผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน เป็นคนพักห้องติดกัน 2 คน ส่วน 1 คนเป็นคนอยู่ที่แพปลาด้านนอก ส่วนศพที่พบล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ต.ค. แขนหายไปทั้งข้าง ใบหน้าเสียหาย ลำตัวฉีกขาด ผลสอบสวนเบื้องต้นน่าเชื่อว่าเป็นนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ส่วนความเกี่ยวข้องกับเสื้อแดงหรือไม่ไม่สามารถบอกได้ชัดเจน แต่นายสมัยมีประวัติการถูกดำเนินคดีที่ สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี และคดีที่หลบหนีคือคดีพยายามฆ่าและใช้ระเบิด
ขณะที่พ.ต.ท.สมชัยกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่ในพื้นที่บางบัวทองมีทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดง แต่เสื้อเหลืองจะน้อยกว่า
-สงสัยประเด็น′หญิงมุสลิม′
พ.ต.ท.สมชายถามว่า ประเด็นรถยนต์แผ่นป้ายทะเบียนนราธิวาสที่มีหญิงคลุมฮิญาบ ชาวมุสลิมมาหานายสมัย ได้นำมาพิจารณาด้วยหรือไม่ เพราะห่วงว่าหากไปโยงความเคลื่อนไหวภาคใต้จะไปกันใหญ่ พ.ต.อ.นพรัตน์ชี้แจงว่า มาจากปากคำพยานว่ามีชายและหญิงขับรถกระบะวีโก้ สีบรอนซ์ทอง มาหานายสมัย ส่วนหญิงมุสลิมนั้นเจ้าของแมนชั่นที่รับลงทะเบียนบอกว่ามากับนายสมัยในวันแรกที่มาติดต่อ
พ.ต.ท.สมชายแย้งว่า น่าสงสัยเพราะคนที่ถูกออกหมายจับไม่น่าจะยอมใช้บัตรประชาชนและชื่อจริงจองห้อง พ.ต.อ.นพรัตน์ยืนยันว่า เหตุที่ต้องใช้ชื่อจริงเพราะแมนชั่นมีกฎว่าต้องวางบัตรประชาชนและใช้ชื่อจริงในการขอเช่า จากการตรวจสอบทะเบียนการเช่าของแมนชั่น มีการวางบัตรประชาชน และจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 2 เดือนจริง ส่วนการพิสูจน์บุคคล เนื่องจากสภาพศพไม่สามารถจำได้ จึงเชิญมารดาของนายสมัยมาตรวจดีเอ็นเอเพื่อเทียบกับศพทั้งท่อนแขนที่พบในวันเกิดเหตุ และลำตัวที่พบล่าสุด แต่จากการสอบถามมารดาบอกว่าไม่ได้พบนายสมัยมานานแล้ว
-แฉประวัติ′สมัย′โยงเสื้อแดง
พ.ต.อ.สัญญา ทองบุตร รอง ผกก.สันติบาล กอง 2 กล่าวว่า ขณะนี้จากการสืบสวนข้อมูลของนายสมัย เป็นชาวสิงห์บุรี แต่งงานกับภรรยาแล้วไปอยู่เชียงใหม่โดยไม่ได้จดทะเบียน ภรรยาบอกเป็นคนไม่ดื่มสุรา ไม่สูบ บุหรี่ เคยเป็นทหารเกณฑ์ทำหน้าที่ควบคุมคลังแสงที่ จ.ลพบุรี พ้นเกณฑ์ทหารมาประกอบอาชีพประมง จากนั้นไปทำงานเป็น รปภ.บริษัทไจแอนท์กรุ๊ป ที่เชียงใหม่ แล้วลงมากทม. เป็น รปภ.ที่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และเข้าร่วมกับการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้โดนธนาคารเรียกไปตักเตือน กระทั่งต้องออก โดยนายสมัยร่วมการชุมนุมกับกลุ่มนายนิยม หนูเจริญ หรือดีเจ.เหล่ และนายสมัย ชอบฟังคลื่นเอฟเอ็ม 92.5 ของกลุ่มรักษ์เชียงใหม่
"วันนี้เราต้องระวัง เพราะถ้าเป็นกลุ่มแดงจริงแสดงว่าคุมกันไม่ได้แล้ว เขาอาจคิดว่าพี่น้องตายไป และถ้าไม่ระเบิดกันเสียก่อนจะมีคนตายมากกว่านี้ได้" พ.ต.ท.สมชายสรุปปิดท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกรรมา ธิการยังพิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงกรณีอาวุธสงครามสูญหายไปจากคลังแสงลพบุรี โดยเชิญพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนในพ้นที่ จ.ลพบุรี เข้าชี้แจง ขณะที่ผบ.ทบ. และผู้อำนวยการกองคลังแสง จ.ลพบุรี ติดภารกิจไม่สามารถเข้าชี้แจงได้
-อัศวินแจงคดีขโมยอาวุธไปขาย
พล.ต.ท.อัศวินชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวน่าเป็นเรื่องลักทรัพย์ธรรมดา แม้จะตั้งข้อสังเกตว่านำอาวุธไปขายให้กับกลุ่มว้า กลุ่มเคเอ็นยู กะเหรี่ยงคริสต์ กะเหรี่ยงพุทธหรือไม่ แต่เมื่อโทร.ไปสอบถามหัวหน้ากลุ่มดังกล่าวแล้วพวกเขาบอกไม่ได้ซื้ออาวุธเลย ตนจึงกลับมาถามคนที่ลักอาวุธ บอกว่าโกหกตนไม่ได้หรอก พวกเขาจึงสารภาพว่ายังไม่ได้เอาอาวุธไปขาย ยังเก็บไว้อยู่ จึงคิดว่ามันเกี่ยวกับเรื่องลักทรัพย์ธรรมดา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายทหารหรือตำรวจเลย เชื่อว่าเป็นการแอบอ้างเพื่อให้ตัวเองรอดเท่านั้น แต่ทางสืบสวนไม่พบว่ามีผู้ใหญ่ฝ่ายไหนเข้าเกี่ยวข้อง
