วันเสาร์, สิงหาคม 14, 2553

'พล' รับสารภาพซัดนายใหญ่จ่ายเงินเสธ.แดง : เดลินิวส์รายวัน

by Herogeneral @ 2010-08-15 – 09:38 am

ที่มา: ข่าวหน้า 1 นสพ.เดลินิวส์
วันอาทิตย์ ที่ 15 สิงหาคม 2553 เวลา 8:41 น

'พล' คนขับรถ-ลูกน้องสนิท 'เสธ.แดง' โดนตำรวจตะครุบหลังหนีออกนอกประเทศ ก่อนจะกลับมาพักอยู่ที่ในมหาสารคาม แล้วถูกจับส่งเข้าค่ายทหารตามอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 'พล' รับสารภาพไปทุกทีที่ลูกพี่ไปนานกว่า 4 ปี 'เสธ.แดง' รับเงิน 'นายใหญ่' ที่ไหน จ่ายให้ใครบ้างรู้หมด เจ้าหน้าที่กล่อมตั้งใจกันเป็นพยาน ส่วนทีมไล่ล่ายังตามตัว “มงคล” มือทำระเบิดให้ทีม “เสธ.แดง” แฉ มีคนร่วมก่อเหตุ 4 คน โดนรวบแล้ว 2 เหลือ อีก 2 คน “มงคล-มดเอ็กซ์” ส่วน “ธาริต” ส่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ประกบแล้วแต่ยังไม่แจ้งข้อหา ด้าน “สุเทพ” ปัดไม่รู้เรื่องจับคนสนิท “เสธ.แดง” แต่ยอมรับคดีสลายม็อบยากคืบหน้า ขณะที่เด็กปชป. เผย อัยการสูงสุดเร่งตามตัว “แม้ว-กี้ร์” ในต่างแดน จี้ ขยายผลท่อน้ำเลี้ยงแดง ทั้งใน-ตปท.หลังจับกุมตัวคนก่อวินาศกรรม ส่วนที่เชียงใหม่-ลำปางผวาบึ้มรายวัน ผู้ไม่หวังดีใช้กล่องของขวัญ และระเบิดใช้ซ้อมขว้างวางป่วนเมือง

เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) จับกุมตัว นายจักรชลัช หรือ พล คงสุวรรณ อายุ 37 ปี คนขับรถของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ว่า นายจักรชลัชถูกควบคุมตัวในหมายจับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เจ้าพนักงานมีอำนาจในการควบคุมตัวเบื้องต้นได้ 30 วัน โดยระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบถามข้อมูลจากผู้ต้องหาไม่ต้องจัดให้มีทนาย ความหรือญาติเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำ

นายธาริต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยอมรับว่านายจักรชลัช ถูกนำตัวไปควบคุมอยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ในระหว่างนี้นายจักรชลัชจะยังไม่ถูกนำตัวมาส่งให้ดีเอสไอดำเนินการในคดีก่อ การร้าย จนกว่าการสอบปากคำจะเสร็จสิ้นครบถ้วน หรือ ครบกำหนดอำนาจการควบคุมตัว 30 วัน อย่างไรก็ตามตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เดินทางไปยังค่ายทหารเพื่อร่วมสอบปากคำและดูแลผู้ต้องหารายนี้อย่างใกล้ชิด แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนที่นายจักรชลัชจะถูกจับกุมได้ที่หมู่บ้านหนองแทรก อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ได้สะกดรอยความเคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การชุมนุม นปช. ยุติลง จนกระทั่งทราบว่านายจักรชลัช เดินทางเข้ามาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้วางแผนเข้าจับกุมตัวได้ที่ จ.มหาสารคาม โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงคาดหวังที่จะได้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้ต้องหารายนี้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอจะยังไม่แจ้งข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากตามกฎหมายการสอบสวนคดีพิเศษและกฎหมายอาญา หากผู้ต้องหาถูกจับในคดีก่อการร้ายพนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัวได้เพียง 48 ชั่วโมง จากนั้นต้องนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังในเรือนจำ ซึ่งในขั้นตอนการสอบสวนในคดีอาญาจะต้องมีทนายหรือญาติผู้ต้องหาร่วมรับฟัง ตลอดการสอบสวน ดังนั้นจึงจะยังไม่มีการแจ้งข้อหา

