วันศุกร์, เมษายน 22, 2554

คำพูดนายกฯ กับเท้าทหาร: ทีวี.จอมืดตื่นปฏิวัตินปช.ปูดพลเอกในกองทัพแจ้งมีแผนล้มเลือกตั้ง



คำพูดนายกฯ กับเท้าทหาร
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 21:00:00 น.

ปกติเราไม่ควรเอาข่าวลือมาเป็นเรื่องจริงจัง ไม่ควรหยิบคำเล่าลือมาขยายให้ความสำคัญ แต่บรรยากาศความปั่นป่วนด้วยข่าวลือตลอดวันที่ 21 เมษายนนั้น ต้องขอเอามาพูดอย่างจริงจังเสียหน่อย

เพราะการลือระดับเขย่าบ้านเขย่าเมืองหลายริคเตอร์ ลือกันว่ามีปฏิวัติ อลหม่านไปทั่วประเทศ เริ่มจากบรรยากาศทหารตบเท้า แล้วตามด้วยจอทีวีมืดไป 2 ชั่วโมงเพราะดาวเทียมขัดข้อง ในสำนักงานหนังสือพิมพ์รับโทรศัพท์ชาวบ้านแทบสายไหม้ ส่วนใหญ่โทร.จากต่างจังหวัดด้วย

สะท้อนให้เห็นอะไร สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนคนไทยตกอยู่ในความหวาดผวา ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากปัญหา ท่าทีที่ขึงขังจริงจังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง ที่มีกรณีหมิ่นสถาบันเป็นชนวนเหตุ

แล้วหลังจากนั้น นายทหารใหญ่พากันออกมาขานรับ ผบ.ทบ.กันสะพรึบ ตามด้วยประเพณีตบเท้าตามกรมกองต่างๆ เพื่อแสดงท่าทีสนับสนุน ผบ.ทบ. พอเริ่มตบหลายหน่วย พร้อมกับการเริ่มพูดจาของผู้การผู้พันอันดุดัน ลักษณะพร้อมจะทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

แบบนี้บรรดาประชาชนเจ้าของเงินภาษีอากรจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แต่ไม่มีสิทธิครอบครองอาวุธเหล่านั้น ก็ย่อมอยู่ในอาการหวั่นไหวเป็นธรรมดา

ด้วยการตบเท้าที่มีปริมาณเกินพอดี การพูดจาที่ทำให้สถานการณ์เขม็งเกลียวเกินไป ทำให้เริ่มเกินเลยไปจากการแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันแน่นอนว่าภาระหน้าที่หลักของกองทัพคือการปกป้องสถาบันสูงสุดของคนไทยทั้งชาติ

เมื่อมีการพาดพิงเบื้องสูงอันทำให้ทหารรู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็สามารถแสดงท่าทีได้ แต่ถ้าการตบเท้านั้น ไม่อยู่เพียงแค่ขอบเขตป้องสถาบัน กลายเป็นตบเท้าแสดงพลัง แล้วยังบอกว่า ผบ.ทบ.สั่งอะไรก็ได้ พร้อมจะปฏิบัติทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมง

แบบนี้การเคลื่อนไหวของทหารจะเริ่มถูกโยงไปยังสถานการณ์การเมือง

สถานการณ์ที่มีการมองกันมาตลอดว่า โอกาสเลือกตั้งยังไม่แน่นอน เพราะกลุ่มอำนาจบางกลุ่มหวั่นเกรงว่าพรรคการเมืองอีกขั้วจะเป็นฝ่ายชนะ ก่อนหน้านี้ ผบ.สูงสุดถึงกับต้องนำ ผบ.ทุกเหล่ามายืนแถลงไม่มีการปฏิวัติ ไม่สนับสนุนนายกฯมาตรา 7 ในการเลือกตั้งก็จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ให้การเมืองว่ากันเอง