พ.ต.ท.สมชายถามว่า น่าแปลกที่ลักทรัพย์ ลักอาวุธไปจำนวนมากขนาดนั้น มันต้องมีตลาด หากลักไปเก็บไว้เฉยๆ คงรอเวลาส่งต่อ ตนคิดว่ามันต้องมีจุดมุ่งหมายการรับซื้อไป มันมีเอกชนรับซื้อหรือไม่ เอาไปขายอย่างเดียวหรือแล้วมีตำรวจเข้าไปรับซื้อ
พล.ต.ท.อัศวินชี้แจงว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาระบุว่าต้องขายหมดในหน้าฝนให้ชมกลุ่มน้อย ที่ซื้ออาวุธไว้สู้รบกับรัฐบาลในหน้าแล้ง ตนจึงเข้าใจว่าหลังปีใหม่ไปแล้วคงมีการขายให้กองกำลังชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ แต่ถ้าค้าขายในประเทศไทยคงไม่มี
-บิ๊กตร.ประชุมใหญ่คลี่ระเบิด
ก่อนหน้านี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต และพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รรท.รองผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นที่บช.ภาค 1 มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รรท.ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.สส.บช.ภาค 1 พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี รรท.ผบก.พฐ. โดยใช้เวลาประชุมร่วมกันนาน 1.30 ช.ม.
จากนั้นพล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุระเบิด 48 ช.ม.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งในด้านนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการเชื่อมโยงพยานหลักฐานต่างๆ เข้ามา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดในห้อง 202 โดยรายละเอียดจะให้พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เป็นผู้แถลงรายละเอียด
-โยงอีก 3 คดีทีโอที-นางเลิ้ง-จุฬาฯ
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า เรื่องที่หนึ่งจากการตรวจสอบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของชิ้นส่วนแขนศพที่พบอยู่ในที่เกิดเหตุ กับญาติของนายสมัย วงศ์สุวรรณ์ ยืนยันได้ว่าเป็นนายสมัย จึงสรุปว่านายสมัยตายในที่เกิดเหตุ ส่วนเรื่องที่ 2 จากข้อมูลของศูนย์บริหารเหตุการณ์สำคัญ ได้รวบรวมข้อมูลเหตุการณ์สำคัญ ตั้งแต่เดือนมี.ค.จนกระทั่งถึงเกิดเหตุล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเหตุที่เกิดที่โรงเรียนสันติราษฎร์ ท้องที่สน. พญาไท ลานจอดรถกระทรวงสาธารณสุข หน้าสนามม้านางเลิ้ง และลานจอดรถห้างเดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน เป็นกลุ่มเดียวกัน โดยดูจากส่วนประกอบของระเบิด ขณะเดียวกันก็พบว่ามีความเชื่อมโยงเพิ่มมาอีก 3 คดี คือเหตุที่เกิดในวันที่ 3 เม.ย. หน้าทีโอทีและบริเวณกองขยะของ สน.นางเลิ้ง วันที่ 6 เม.ย. ที่หน้าจุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้ง 3 คดี แม้จะมีความเชื่อมโยงจนสามารถเชื่อได้ว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน แต่ยังมีบางจุดที่ยังต้องให้ผู้ชำนาญการตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมอีก แต่เบื้องต้นก็ได้ลงความเห็นว่ามีความใกล้เคียงมากกับ 5 คดีหลัง
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า หากคดีทั้งหมดเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันก็จะเห็นว่าคนร้ายมีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ จากการประกอบระเบิดในส่วนของขนาดเล็ก พัฒนาขึ้นมาเป็นขนาดกลาง และขนาดใหญ่ แต่ก็มาเกิดความผิดพลาดเสียก่อน โดยทางคณะทำงานพยายามยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ใช้ผู้ชำนาญในทุกส่วน ประการสุดท้ายตัวละครที่เกี่ยวข้องกับห้องที่เกิดเหตุระเบิด ขณะนี้พบว่ามีตัวละครที่เกี่ยวข้องมากกว่านายสมัย ที่จะสามารถตรวจสอบได้ ทั้งในเรื่องบุคคลและยานพาหนะ แต่ต้องขอเวลาในการตรวจสอบเพิ่มเติมอีกระยะหนึ่งว่าบุคคลดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะใด สนับสนุนด้านการเงิน หรือสนับสนุนด้านการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งขณะนี้ตัวละครต่างๆ เริ่มปรากฏออกมาเป็นระยะ
