วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 08, 2553

คำทำนายสยามประเทศ: คำพยากรณ์ “พลูหลวง” ๑๐๐ ปี ๑๐ ยุค

จาก มังกรดำ
คำพยากรณ์ “พลูหลวง” ๑๐๐ ปี ๑๐ ยุค

สยามสิน วลิตวรางค์กูร ...สรุปและรวบรวม

ประยูร อุลุชาฏะ อาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร และนักเขียนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งมีนามปากกาว่า “น. ณ ปากน้ำ” หรือ “โหรพลูหลวง” และยังเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวิชาจิตรกรรม เกิดที่ตำบลปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งได้เสียชีวิตเมื่ออายุ ๗๒ ปี (๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๗๑ – ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๓)

ประยูร นักโหราศาสตร์ไทย ที่นักการศึกษาทางโหราศาสตร์มองว่าเป็น “ระบบโหราศาสตร์ไทยแผนใหม่” หรือ “ระบบพลูหลวง” ที่พัฒนามาจากโหราศาสตร์แผนปัจจุบัน แต่ได้มีการจัดลำดับดาวครองราศีหรือเกษตรเสียใหม่ ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ (สุริยจักรวาล) โดยมีดาวเกษตรแต่ละเรือนเพียงดาวเดียวเท่านั้น (เกษตรเรือนเดียว) ซึ่งเรียงตามลำดับใกล้ไกลในระบบสุริยจักรวาล ไม่มีการคำนวณหาตนุเศษ แต่จะมีการเน้นให้พิจารณาในเรื่องของมุมโยคเกณฑ์ต่างๆ ธาตุต่างๆ และตนุลัคน์ (บางดวงชะตามีมากถึง ๙ ชั้น) เป็นสำคัญ

ประยูร หรือ โหรพลูหลวง ได้ฝากคำพยากรณ์บ้านเมืองไว้ให้คนไทยได้คิด โดยแบ่งยุคต่างๆ ในสังคมไทยในระยะ ๑๐๐ ปี เป็น ๑๐ ยุคอย่างน่าสนใจ ซึ่งขอให้ผู้อ่านใช้ดุลยพินิจพิจารณาตีความกันเอาเอง

เขาพยากรณ์ว่า ประเทศ “สยาม” ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศ “ไทย” เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๒ ประกาศเวลา ๐๙.๐๐ น. เมื่อผูกดวงกาลชาตาก็จะมีลัคนาอยู่ที่ “ราศีกรกฎ” ได้พยากรณ์ไว้ว่า...

“คำว่า สยาม หรือ เสียม เป็นคำที่สำคัญที่สุด เพราะมาควบคู่กับความรุ่งโรจน์ของราชอาณาจักรทุกยุคทุกสมัย การเปลี่ยนชื่อประเทศ ซึ่งเท่ากับการทำลายเอกลักษณ์ของชาติ เป็นการฉีกประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง”

ประยูร ได้พยากรณ์ดวงชาตาการเปลี่ยนชื่อจาก “สยาม” มาเป็น “ไทย” ไว้ โดยได้แบ่งออกเป็น ๑๐ ยุคในรอบ ๑๐๐ ปี โดยแต่ละยุคมีอายุ ๑๐ ปี นับแต่มีการเปลี่ยนชื่อประเทศ ดังนี้...

