วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 18, 2555

ไม่มี "เม้มปาก-เอียงคอ" นโยบาย 66/55 ของ "ป๋าเปรม" เพลง "ปรองดอง" ผ่าน "ออเคสตรา"


10 ล้านบาทสำหรับการจัดคอนเสิร์ตออเคสตรา ขอบคุณผู้ที่ลงแรงช่วย "น้ำท่วม" ของรัฐบาล ถือว่า "แพง" และ "ไม่คุ้มค่า" อย่างยิ่ง

แต่หาก 10 ล้านบาทนั้นสามารถส่งสัญญาณภาพ "ความปรองดอง" สู่สาธารณชนและนานาชาติ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ต่ำและคุ้มค่าอย่างยิ่ง

แม้ "จุดเริ่มต้น" ของงาน "รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย" จะเกิดขึ้นจากเรื่อง "ดนตรี" อย่างแท้จริง

คำสัมภาษณ์ของ นายสุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ริเริ่มโครงการแสดงคอนเสิร์ตที่ทำเนียบรัฐบาลชัดเจนอย่างยิ่ง

นายสุกรีเล่าว่า โครงการนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เขาประสบปัญหาเรื่องวิทยาลัย ไม่ได้การรับรองหลักสูตร

ช่วงที่ "สุกรี" คิดว่าตนเองโดดเดี่ยว มี "ผู้ใหญ่" คนหนึ่งในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่ไม่ใช่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เสนอว่าควรจะจัดแสดงวงดนตรีไทยแลนด์ฟีลฮาร์โมนิก ออเคสตรา ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า

นายสุกรีปฏิเสธเพราะลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นที่โล่งไม่เหมาะกับการจัดแสดงดนตรี และไม่อยากให้มีการปิดถนน

มีการเสนอใช้ "สนามหลวง" แต่ "สุกรี" ก็ยืนยันว่าไม่เหมาะกับการแสดงดนตรีสดเช่นกัน

เมื่อถามว่าอยากเล่นที่ไหน "สุกรี" ตอบว่า "ทำเนียบรัฐบาล"

"ผู้ใหญ่" ท่านนั้นก็อึ้งไป เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่

บังเอิญที่ "สุกรี" รู้จักกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ตั้งแต่เริ่มต้น

อีกด้านหนึ่งก็คุ้นเคยกับ พล.อ.เปรม จากความชอบเรื่องดนตรีเหมือนกัน โดยเขาเป็นคนแนะนำครูสอนเปียโนให้กับ พล.อ.เปรม

17 มกราคม 2555 นายสุกรี พานายกิตติรัตน์เข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ โดยนายกิตติรัตน์นำกระเช้าผลไม้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปด้วย

วันนั้น นายกิตติรัตน์ได้เชิญ พล.อ.เปรม เป็นประธานในวันแสดงดนตรี ซึ่ง "ป๋าเปรม" ก็ตอบตกลง

และกลายเป็น "จุดเริ่มต้น" ของงานรักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย ที่กลายเป็น "จุดเปลี่ยน" ทางการเมืองครั้งสำคัญ

ชนิดที่ "คนเสื้อเหลือง" และ "คนเสื้อแดง" งุนงงจนถึงวันนี้


ในครั้งแรก "กิตติรัตน์" ไม่ได้คิดแบบ "การเมือง"

เขาคิดเรื่อง "ดนตรี" ล้วนๆ
ดังนั้น "กิตติรัตน์" จึงเตรียมควักกระเป๋าส่วนตัวมาใช้ในการจัดงาน

แต่เมื่อเรื่องถึงหู "ยิ่งลักษณ์" นายกรัฐมนตรี ก็ให้ใช้งบประมาณของรัฐบาล และมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบงานเป็นงานรักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

แม้จะฟังดูแปร่งๆ แต่ก็เป็นเหตุผลที่พอฟังได้
ทั้งที่รู้ว่าทุกคนอ่านออกว่านี่คือ งานแสดงภาพทางการเมือง

วันนั้นทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่ "ยิ่งลักษณ์" และ "พล.อ.เปรม" มากที่สุด
เพราะ "ยิ่งลักษณ์" คือน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ประกาศว่า พล.อ.เปรม เป็น "ผู้มากบารมีนอกรัฐธรรมนูญ"
ในขณะที่ "คนเสื้อแดง" นั้นโจมตี พล.อ.เปรม ตลอดว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
การเชิญ พล.อ.เปรม มาเป็นประธานในพิธีจึงเป็น "ปรากฏการณ์" ที่ทุกฝ่ายจับตามอง