แต่การตบเท้าในขณะนี้ ทำให้ชาวบ้านลืมคำแถลงเดิม จากที่มองว่าทหารทำได้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญของคนไทย แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไปเกี่ยวกับจะเลือกตั้งไม่เลือกตั้งไหม

รัฐบาลอภิสิทธิ์ซึ่งแสดงท่าทีให้ประเทศเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง กำหนดวันยุบสภาต้นเดือนพฤษภาคม เลือกตั้งปลายมิถุนายน ได้รัฐบาลใหม่สิงหาคม ต้องถามว่าแล้วรู้สึกอย่างไรกับบรรยากาศในบ้านเมืองวันนี้ ที่มีคนทั้งประเทศผวาพร้อมกันอย่างไม่นัดหมาย

นโยบายจะให้มีเลือกตั้ง คืนอำนาจให้ประชาชนของนายกฯอภิสิทธิ์ ทำไมจึงไม่หนักแน่นเท่าเสียงตบเท้าของทหาร

คำพูดของนายกฯกับเสียงเท้าของทหาร ใครดังกว่ากัน

-----------------------------------------------------

ทีวี.จอมืดตื่นปฏิวัตินปช.ปูดพลเอกในกองทัพแจ้งมีแผนล้มเลือกตั้ง


ประชาชนตื่นปฏิวัติหลังทีวี.ที่รับสัญญาณจากดาวเทียมไทยคม 5 จอดับมืดลงกะทันหัน สัญญาณขาดหายไปกว่า 3 ชั่วโมงก่อนกลับมาเป็นปรกติ ซีอีโอไทยคมชี้แจงเป็นปัญหาประจุไฟฟ้าในอากาศ ไม่เกี่ยวอะไรกับการเมืองและไม่มีใครทำให้สัญญาณขาดหาย แกนนำ นปช. อ้างมีพลเอกในกองทัพแจ้งเตือนพบการเคลื่อนไหวยึดอำนาจตามแผน “ถอน ยุบ ยึด” โดยเริ่มนับหนึ่งในสัปดาห์หน้าด้วยการถอนประกันตัว จากนั้นรอให้ยุบสภาแล้วจึงยึดอำนาจ ยืนยันจะต่อต้านทั้งในและนอกประเทศ อดีตประธาน นปช. ไม่เชื่อ ชี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ด้านนักวิชาการสหรัฐเตือนยกเรื่องสถาบันมาอ้างเพื่อจัดการฝ่ายตรงข้ามมากเกินไปจะเป็นการทำลายสถาบันเสียเอง

ที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว วันที่ 21 เม.ย. 2554 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ร่วมกันแถลงข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมือง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า ปรกติ นปช. จะแถลงข่าวสัปดาห์ละครั้ง แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ทำให้ต้องออกมาสื่อสารกับประชาชนถี่ขึ้น

สถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าไว้วางใจ เพราะมีการโหมเรื่องหมิ่นสถาบันหนักขึ้นในกลุ่มทหาร พวกผมบอกว่าแล้วว่าจะไม่ตอบโต้เรื่องนี้ และทหารควรหยุดนำเรื่องนี้มาใช้เป็นข้ออ้างในการเคลื่อนไหวระดมกำลังพลเพื่อเตรียมความพร้อม เพราะเมื่อมีการแจ้งดำเนินคดีและเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วควรปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกลไกที่มีอยู่ ซึ่งพวกผมที่ถูกกล่าวหาก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม”

ทหารแสดงพลังไม่ใช่เรื่องปรกติ

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกำลังพลในกองทัพขณะนี้ไม่ใช่เรื่องปรกติ เนื่องจากได้รับทราบจากนายทหารยศพลเอกที่ยังอยู่ในราชการว่ามีการคิดอ่านกันเพื่อสกัดไม่ให้มีการเลือกตั้ง ให้สังเกตดีๆจะเห็นว่าหน่วยทหารที่ออกมาแสดงพลังอยู่ในขณะนี้ล้วนเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับนายทหารที่มีอำนาจอยู่ในกองทัพทั้งสิ้น