๑. ยุคกาลี ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๔๘๒– ๒๔๙๒
๒. ยุคมิตรมาเยือน ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๔๙๒ – ๒๕๐๒
๓. ยุคเฉือนดินแดน ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๐๒ – ๒๕๑๒
๔. ยุคแสนแค้นกลางเขาควาย ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๑๒ – ๒๕๒๒
๕. ยุคลายเสือครองเมือง ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๒๒ – ๒๕๓๒
๖. ยุคฟูเฟื่องชาวสังคม ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๓๒ – ๒๕๔๒
๗. ยุคชมบุญทรราชย์ ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๔๒ – ๒๕๕๒
๘. ยุคชาติวิปโยค ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๕๒ – ๒๕๖๒
๙. ยุคโรคคลาย ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๖๒ – ๒๕๗๒
๑๐.หายกังวล ตรงกับช่วง พ.ศ.๒๕๗๒ – ๒๕๘๒


ที่มา: บอร์ด คมก, posted by daode
Posted 05 July 2010 - 02:32 PM
------------------------------------------------------



ผมว่าตอนจบของนิยายทุกคนที่อ่านน่า จะมีตอนจบเป็นของตัวเองนะ

เรื่องคำทำนายเห็นคนถามเยอะก็บอกไว้ว่าเดือนกค – สค. ปีนี้ต้องระวังเรื่องเศรษฐกิจ ภัยพิบัติ และเหตุการณ์ที่จะทำให้มีคนตายรายวัน อาจจะเป็นเหตุการณ์สร้างสถานการณ์ หรือการไล่ฆ่าลูกจ้างแดงก็ได้ ในช่วงนี้เราอาจจะได้ข่าวคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองที่เป็นพระเกจิดังๆ อาพาธ หรือมรณะภาพ

พอเข้าเดือนกย. – ตค. ดาวอังคารเริ่มส่งผลรุนแรง ช่วงนี้ผมสงสัยว่าชายเล็กน่าจะเอาตัวไม่รอด หรืออาจจะต้องเปิดทางให้ทหารขึ้นมาอย่างจำใจ เพื่อหาทางหนีออกนอกประเทศ เนื่องจากดวงนายคนนี้ผมเคยทำนายไว้แล้วว่าอยู่เมืองไทยได้ไม่เกินสิ้นปีนี้ ไงไปแน่แล้วไม่ว่าจะไปไหนใครอยู่ประเทศนั้นก็เตรียมต้อนรับด้วยละกัน เรื่องนายคนนี้จะตายยังไงให้ดูจ๊อดเสื้อคับเอาไว้ ไม่ค่อยต่างกันมาก แถมอาจจะหนักกว่าเพราะไม่กล้ากลับมาประเทศ

ปี 2554 หลัง 6 เมษา จะไม่มีพรรคแมลงสาปอีกแล้วมีพรรคใหม่แทนพรรคนี้เป็นพวกแมลงสาป + พันธมารกลายพันธ์ ช่วงนั้นพวกครอบครัวลุงคงจะออกลายมาเต็มๆ ในการปรับปรุงกฎโรงงานเราจะได้เห็นโรงงานเป็นแบบที่เกาหลีเหนือเลยทีเดียว ลูกจ้างจะอึดอัดไป 2-3 เดือน

พอหมดเดือนพค. 54 ระยะเวลาการแฉจะเริ่มต้นและไม่ได้มาจากในประเทศแต่มาจากต่างประเทศ เรื่องราวความทุเรศต่างๆ ที่ปกปิดเอาไว้จะถูกเผยแพร่ในโลกไซเบอร์ หลักฐานที่ลุงฆ่าพี่ก็จะโผล่ตอนนั้นเช่นกัน รวมไปถึงเรื่องหมกเม็ดอย่างการค้าแป้งในยุโรป ความสัมพันธ์กับนอมินีอย่างขส. และวก. ที่คอยฟอกเงินทำงานผิดกม. แทนมาตลอด

และสุดท้ายที่จะทำให้โรงงานแทบพังคือเรื่องเพชร อย่าประเมิณพวกคลั่งต่ำไปเพราะผมเช็คดวงเมืองดูแล้ว ถึงจะแฉไปขนาดนั้นก็ยังมีพวกคลั่งหาว่าโกหกอยู่ไม่ยอมรับความเป็นจริงในโลก ตอนนั้นบ้านเมืองจะแตกแยกยิ่งกว่านี้ แต่สุดท้ายชัยชนะจะเป็นของผู้รักเสรีภาพความเท่าเทียมกัน

