วันจันทร์, กรกฎาคม 05, 2553

ภารกิจ..ขอคืนพื้นที่และแบ่งแยกประเทศไทย

ภารกิจ..ขอคืนพื้นที่และแบ่งแยกประเทศ

ภารกิจ...ขอคืนพื้นที่ราชประสงค์ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ และเหล่าทหารของกองทัพไทย

ได้กระทำไปเพื่อต้องการนำพื้นที่ราชประสงค์ สำหรับใช้ในการทำตลาดนัด และจัดคอนเสิร์ต

อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ให้ประชาคมโลกได้เห็นว่า

กองทัพไทยและรัฐบาล มีความเป็นเอกภาพและศักยภาพมากมายเพียงใด

=========================================

ทหารไทยไม่เคยเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ และปราศจากอาวุธ

เพราะทหารไทยทำเป็นแค่ กิน ขี้ ปี้ นอน หากมีเวลาว่างไม่เล่นกีฬา ก็เล่นดนตรีไทย ทหารไทยมีเครื่องแบบไว้ทำมาหาแดก หน้าที่ของทหารที่เหล่าประชาชนในประเทศนั้นคิดหรือเข้าใจไปเองนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้ระบุไว้ในหน้าที่ของทหาร

ส่วนกลุ่มบุคคลที่แต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร ที่ออกไปปฏิบัติการไล่เข่นฆ่าประชาชนนั้น กลุ่มนี้คือ "ทะเหี้ย" แหล่งข่าวได้แจ้งมาว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ "โคตรทะเหี้ย" ยังได้มีคำสั่งให้มีการนำเอาคนต่างชาติมาแฝงตัวอยู่ในกลุ่มและใส่เครื่องแบบทหารร่วมปฏิบัติการอีกด้วย

แหล่งข่าวยังบอกต่อมาว่า ขณะนี้ บรรดา "โคตรทะเหี้ย" ได้มีการรวมหัวกันในการตกลงเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ สำหรับการดำเนินการแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นส่วนๆ ซึ่งใกล้จะลงตัวและจักเกิดผลเป็นรูปธรรมได้ในไม่ช้านี้

ขณะนี้ กลุ่ม "ทะเหี้ย" ได้ปฏิบัติการในการกล่อมและปั่นหัวประชาชนในประเทศ ให้เห็นด้วยและคล้อยตามกับความคิดในการแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นส่วนๆ และจากผลสำรวจในปัจจุบันถือได้ว่าเกินเป้าแล้ว

พวกเขาเดินแผนในการสร้างให้ประชาชนเกิดความเกลียดชังกันอย่างรุนแรง จนในที่สุดต้องมีการแบ่งประเทศ โดยที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงอะไรมากนัก

ทั้งนี้เพื่อตอบสนองนโยบายของสหรัฐฯ ในการหาฐานเสียงที่มากขึ้นในสภาโลก เพราะยิ่งแบ่งแยกประเทศให้มีจำนวนมากเท่าไหร่ คะแนนของฐานเสียงก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเท่านั้น
---------------------------------------------


โวยผักชีกทม.อุ้มราชประสงค์ชาวบ้านไม่ได้อะไร (ไทยโพสต์)

ค้าน กทม.ปิดแยกราชประสงค์ จัดคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้มให้คนกรุงเทพฯ เครือข่ายศิลปิน กทม. ระบุชาวบ้านและผู้ได้รับผลกระทบเหตุชุมนุมจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อาศัยสถานการณ์บ้านเมืองสร้างภาพเอาหน้า ชี้มีหอศิลป์ กทม. แต่ไม่รู้จักใช้ ส่วน ขรก.กทม.ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน

จากการที่กรุงเทพมหานครเตรียมจัดคอนเสิร์ตคืนรอยยิ้มให้คนกรุงเทพฯ ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยนายมนูญ สิทธิประศาสน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้เพื่อคืนความสุขให้คนกรุงเทพฯ กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ในเบื้องต้นกำหนดจะจัดในวันแข่งขันฟุตบอลโลกนัดสุดท้าย โดยมีศิลปิน นักร้อง ดารา นักแสดงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ความบันเทิงตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงก่อนการแข่งขันฟุตบอล เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้รับความสุขและสัมผัสบรรยากาศความสนุกสนานอย่างเต็มที่ ขณะนี้ผู้บริหาร กทม.อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการจัดงานและสรุปวันจัดงานที่เหมาะสมอีกครั้ง

