วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 08, 2553

ไทยอีนิวส์: สิ้นเดือนนี้ปิดบอร์ดประชาไท กระดานสนทนาใหญ่ที่สุดของโลกไซเบอร์ที่ต่อต้านรัฐบาลอำมาตย์

จาก อัลบั้มภาพThai E news
จาก อัลบั้มภาพThai E news

ที่มา ประชาไท
หมาย เหตุไทยอีนิวส์:เมื่อเย็นวันที่ 7 กรกฎาคม จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเวบไซต์ประชาไท ได้เขียนแจ้งในหัวข้อ ใต้เท้าขอรับ : 'เว็บบอร์ด'...แล้ววันนี้ก็มาถึงว่าจะปิดเวบบอร์ดประชาไท ซึ่งเป็นกระดานสนทนาทางการเมืองของกลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลแหล่งใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์เวลานี้ ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ โดยให้เหตุผลความจำเป็นดังต่อไปนี้


จดหมาย ฉบับนี้ควรจะส่งถึงผู้อ่านประชาไทและเพื่อนสมาชิกเว็บบอร์ดประชาไทหนึ่ง เดือนมาแล้ว
แต่ทว่า..ดิฉันเองก็ตกอยู่ในอาการอ้ำอึ้งพูดไม่ออก ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากไปกว่า

“ขอโทษ”

เว็บบอร์ดในประชาไทเกิด ขึ้นมาพร้อม ๆ กับเว็บไซต์ประชาไท เริ่มจากการเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในการที่จะให้ผู้อ่านประชาไทได้แลกเปลี่ยน ถกเถียงกันอย่างอิสระ

จากกระดาน สนทนาเล็ก ๆ ใช้เวลาแรมปีที่เริ่มมีขาประจำ ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีเหลืองมีแดง ทว่าเป็นชุมชนมีทั้งคนที่ชอบ/ไม่ชอบทักษิณ, ชอบพันธมิตร แต่ไม่ชอบข้อเรียกร้องเรื่องมาตรา 7 ซึ่งพื้นที่นี้ก็คุยกันได้เสมอมา ดิฉันเองในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ ก็พยายามที่จะเข้าไปชี้แจง, แลกเปลี่ยนในเรื่องราวที่เป็นจุดยืนต่อการเปิดกว้างให้ทุกเสียง ทุกฝ่าย ได้มีพื้นที่แสดงออก มีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐเป็นกำนัลเสมอมา

รัฐ ประหาร 19 กันยายน 2549...
ในห้วงเวลาที่พื้นที่การสื่อสารเพื่อแสดงออก ถึงการต้านรัฐประหารและการยืนยันในความนิยมชื่นชมอดีตนายกฯทักษิณ ดูจะคับแคบและไร้ที่ทาง เว็บบอร์ดประชาไทซึ่งอหังการ์ประกาศตนเองว่าเชื่อในสิทธิและเสรีภาพในการ แสดงออกความคิดเห็นจึงเติบโตขยายตัวเป็นชุมชนที่กว้างขวางขึ้น จนในที่สุดทีมงานประชาไทตัดสินใจว่าชุมชนแห่งนี้เติบโตเกินกว่าที่จะเป็น เพียงพื้นที่หนึ่งของเว็บไซต์ประชาไท

ประชาไทเว็บบอร์ด [http://www.prachataiwebboard.com] จึงเกิดขึ้น มีสถานะเป็นอิสระมีหน้าตา, ที่ทาง, ท่าทีเฉพาะของตนเองตามแต่ที่เพื่อนสมาชิกในเว็บบอร์ดจะสร้างสรรค์ให้เป็น อารมณ์ขัน, ขื่น, ข้น, เข้าใจ และกวนประสาทอย่างเหลือร้ายของนักโพสต์ในประชาไทอย่างที่ไม่มี บรรณาธิการคนใดจะมาบรรณาธิกรณ์

คงไม่เป็นการกล่าวเกินเลยไปถ้าจะ บอกว่าประชาไทเว็บบอร์ดผ่านห้วงร้อนฉ่าในวิกฤติการเมืองและทำหน้าที่เป็น ความฉ่ำชื่นใจในยามที่รู้สึกอ่อนแอและแพ้พ่าย..

ในยุคสมัยที่สิทธิ และเสรีภาพเต็มไปด้วยเครื่องหมาย
คำถาม ??? และความน่าตื่นตระหนกตกใจ !!!
คดี ความที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากการทำหน้าที่ดูแลเว็บบอร์ดประชาไทยังคงรอการ ต่อสู้พิสูจน์และตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม

สถานการณ์การจับกุมผู้ โพสต์แสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นข่าว และไม่เป็นข่าว

เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงภัยคุกคามต่อชีวิต และทรัพย์สิน สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งสำหรับผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเปิดพื้นที่สื่อสาร หรือผู้ที่ได้แสดงออกถึงความรู้สึก ความคิดเห็น และข้อมูล ที่ยังมีกรอบอันกว้างขวางและพร่าเลือนของข้อกล่าวหา “เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ” ที่สามารถจับกุมคุมขังผู้เห็นต่าง ผ่านเครื่องมือ พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์, พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และ มาตรา 112 ในประมวลกฎหมายอาญา

ด้วยขีด จำกัดในการที่ปกป้องคุ้มครองตัวเองของประชาไท ที่สำคัญการไม่สามารถที่จะมีหลักประกันความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่เข้าแสดงความ คิดเห็นผ่านพื้นที่เว็บบอร์ดประชาไท การสอดส่อง แกะรอยเพื่อติดตามหาตัวผู้โพสต์เหมือนจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นนัก และโดยไม่จำเป็นต้องมาขอความร่วมมือ/ขอข้อมูลจากประชาไทเลยด้วยซ้ำ