“เขาออกมาโชว์ตัวแสดงความพร้อมเพื่อให้ผู้บังคับบัญชามั่นใจ เพราะบางหน่วยมีการประกาศความพร้อมว่าสามารถกระทำการได้ภายในกี่นาที กี่ชั่วโมง และประกาศทำตามคำสั่งของนายอย่างไม่มีเงื่อนไข การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นจึงเป็นการเช็กกำลังก่อนทำการใหญ่”

ปูดทหารทำตามแผน “ถอน ยุบ ยึด”

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า แผนที่คิดกันไว้ในตอนนี้คือ “ถอน ยุบ ยึด” โดยจะเริ่มนับหนึ่งกันในสัปดาห์หน้าด้วยการถอนประกันตัวแกนนำ จากนั้นสัปดาห์ถัดไปรอให้ประกาศยุบสภา แล้วจึงเข้ามายึดอำนาจ

“ผมไม่ได้ท้าทาย แต่จำเป็นต้องพูดเพื่อเอาความจริงที่รู้มาบอกประชาชน ที่พูดไม่ได้ต้องการให้เกิดการยึดอำนาจ เพราะประเทศบอบช้ำมามากแล้ว เพียงแต่อยากออกมาเตือนว่าอย่าท้าทายประชาชน เพราะครั้งนี้ประชาชนจะไม่ยอมให้ยึดอำนาจง่ายๆแน่”

เรียกร้องประชาชนร่วมกันต่อต้าน

นายณัฐวุฒิกล่าวเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะมีสีเสื้อหรือไม่ก็ตามออกมาแสดงพลังให้ทหารรับรู้ว่าต้องการการเลือกตั้ง ไม่ได้ต้องการรถถัง ทหารจึงไม่ควรทำอะไรที่สวนทางกับความต้องการของประชาชน

แกนนำ นปช. กล่าวถึงแนวทางการต่อต้านการยึดอำนาจหากเกิดขึ้นว่า จะทำใน 2 ส่วนคือ การต่อต้านภายในประเทศและต่างประเทศ วันนี้นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. เดินทางไปพบนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความด้านต่างประเทศ เพื่อหารือใน 2 ส่วนคือ เรื่องการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มน้ำหนักคดีที่ฟ้องร้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศว่าจะเพิ่มเติมพยานหลักฐานอย่างไรในชั้นอัยการที่กำลังพิจารณาสำนวนอยู่

เตรียมการต่อต้านในต่างประเทศแล้ว

อีกส่วนหนึ่งคือ การหารือแนวทางการต่อต้านปฏิวัติในต่างประเทศหากว่าเกิดขึ้น โดยจะมอบหมายให้นายโรเบิร์ตเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทราบว่ามีการเตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว ทันทีที่มีการยึดอำนาจจะเริ่มดำเนินการในทันทีพร้อมกันทั่วโลก

“เราจะดำเนินการคู่กันไป คือการต่อต้านในประเทศและในเวทีโลก ส่วนแนวทางจะเป็นอย่างไรยังไม่ขอเปิดเผยในเวลานี้ ขอย้ำว่าที่พูดไม่ได้ท้าทาย แต่มาเตือนเพราะไม่อยากให้เกิดการยึดอำนาจ เนื่องจากประชาชนต้องการการเลือกตั้งเพื่อเริ่มนับหนึ่งสำหรับการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ”

ปูดเรียก ผบ. คุมกำลังเข้าประชุม


นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวทำนองตั้งคำถามถึง พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ว่าเมื่อคืนวันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมาได้เรียก ผบ.พล.1 รอ., พล.2 ร.อ. และ พล.9 ร.อ. มาประชุมพร้อมกันที่บ้านพักใช่หรือไม่ หากใช่อยากถามว่าเรียกมาสั่งการเรื่องอะไร