-พอรู้ตัวแล้ว 4-5 คนโยงถึงสมัย
รรท.รองผบ.ตร. กล่าวว่า ฝ่ายสืบสวนบช.ภาค 1 ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าตั้งแต่นายสมัยมาเช่าห้องอยู่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องเข้าออกห้องดังกล่าวบ้าง มียานพาหนะอะไรบ้าง และบุคคลหรือยานพาหนะดังกล่าวไปปรากฏ เกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆ หรือไม่อย่างไร ในตอนนี้มีปรากฏชื่อแล้ว 4-5 คน โดยจะมีการเรียกตัวมาสอบสวน แต่ต้องขอเวลาดำเนินการก่อน เพราะหากไปคิดก่อน เชื่อมโยงก่อน มองอะไรล่วงหน้าก่อน โดยที่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ก็อาจจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ส่วนหญิงที่แต่งกายชุดมุสลิมกับชายอีกคนหนึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน หากพบว่ามีข้อมูลที่สำคัญและสามารถเปิดเผยได้ก็จะแถลงให้ทราบต่อไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายพยายามเร่งทำงานเพื่อที่จะหยุดยั้งเหตุการณ์ เพราะเป้าหมายของสตช.คือต้องการให้มีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น มีการระดมสรรพกำลังและปรับการทำงานในทุกรูปแบบ เมื่อเกิดเหตุแล้วก็จะต้องจับกุมให้ได้ และประการสำคัญคือต้องขยายผล เพื่อหยุดยั้งคดีที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ทางสตช.ไม่สนใจว่าผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีจะเป็นใคร หากพยานหลักฐานถึงก็จะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำรวจจะมีมาตรการในการดูแลอพาร์ตเมนต์ คอนโดฯ ในช่วงนี้อย่าง ไรบ้างนั้น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้มีการปฏิบัติมานานแล้ว สตช.ได้เรียกประชุมทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยเรื่องที่พักที่อาศัยที่เป็นอาคารตึกสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้องวงจรปิด การตรวจสอบประวัติบุคคลเข้าพัก ได้ทำมานานแล้ว แต่ก็ต้องแสวงหาความร่วมมือจากเจ้าของธุรกิจต่างๆ ลำพังตำรวจอย่างเดียวก็คงทราบอยู่ว่ามีกำลังกันแค่นี้ แต่ละเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าจะจับกันได้ง่ายๆ จึงต้องขอความร่วมมือทุกส่วน
-เปิดชื่อ 4 คนโยงบึ้มแมนชั่น
มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับนายสมัย ขณะนี้ตำรวจได้ชื่อคนที่เข้ามาเชื่อมโยงแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายกษิ ดิฐธนรัชต์ โดยพบหลักฐานการโอนเงินจากบัญชีของนายกสิเชื่อมโยงถึงนายสมัยด้วย โดยโอนครั้งละ 1-2.5 หมื่นบาท 2.น.ส.นะทัน หะยีดือราแม ซึ่งภูมิลำเนาเดิมอยู่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่ตลาดเลาขวัญ อ.เมืองนนทบุรี ทำงานอยู่ที่วิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง และเป็นภรรยาของนายกษิ 3นางอำพร หรือลัดดา หรือครูแขก ใจก้อน เมียอีกคนของนายกษิ ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้เป็นผู้หญิงในชุดที่มีผ้าคลุมหัว และ 4.นายยา ปิยะนรา อายุ 63 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นรา ธิวาส เป็นเจ้าของรถวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทอง ทะเบียน กค-3898 นราธิวาส ที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่ามาหานายสมัยที่แมนชั่นหลายครั้ง โดยพยานหลักฐานปรากฏว่าบุคคลทั้งสี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายสมัยแน่นอน ซึ่งทีมสืบสวนเร่งติดตามตัวทั้ง 4 คนมาสอบปากคำอย่างเร่งด่วน
-หิ้วสอบแล้ว 1-ศอฉ.ออกหมายจับ 2