ส่วนพวกที่รับไม่ได้นะแหละจะเป็นผู้ก่อการร้ายแทน แต่โรงงานยังไม่สงบเพราะพวกนี้ก็คงจะคอยมาป่วน หาเรื่องสร้างสถานการณ์อยู่เรื่อยๆ เพราะยังไม่หมดอำนาจจนกว่าจะเข้าปลายปี 2554 ที่ลุงจะกลายเป็นผัก ไม่ก็นินทราไม่ฟื้น ฟ้าสีทองผ่องอำไพจะเริ่มต้นในช่วงต้นปี 2555 ตอนนั้นคือเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงว่าครอบครัวลุงจะยอมเปลี่ยนตามลูกจ้าง หรือจะยอมสิ้นตระกูลไปพร้อมกับความแค้นของลูกจ้าง

ส่วนพวกคลั่งทางออกมี 2 ทาง ใครเคยสาบานว่าจะเป็นฝุ่นใต้ตีนไปทุกชาติแนะนำให้ฆ่าตัวตายทันทีเพราะหลัง จากที่ไม่มีลุงแล้วชีวิตพวกมันคงจะตกต่ำสุดๆ หรืออีกทางคืออยู่อย่างเงียบ ไม่ต้องออกมาเห่าเรื่องความลัทธิอีกเพราะมันจะไม่มีที่ให้ยืนในสังคม

สำหรับ พวกคลั่ง ส่วนโรงงานตอนนั้นอาจจะต้องแตก เพราะดวงถึงตอนนั้นไม่มีพลังแล้วโอกาศที่โรงงานจะแยกออกไปเพราะนายป. ไปเอาพวกมาเลย์มาจุ้น คนนี้อย่าประมาทเพราะไม่มีใครรู้ความคิดและตัวตนที่แท้จริง บางครั้งอาจจะรู้เรื่องนี้ดีเตรียมทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไว้แล้ว

ใครคิดว่ามันเป็นเรืองแต่งคำทำนายเท็จก็ไม่ว่าอะไร แต่ให้ระยะเวลาพิสูจน์ เพราะมันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่การวางเสาหลักเมืองแล้ว เป็นกรรมที่ชะตาฟ้าลิขิตมายังไงก็ฝืนไม่ได้ยิ่งทำชั่วก็มีแต่จะยิ่งตรงตามคำ ทำนายทั้งนั้น

ปล. คนที่เป็นพวกอีแอบคลั่งถ้ามาอ่านคำทำนายนี้ลองถามดูหน่อยทำไมคนที่บูชาว่าดี หนักหนาดันเป็นสารพัดโรคทรมานก่อนจะตาย ตรงข้ามกับปรีดีที่พวกเอ็งเกลียดที่ไปอย่างสงบบนโต๊ะเขียนหนังสือ หรือว่าคลั่งลัทธิสอดบัตรจนไม่รู้แล้วว่าศาสนาพุทธเค้าพูดเรื่องกฎแห่งกรรม ไว้อย่างไร

ที่สำคัญในบาปมหันต์เจ็ดประการ ไม่มีข้อไหนระบุว่าด่าสถาบันแล้วตกนรก หรือบาปหนักเท่ากับ ฆ่าบิดามารดา ทำร้ายพระภิกษุ หรือฆ่าคนเพื่อลาภยศทรัพย์สินเงินทองเลย ดังนั้นอย่ามาบิดเบือนอีกใครที่คลั่งลัทธิสอดบัตรโปรดรู้เอาไว้ว่าพวกเค้า ไม่ใช่คนพุทธเป็นพวกเดียวกับครอบครัวบ้าไสยศาสตร์นับถือผี และมารศาสนาในคราบพระโพธิสัตว์

Hora, จากบอร์ด คมก 2010 July 06
http://www.weareallhuman.net
-----------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น