“ผมถามแค่นี้แหละว่าถ้ามีการประชุมกัน ประชุมกันเรื่องอะไร และท่านกำลังคิดทำอะไรอยู่ อยากให้สังเกตว่าทหารที่ตบเท้าแสดงกำลังกันอยู่ในตอนนี้ล้วนเป็นหน่วยที่ออกมาปฏิบัติการเมื่อช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. 2553 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของประชาชนทั้งสิ้น”

ให้เสื้อแดงเลิกโจมตี “บิ๊กจิ๋ว”


นายจตุพรเรียกร้องไปยังแนวร่วมเสื้อแดงว่า ควรเลิกวิจารณ์การลาออกจากพรรคเพื่อไทยของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เพราะท่านไม่ได้ทำร้ายพรรคเพื่อไทย ทราบมาว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ส่วนกระแสข่าวลือที่ว่าตนจะลาออกจากการเป็น ส.ส. ลาออกจากพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

“ตอนนี้กำลังมีความพยายามปล่อยข่าวเพื่อแยกคนเสื้อแดงออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะหากแยกได้จะทำให้กำลังอ่อนแอลง ขออย่าได้หลงไปกับเกมนี้”

อัยการจ่อถอนประกันแกนนำบางคน

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องถอนประกันตัวแกนนำ นปช. 9 รายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่าได้ตรวจสอบเอกสารถอดคำปราศรัยของแกนนำทุกคนแล้ว เบื้องต้นพบว่ามีแกนนำบางรายเข้าข่ายผิดมาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อย่างชัดเจน ขณะที่บางส่วนไม่เข้าองค์ประกอบความผิด คาดว่าจะต้องยื่นถอนประกันตัวแกนนำ นปช. บางรายที่กระทำผิด

ดีเอสไอเกาะติดเว็บไซต์หมิ่น

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศเฝ้าติดตามเว็บไซต์ต่างๆที่เผยแพร่เนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นสถาบันอย่างใกล้ชิด หากพบความผิดจะบล็อกเว็บไซต์ทันที และจะสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษด้วย

“พวกคดีหมิ่นสถาบันสามารถโอนมาเป็นคดีพิเศษได้ทันที เพราะเชื่อมโยงกับคดีล้มเจ้าที่ดีเอสไอดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นไปตามแผนผังที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เคยนำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้”

คอป. ส่งรายงานสลายชุมนุมแล้ว


นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เปิดเผยว่า ได้ส่งรายงานผลการทำงานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แล้ว มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รวม 92 ราย เสียชีวิตในกรุงเทพฯ 89 ราย อุบลราชธานี 2 ราย และขอนแก่น 1 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,885 ราย แยกเป็นประชาชน 1,343 ราย และเจ้าหน้าที่ 542 ราย

“คอป. มีปัญหาในการทำงาน เพราะไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะให้ความคุ้มครองผู้ที่เข้ามาให้ข้อมูล จึงมีข้อจำกัดในการทำงาน อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายมุ่งไปที่การค้นหารากเหง้าของปัญหา มองประโยชน์ของชาติโดยรวมมากกว่ามองในมติของตัวเองด้านเดียว”

จี้ทุกพรรคเสนอแนวทางแก้ขัดแย้ง

ประธาน คอป. ยังเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองประกาศแนวทางนำบ้านเมืองออกจากวิกฤตความขัดแย้งให้ชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง ช่วยกันทำให้การเลือกตั้งไม่มีความรุนแรงและเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม

“การนิรโทษกรรมไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ทางที่ดีที่สุดคือเอาความจริงมาบอกกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา และต้องใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม ไม่ตั้งข้อกล่าวหาที่เกินเลยกับผู้ชุมนุม ให้โอกาสในการต่อสู้คดี ที่สำคัญต้องให้หลักประกันว่าหน่วยงานด้านการยุติธรรมจะทำงานอย่างอิสระ ตรงไปตรงมา ไม่ถูกแทรกแซง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”