จากแนวคิดดังกล่าวส่งผลให้มีเสียงคัดค้านการจัดคอนเสิร์ตขึ้นมาทันที โดยนายจุมพล อภิสุข เลขาธิการเครือข่ายศิลปินเพื่อหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยเพราะประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะชาวบ้านในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงจังจาก กทม. ส่วนเนื้อหาสาระของคอนเสิร์ตก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย การอ้างวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรอยยิ้มเพื่อคนกรุงเทพฯ น่าจะเป็นการสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้บริหาร กทม.มากกว่าประชาชน ขณะเดียวกันกลุ่มศิลปินก็เบื่อหน่ายการทำงานของ กทม. ซึ่งไร้ประสิทธิภาพและสร้างภาพเพื่อหวังคะแนนเสียงเท่านั้น

"หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ กทม.มองข้าม ไม่ได้ใส่ใจและปล่อยปละละเลยหอศิลป์อย่างโดดเดี่ยว ทั้งๆ ที่หอศิลป์ก่อตั้งขึ้นเพื่อรับใช้มวลชน เป็นพื้นที่สาธารณะที่เปิดโอกาสให้ศิลปินเข้ามาแสดงออกทางความคิด ความรู้สึกถ่ายทอดแก่สังคม แต่กทม.ไม่ได้ใช้หอศิลป์ให้เกิดประโยชน์ การจัดคอนเสิร์ตจึงเหมือนกับการเล่นปาหี่หลอกประชาชน และนำงบประมาณไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยและไม่คุ้มค่าแต่อย่างใด" นายจุมพลกล่าว

เลขาธิการเครือข่ายศิลปินเพื่อหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานครแสดงความเห็นว่า แนวคิดในการจัดคอนเสิร์ตของ กทม. แสดงให้เห็นถึงความพยายามยกสถานะพื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ให้มีความหรูหรา ฟู่ฟ่า แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีผู้คนหลากหลายอาชีพ พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากได้อาศัยพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ทำมาหากินเลี้ยงชีพ โดย กทม.อาศัยสถานการณ์บ้านเมืองเป็นช่องทางกีดกันชาวบ้านออกจากพื้นที่ราชประสงค์ เพื่อให้เกิดความสะอาดหมดจดในสายตาผู้ว่าฯ กทม. แต่ละเลยวิถีชีวิตผู้คน แม้กระทั่งการจัดงาน Together We Can ก็ไปเอาไฮโซ ดารา นักแสดงมาออกกล้องโทรทัศน์ เพื่อสร้างภาพว่าช่วยฟื้นฟูบรรยากาศสี่แยกราชประสงค์ให้กลับคืนดังเดิม แต่ชาวบ้านไม่ได้รับอะไรเลย

"กทม.จัดคอนเสิร์ตก็เพียงเพื่อให้บริษัทออร์แกไนเซอร์จัดงานได้ประโยชน์จากงบประมาณ การจัดงานเช่นนี้มีผู้ได้รับประโยชน์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย กทม.กำลังฉวยกระแสบ้านเมือง คนส่วนใหญ่สนใจการเมืองระดับประเทศ คิดอยากทำอะไรก็ทำแถมยังทำแบบสะเปะสะปะ อย่างเช่นงานถนนคนเดินที่สีลม ก็เละเทะและเกิดความวุ่นวาย ผมคิดว่า กทม.ควรจะหยุดหยุดเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว" นายจุมพลกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้มีข้าราชการหลายคนต่างไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้บริหารของกรุงเทพมหานครจะจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อีก เพราะที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมในการเยียวยาคนกรุงเทพฯ ทำให้มีเสียงบ่นจากประชาชนไปยังข้าราชการเป็นจำนวนมาก แม้ว่าการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุจลาจลจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องทำอย่างพอดี อย่ามากเกินไป และพยายามโหมทำกิจกรรมทุกรูปแบบเช่นนี้ ก็ต้องใช้เงินงบประมาณสูง และทำให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติต่างต้องรับภาระหนักมากขึ้น เช่น พนักงานกวาด เก็บขนขยะ เจ้าหน้าที่เทศกิจ หรือแม้แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
-------------------------------