สถานการณ์ อันล่อแหลม เปราะบาง และดิ่งเหวของสิทธิเสรีภาพในสังคมไทย จึงกลายเป็นความจริงที่ทีมงานประชาไทต้องยอมรับด้วยความรวดร้าวใจ และตัดสินใจปิดเว็บบอร์ดประชาไทลง โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 เป็นต้นไป

ในช่วงเวลาที่ยังพอมีให้เราได้สื่อสารกัน..
คาดว่ายังพอมีเวลาสำหรับการบันทึกเนื้อหาในกระทู้ที่น่าสนใจสำหรับแต่ละท่าน
การสื่อสารข้อความระหว่างเพื่อนสมาชิก..สำหรับคนที่ยังผูกพันและอยากติดต่อสื่อสารกันต่อไป
น่าจะยังพอมีเวลาให้แลกเปลี่ยนกันผ่านกล่องข้อความ

และ หากไม่โกรธเคืองกันเกินไป ยังอยากพูดคุย สอบถาม ติดต่อสื่อสารกัน อีเมล chiranuch@prachatai.com ยังเปิดรับทุกความคิดเห็นค่ะ

นับถือ


ที่มา: ไทยอีนิวส์
2010 07 08 เวลา 11:19:00 น.
---------------------------------------------------------


ก็ชัดเจนนะครับว่าประเทศนี้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอีกต่อไป เป็นเผด็จการแอบแฝงที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยเพื่อหลอกลวงชาวโลก
เสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมือง ความเห็นแตกต่างก็ไม่มีอีกต่อไป การปิดเว็บบอร์ด ไปกว่า 40,000 เว็บ โดยไม่ผ่านกระบวน
การยุติธรรมใดๆ เลย ก็ชัดแล้วว่าประเทศนี้ ไม่มีเสรีภาพในการแสดงความเห็นอีกต่อไป และวันนี้ประชาไท ซึ่งไม่อาจทนต่อการคุกคาม
ได้อีกต่อไป ก็ประกาศปิดตัวลง

การต่ออายุ พรก.ฉุกเฉินออกไปอีก 3 เดือน และอาจต้องต่อไปอีกตลอดไป ก็ชัดเจนว่า พวกเขา “หมดสิ้นหนทาง” ที่จะทำให้ประชาชน
ยอมรับได้แล้ว ก็เลยต้องใช้อำนาจกดขี่ กำจัดคนที่เห็นแตกต่างออกไปทุกวิธี

การกระทำแบบไร้คุณธรรมทางการเมืองเช่นนี้ จะทำให้ชนะตลอดไปหรือ การก้าวเข้าสู้ “เส้นทางแห่งความมืด” หรือ Darkside จะกลับ
ออกมาได้อีกหรือ ผมไม่คิดว่าคนที่ก้าวไปในเส้นทางแห่งความมืดจะกลับออกมาได้อีก

แต่ภาษิตจีนบอกไว้ว่า “คนที่ชอบเดินทางกลางคืน จะต้องเจอผีเข้าสักวัน” ความโอหังว่า ข้าเดินมาเกือบสว่างแล้ว ไม่เห็นมีผี
เมื่อผีโผล่ออกมา ก็หมดเวลาที่จะแก้ตัวอีกต่อไปแล้ว
หมดแล้วสำหรับการเป็น “ผู้ยิ่งใหญ่” เมื่อตายไปแล้ว เพราะมีคนค้านแน่นอน

เมื่อสิ้นหนทางหลอกคน ด้วยคุณธรรม มาใช้อำนาจอย่างจนตรอก “ระยะเวลาที่เหลือของพวกเขา” ก็อยู่แค่อายุของเขาเท่านั้น
เลิก พรก. หรือใช้อำนาจอ่อนแรงเมื่อไหร่ ก็สิ้นพลังทันที

ผมจำคำหนึ่งได้ว่า “การโฆษณาชวนเชื่อ ไม่อาจสร้างศรัทธาได้ตลอดกาล” มันสามารถหลอกคนได้เวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อพวกเขารู้
ความจริง การโหมโฆษณาชวนเชื่อไม่ก่อผลใดๆ ในทางศรัทธา แต่จะทำให้คนชิงชังมากยิ่งขึ้น

รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมทางการเมืองไปแล้ว รอวันถูกโค่นเมื่อไหร่เท่านั้น


การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงส้งคม เป็นกระบวนการที่ใช้เวลาครับ เพราะสังคมระดับประเทศเป็นสังคมใหญ่ที่ซับซ้อน คนบางกลุ่ม
บางจำพวก เขาก็มีความเคยชิน กับสิ่งที่อยู่รอบตัวเขา ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนแปลง ทำให้เขาคาดการณ์อนาคตไม่ได้

ดังนั้น คงไม่มีใครตอบได้ว่า "อีกนานเท่าใด" เราจึงจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ผมว่า สำหรับตัวเราเองแล้ว "เราปลดแอกทางความคิด" ในการเป็นทาสทางความคิดเขาได้ก็คือ "สิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว"
ส่วนประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็ต้องพัฒนากันต่อไป

เมื่อคนแก่ๆ ทั้งหลายตายไป คนหนุ่มต่างๆ ที่เปิดกว้างกว่า ก็เข้ามาแทนที

โลกทรรศน์ต่างๆ ก็จะเปลี่ยนไป สังคมก็เปลี่ยนไปครับ

วันนี้ "พวกเขาไม่อาจครอบงำทางความคิดได้อีกแล้ว" คงไม่นานหรอกครับ


ที่มา: บทความโดย ลูกชาวนาไทย
2010 07 08 เวลา 09:46:59 AM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น