ก่อนหน้านี้นายจักรชลัช เคยมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ต้องหาก่อการร้าย ซึ่งดีเอสไอยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา แต่รายชื่อบางส่วนรวมถึงนายจักรชลัช ศาลมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โดยเห็นว่าพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนยังไม่เพียงพอ สำหรับเงื่อนไขที่จะทำให้นายจักรชลัช ได้รับการคุ้มครองจาก ดีเอสไอในฐานะพยานคดีก่อการร้ายนั้น ขึ้นอยู่กับคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งนอกจากจะต้องให้การที่เป็นประโยชน์แล้ว ยังต้องให้การเชื่อมโยงถึงพยานแวดล้อมประกอบที่มีน้ำหนักสอดรับกับคำให้การ ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดจับกุมได้ติด ตามพฤติกรรมของนายจักรชลัช มาโดยตลอด หลังทราบข้อมูลว่าเป็นคนใกล้ชิดพล.ต.ขัตติยะ มายาวนานกว่า 4 ปี โดยก่อนหน้านี้นายจักรชลัช เป็นทหารเกณฑ์ กองทัพเรือ มีความห้าวหาญและใจกล้าบ้าบิ่นจนเป็นที่ถูก ใจ พล.ต.ขัตติยะ ในช่วง 2 ปีแรกทำหน้าที่ ติดตามปกติโดยเดินทางไปทุกแห่งที่ พล.ต. ขัตติยะ เดินทางไป รวมถึงการไปต่างประเทศเพื่อพบนายใหญ่ด้วย ส่วนใน 2 ปีหลังนั้นได้รับความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่ขับรถ ในครั้งที่ พล.ต.ขัตติยะ ถูกจับที่กองปราบปราม นายจักรชลัช ก็ถูกจับกุมด้วย

ทั้งนี้ตำรวจมีข้อมูลชัดเจนว่านายจักรชลัช เป็นบุคคลที่ทราบรายละเอียดการรับเงินของ พล.ต.ขัตติยะ จาก “นายใหญ่”ตลอดไม่ว่าที่ไหน และทราบดีว่านำเงินเหล่านั้นไปจ่ายให้กับบุคคลใดบ้าง และครั้งละเท่าไหร่ ทำให้ตำรวจเฝ้าดูผู้ต้องหารายนี้มาตลอดตั้งแต่ พล.ต.ขัตติยะ เสียชีวิต และนปช. เลิกชุมนุมแล้วหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะกลับเข้ามาในประเทศพร้อมนายสุรชัย หรือ หรั่ง เทวรัตน์ คนสนิท พล.ต.ขัตติยะ ที่ถูกจับก่อนหน้านี้ แต่นายจักรชลัช ได้กลับไปอยู่ที่ร้อยเอ็ด ก่อนจะกลับมาอยู่ที่บ้านหนองแทรก อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม แล้วถูกจับกุมเมื่อเช้าวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับคำให้การเบื้องต้นของนายจักรชลัช มีการเปิดเผยว่าคนที่ร่วมก่อเหตุความวุ่นวายมีด้วยกัน 4 คน คือ นายสุรชัย นายจักรชลัช นายมดเอ็กซ์ และนายมงคล โดย 2 คนหลังนั้น เจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุมตัวอยู่ เนื่องจากนายมงคล เป็นอดีตทหารพราน ที่มีความชำนาญเรื่องระเบิดและเหตุระเบิดส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็มาจากฝีมือ การต่อวงจรของนายมงคล โดยว่าจ้างบุคคลอื่นไปวางตามจุดเป้าหมาย ซึ่งในขณะนี้ตำรวจกำลังติดตามหานายมงคลอยู่ เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยไว้แล้วจะมีเหตุวุ่นวายอีก ส่วนนายจักรชลัช เจ้าหน้าที่กำลังใช้ความพยายามที่จะให้ผู้ต้องหารายนี้ให้ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์และจะกันไว้เป็นพยานต่อไป

ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนขับรถ เสธ.แดงได้ ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่มีญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุมออกมาเรียก ร้องความช่วยเหลือรัฐบาลอีกครั้งนั้น ถ้ามีการร้องขอความเป็นธรรม เราก็ตรวจสอบให้ อะไรที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมได้ เราทำทั้งนั้น ส่วนเรื่องคดีนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกระเบิดหรือถูกยิงเสียชีวิต คดีก็ยังไม่คืบหน้าเช่นกัน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวายทางการ เมืองในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ว่า จากนี้ผู้ที่หลบหนีคดีทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ที่เข้าข่ายเป็นจำเลยในคดีนี้ อัยการสูงสุดจะขอความร่วมมือติดตามตัวผู้หลบหนีตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้าม แดน เพื่อนำตัวมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์

นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่ นปช. และเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุว่าสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมีสีกาสีและสีเขียวอยู่เบื้อง หลังว่า ตนขอท้าว่าหากมีหลักฐานขอให้เร่งเปิดเผยต่อสาธารณชน เนื่องจากขณะนี้มีการจับกุมตัวผู้ก่อวินาศ กรรม ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งคนดังกล่าวเป็นมือขวาของแกนนำคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรม และฝึกอาวุธ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสอบขยายผลถึงเส้นทางการเงินว่ามาจากภายในหรือภายนอก ประเทศ ทั้งนี้หากมีข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมก็จะใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ ในการนำตัวผู้กระทำผิดจากต่างประเทศมาดำเนินคดี รวมถึงการทยอยยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงแม้จะมีคนบางกลุ่มยังต้องการให้บ้านเมืองไม่ปกติ แต่รัฐบาลมั่นใจว่าจะสามารถสร้างความสงบได้

นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช. พาดพิงถึงนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดว่าเป็นญาติ ม.ล.ปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ว่า ขอให้นายจตุพร เห็นแก่กระบวนการยุติธรรมและชาติบ้านเมือง ในขณะที่ยังมีโอกาสอยู่ แต่ในอนาคตหากนายจตุพร ไปอยู่ในคุกก็อาจไม่มีโอกาสทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองได้ โดยเฉพาะที่ระบุถึงการสั่งคดีของอัยการสูงสุดว่าเป็นโครงข่ายโยงใยกลุ่ม อำมาตย์ โดยอ้างไปถึงกรณีรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 อยากบอกนายจตุพรว่าความจริงไม่ต้องเหนื่อย จัดการลำดับญาติบุคคลทั้ง 2 คน เพราะถือเป็นญาติที่ห่างกันมาก เป็นเพียงสายปู่และน้องของปู่ หากนับรุ่นหลัง ๆ ก็ไม่รู้จะโยงใยกันได้หรือไม่

“เข้าใจว่าการสั่งคดีของอัยการสูงสุด จำเป็นต้องเป็นไปตามหลักฐานพยานที่พนักงานสอบสวนส่งถึงอัยการ ไม่ได้สั่งคดีตามจินตนาการของนายจตุพร ทั้งนี้หากจะเทียบเคียงให้เห็นว่าแม้เป็นญาติที่ใกล้เคียงกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกัน เช่น กรณีที่พี่ชายของนายจตุพร ที่เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ มีสมณศักดิ์เป็นถึงพระเทพดิลก พระราชาคณะชั้นเทพ วัดบวรนิเวศวิหารฯ ขณะที่นายจตุพร เป็นผู้ต้องหาโจรก่อการร้าย ที่พี่สอนให้คนเป็นคนดี ขณะที่น้องชายกลับปลุกระดมจนตกเป็นผู้ต้องหา” นายสาธิต กล่าว

ส่วนที่จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 12.30 น. วันเดียวกันพ.ต.ท.วิทยา วิญญายอง สารวัตรเวร สภ.ภูพิงค์ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยวางไว้ที่ขอบทางต่างระดับบนถนนมหิดล ต.สุเทพ ห่างจากกงสุลญี่ปุ่นประจำจังหวัดเชียงใหม่เพียง 300 เมตร จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยร.ต.ท.นัติสนธิ์ วุฒิสารวัฒนา รอง สวป. และร.ต.ท.วิเชียร ธรรมปัญญา หัวหน้าชุดเก็บกู้ระเบิด บก.สส. ภ.5 ในที่เกิดเหตุพบกล่องของขวัญ 4 เหลี่ยมห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญสีชมพู วางบริเวณขอบถนนข้างเสาไฟส่องสว่าง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้จึงใช้ฝักแคระเบิดไปติดที่กล่อง แล้วต่อสายชนวนมาจุดระเบิดที่ฝักแคจนกล่องแตกออก พบว่าเป็นเพียงกล่องเปล่า ไม่มีระเบิดแต่อย่างใด คาดว่าเป็นกลุ่มผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย

ขณะที่จ.ลำปาง เมื่อเวลา 09.30 น. ร.ต.อ.ณัฐพล ศรีคำวัง ร้อยเวร สภ.เมืองลำปาง ไปตรวจสอบเหตุพบระเบิดวางอยู่ใต้ต้นไม้ ในลานจอดรถของตลาดเก๋าจาว ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง เมื่อไปถึงพบลูกระเบิดน้อยหน่าวางอยู่ใต้ต้นไม้ 1 ลูก จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดมาตรวจสอบแล้วเก็บไปทำลาย โดยพบว่าระเบิดดังกล่าวเป็นลูกระเบิดมีไว้ซ้อมขว้าง และไม่มีอันตราย คาดว่ามีผู้ไม่หวังดีนำมาวางทิ้งไว้เพื่อข่มขู่.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น