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ได้คุยกับเสธ.ทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอาจารย์สอนนายทหารระดับสูง เขายอมรับเต็มปากเต็มคำว่า...
"ประเทศไทยเป็นเมืองขึ้นของอเมริกาตั้งนานแล้ว โดยสังเกตได้จากท่าทีของรัฐบาลและกองทัพ"

ฟังแล้วอึ้งกิมกี่ ไม่คิดว่าคนระดับนี้จะเอื้อนเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา โดยไม่คิดที่จะแก้ไขหรือป้องกันเลย เอ้า...คนไทยทั้งหลาย คิดเห็นว่ายังไงกันบ้าง หรือจะปล่อยให้เป็นไปเช่นที่เขากล่าวมา
_________________


หรือประเทศไทย...เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐฯ อนาถใจกับทหารไทยจริงๆ
________________



CIA has a history of getting involved in Thai and Asian politics.

In 1946 Ananda was found shot in his bedroom in the Grand Palace. This ensured that teenage Bhumibol became king. And it ensured that pro-American Field Marshal Pibul became the power behind the throne. Bhumibol had once said of his brother's murder, "It was not an accident...it was political."

King Bhumibol has a difficult job, surrounded as he is by certain 'corrupt fascist' generals who allegedly have links to the CIA. In 1973, when pro-democracy students were being shot at by the army outside the Chitralada palace, Bhumibol ordered the gates of the palace to be opened, to help save some lives.

In 1980 one third of the rural population lived in absolute poverty (this could mean one meal a day and no money to buy shoes or typhoid medicine). In 1980, a child working 11 hours a day, in a workshop in Bangkok, would earn £36 per year! Yes, per year!

Great for the Americans getting their cheap shoes and clothes made by child labour.

When the generals were again getting violent in 1992, and hundreds of people were killed, it was Bhumibol who summoned General Suchinda to the palace and had the meeting televised live. The entire Thai nation could see General Suchinda crawling across the carpet to the feet of the monarch.

In the Oriental Hotel I got talking to a retired Thai gentleman called Yong. I asked him how things were going in Bangkok.

"There is a power struggle going on within the army," said Yong. "On one side we have the reformers who want to end the army's links to drugs and karaoke bars. They want to purge the army of mafia colonels. And on the other side we have the conservatives who want to continue to do deals with the Burmese junta and the drugs barons."

Yong read to me the calypso written by Allen Ginsberg in 1972: In nineteen hundred forty nine China was won by Mao Tse-Tung. Chiang Kai Shek's army ran away. They were waiting there in Thailand yesterday

Supported by the CIA Pushing junk down Thailand way.

First they stole from the Meo Tribes Up in the hills they started taking bribes. Then they sent their soldiers up to Shan Collecting opium to send to The Man Pushing junk in Bangkok yesterday Supported by the CIA...."

Once Upon A Time In The C.I.A.

RogerWarner
|October 16, 2006

3-minute trailer for an entertaining, provocative documentary -- the true story of Bill Lair,
who changed the destiny of a remote Asian tribe and was changed by them in turn.
200,000 tribespeople now live in the U.S. as a direct result of Lair's CIA operation.

http://www.gunsandgames.net/smf/index.php?topic=80560.0

เมื่อสี่ห้าปีก่อน มีอดีต CIA เก่าที่เป็นผู้ควบคุม CIA ทางภาคพื้นเอเชียในสมัยสงครามเวียตนาม
ซึ่งได้ไปใช้ชีวติหลังราชการอยู่ในไทย มีภรรยาไทยได้เสียชีวติลง และได้รับไฟพระราชทานด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น