ข่าวแจ้งว่า จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจภาค 1 พบว่านายกษิ และนางอัมพร หรือลัดดา หรือครูแขก มีความเชื่อมโยงกับนายสมัยชัดเจนที่สุด เพราะทั้งคู่เป็นคนพานายสมัยมาเช่าห้องพักที่สมานเมตตาแมนชั่นเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา มีทั้งพยานบุคคลและกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ส่วนนายยา ปิยะนรา พบว่าเป็นเจ้าของรถปิกอัพวีโก้ สีบรอนซ์ทอง กค-3898 นราธิวาส โดยซื้อจากโชว์รูมโตโยต้าพิธาน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และพบว่ามีคนขับรถปิกอัพวีโก้มาหานายสมัยที่แมนชั่นเกิดเหตุหลายครั้ง นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าในคดีระเบิดหน้ากระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนสันติราษฎร์ หน้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน และหน้าสนามม้านางเลิ้ง มีหลักฐานว่ารถปิกอัพวีโก้คันดังกล่าวไปปรากฏในบริเวณดังกล่าวทุกครั้งก่อนมีการวางระเบิด อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบยังพบว่าทั้ง 4 คนมีพื้นเพอยู่ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
ข่าวแจ้งด้วยว่า ทีมสืบสวนภาค 1 ได้นำตัวน.ส.นะทัน หะยีดือราแม ซึ่งเป็นเมียของนายกษิมาสอบสวนแล้วในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง นอกจากนี้ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ศอฉ.ได้ออกหมายจับนายกษิ ดิฐธนรัชต์ และนางอำพร ใจก้อน ในคดีเกี่ยวกับความมั่นคง และเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น
-รวบเจ้าของปิกอัพวีโก้ที่โก-ลก
ข่าวแจ้งอีกว่า วันเดียวกัน ทีมสืบสวนของภาค 1 ได้แบ่งออกเป็น 3 ชุดตรวจสอบและติดตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด โดยจุดแรกเป็นจ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายสมัย จุดที่ 2 จ.นครนายก ซึ่งมีข้อมูลว่านายสมัยเคยไปพำนักอยู่ช่วงหนึ่ง และจุดที่ 3 จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นเพของผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน
โดยทีมสืบสวนตามเจอตัวนายยา ปิยะนรา เจ้าของรถปิกอัพวีโก้ สีบรอนซ์ทอง กค-3898 นราธิวาสแล้ว พบนายยาอยู่ที่บ้านพักที่อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในเบื้องต้นนายยาให้การภาคเสธ ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องระเบิดแมนชั่นที่บางบัวทอง โดยให้การว่าก่อนหน้านี้ นายกษิเป็นคนว่าจ้างให้ไปซื้อรถปิกอัพวีโก้คันดังกล่าวจากโชว์รูมโตโยต้าพิธาน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากซื้อรถมาแล้วนายกษิก็นำรถไปใช้ โดยที่ตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายยาไว้สอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป
-เจออาร์พีจีใกล้พรรคเพื่อไทย
เมื่อเวลา 19.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.สุทิน โชติรัมย์ ร้อยเวร สน.บางรัก รับแจ้งเหตุพบอาวุธสงครามจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในภายในห้องเช่าเลขที่ 566/49 ซ.กิจพาณิชย์ หรือธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสะพานเหลือง แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยเก็บวัตถุระเบิดบช.น จนท.ทหาร ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์หลายคูหาอยู่ท้ายซอย บริเวณชั้น 3 ห้องพักดังกล่าวพบกระเป๋าเป้สีดำ ภายในมีหลอดสีขาวบรรจุเครื่องกระสุนระเบิดอาร์พีจี จำนวน 3 หัว เครื่องยิงระเบิดอาร์พีจีซึ่งประกอบแล้วอีก 1 เครื่อง และอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนอาก้า จำนวน 750 นัด บรรจุในกล่องเหล็ก
จากการสอบสวนทราบว่ามีนายสุเทน ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 30 ปี เป็นผู้เช่าเมื่อวันที่ 27 พ.ค.2552 และย้ายออกไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พักอยู่กับแฟนสาวจะไปๆ มาๆ ห้องเช่าอยู่ห่างจากพรรคเพื่อไทยเก่า 300 เมตร จนท.จึงเก็บไปเพื่อตรวจสอบ
Ref: ข่าวสดรายวัน (update วันที่ 08 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7253 หน้า 1)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น