นายคณิตกล่าวอีกว่า ทุกฝ่ายต้องยุติการเคลื่อนไหวที่หมิ่นเหม่กับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในช่วงที่การเมืองมีความขัดแย้งอย่างในปัจจุบัน และต้องแสดงเจตนารมณ์ให้สถาบันกษัตริย์อยู่เหนือความขัดแย้ง

นักวิชาการสหรัฐเตือนอย่าอิงสถาบันมาก

มร.เดวิด สเตรกฟัสส์ นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งทำงานด้านมนุษยชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า เท่าที่เก็บสถิติและตรวจสอบดูพบว่าข้อหาหมิ่นสถาบันมักเกิดกับคนเสื้อแดงฝ่ายเดียว ขณะที่ฝ่ายอื่นแม้จะมีคดีติดตัวเหมือนกันแต่ไม่มีความคืบหน้า สะท้อนให้เห็นปัญหากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยที่ยังมีปัญหา 2 มาตรฐานอยู่

“ผู้มีอำนาจในปัจจุบันมักใช้เรื่องหมิ่นสถาบันจัดการกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะจะส่งผลเสียไปถึงสถาบันที่คนไทยเคารพเอง อยากให้ไปดูประวัติศาสตร์ของหลายประเทศที่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้ว” มร.เดวิดกล่าวพร้อมเสนอให้ทุกฝ่ายร่วมกันระดมสมองถึงผลกระทบที่เกิดจากมาตรา 112 เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป เรื่องนี้คนในสังคมไทยต้องช่วยกันตัดสินใจ ไม่อย่างนั้นจะถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างจนสร้างความแตกแยกไม่จบสิ้น สุดท้ายประเทศไทยจะไปไม่รอด รวมทั้งในอนาคตประเทศไทยอาจต้องพบความหายนะ และส่งผลกระทบต่อตัวสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อดีตประธาน คมช. ชี้ไม่เอื้อปฏิวัติ

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิและอดีตผู้บัญชาการทหาร เรียกร้องทุกฝ่ายอย่านำกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ส่วนกระแสเรื่องการปฏิวัติยังเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่เอื้ออำนวย

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลาประมาณ 16.10 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ประชุมกำลังชมรายการโทรทัศน์ที่ส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไทยคม 5 อยู่ได้เกิดจอมืดลงกะทันหัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือขึ้นหนาหู และพากันตื่นตระหนกว่าจะมีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น

ไทยคมแค่ขัดข้องทางเทคนิค

หลังจากปล่อยให้สถานการณ์อึมครึมอยู่พักใหญ่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์สั้นๆชี้แจงในเวลา 18.20 น. ว่าดาวเทียมไทยคม 5 ประสบปัญหาทางด้านเทคนิคบางประการ ขณะนี้บริษัทสามารถควบคุมสถานการณ์และกำลังดำเนินการให้ดาวเทียมไทยคมกลับเข้าสู่การทำงานตามปรกติในเวลาอันสั้น ขอยืนยันว่าดาวเทียมไทยคม 5 ยังอยู่ในวงโคจรที่ 78.5 องศาตะวันออก ไม่ได้หลุดวงโคจรออกไปแต่อย่างใด สำหรับความคืบหน้านั้นทางบริษัทจะมีแถลงการณ์ให้ทราบเป็นระยะต่อไป

ยันไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเมือง

ต่อมาในช่วงค่ำ นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้เปิดแถลงข่าวว่า ปัญหาเกิดจากปะจุไฟฟ้าในอวากาศทำให้ดาวเทียมไทยคม 5 เซฟโหมดตัวเองเพื่อป้องกันความเสียหาย ไม่ได้หลุดจากวงโคจรตามที่มีข่าวลือ และเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็สามารถกู้สถานการณ์ได้

“ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกระทำของใคร ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการเมือง และในช่วงที่ยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ 100% จะใช้ดาวเทียมไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์รองรับสัญญาณจากลูกค้าออกอากาศไปก่อน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาณดาวเทียมกลับมาเป็นปรกติเมื่อเวลาประมาณ 18.55 น. ของวันเดียวกัน
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10418

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น