ไม่แปลกที่ในวันแรกเมื่อข่าวเรื่องนี้แพลมออกจากทำเนียบรัฐบาล ไม่มีใครเชื่อว่า "ป๋าเปรม" จะมา แทบทุกคนคิดว่าเป็น "เกม" ของรัฐบาล
รุกด้วยการยื่นมือให้ก่อน

เป็นเกมรุกที่มีแต่ "ได้" ไม่มี "เสีย"
แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยืนยันว่า "ป๋า" มาแน่

แต่คนจำนวนไม่น้อยไม่มั่นใจ จนกระทั่งถึงวันงาน
ไม่แปลกที่คืนวันนั้น ทุกคนจะจับตามองปฏิสัมพันธ์ระหว่าง "ป๋าเปรม" กับ "ยิ่งลักษณ์"

จะเป็นภาพการแสดงท่าทีเมินเฉย ท่าทีแบบ "ทางการ" หรือแสดงมิตรภาพที่ดีต่อกัน
แน่นอน "ยิ่งลักษณ์" ต้องแสดงท่าทีที่นอบน้อมตามปกติที่เห็นเป็นประจำ

แต่ "ป๋าเปรม" นั้นไม่มีใครรู้ว่าจะแสดงท่าทีอย่างไร
และเมื่อภาพที่ปรากฏบนจอโทรทัศน์ผ่านการถ่ายทอดสดทั้งทางช่อง 11 และโมเดิร์นไนน์ กลายเป็นภาพของ "ป๋า" ยิ้มแย้มแจ่มใส และสนทนากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างเป็นกันเองตลอดการแสดงดนตรี

ยิ่งตอนที่ส่ง "ป๋า" ขึ้นรถกลับบ้าน แล้ว พล.อ.เปรม ลดกระจกเรียก "ยิ่งลักษณ์" ไปคุยสั้นๆ
ยิ่งทำให้ภาพความปรองดองชัดเจนขึ้น

คำถามที่เกิดขึ้น ก็คือ ทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มต้นการปรองดองกันแล้ว
หรือนี่คือ เกมสร้างภาพเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งตายใจ


คนใกล้ชิดของ พล.อ.เปรม ยืนยันว่านี่คือการส่งสัญญาณ "ปรองดอง" อย่างแท้จริง
เพราะ "ป๋า" เป็นคนเก็บความรู้สึกไม่อยู่
ภาษาท่าทางของ "ป๋า" จะชัดเจนมาก

ถ้าไม่พอใจใคร พล.อ.เปรม จะแสดงปฏิกิริยาให้เห็นชัด ไม่ว่าจะเป็นการเม้มปาก เอียงคอ หรือไม่พูดด้วย
แต่ภาพในคืนนั้น "ป๋าเปรม" ยิ้มแย้มแจ่มใส และสนทนากับ "ยิ่งลักษณ์" เหมือน "ผู้ใหญ่" ที่เอ็นดู "เด็ก"

อย่าลืมว่า พล.อ.เปรม นั้นผ่านเหตุการณ์การทำสงครามคอมมิวนิสต์มาแล้ว และเขาเป็นคนออกนโยบาย 66/2523 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดอง โดยเปิดทางให้กับ "นักศึกษา" ออกจากป่า
ทำไมเขาจะอ่านเกมไม่ออกว่าการเมืองไทยถ้ายังคงดึงดันต่อไป ไม่ปรองดอง เมืองไทยจะเป็นอย่างไร

และผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่าคนส่วนใหญ่เลือกใคร
เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งยื่นมือมาขอปรองดองก่อน "ป๋าเปรม" จึงตัดสินใจไม่ยาก

ทั้ง "ยิ่งลักษณ์" และ "ป๋าเปรม" ต่างมองออกว่าการชมคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นเรื่องการเมือง
และทุกฝ่ายต้องตีความจากภาพที่ปรากฏ

งานนี้ไม่มีใครหลอกใคร เพราะทั้งสองคนตั้งใจให้ภาพนี้เกิดขึ้น
รัฐบาลนั้นไม่เพียงแต่ต้องการส่งสัญญาณให้กับทุกฝ่ายในประเทศ "ยิ่งลักษณ์" ยังหวังผลถึงระดับนานาชาติ
นั่นคือ เหตุผลที่เชิญเอกอัครราชทูตทุกประเทศมาร่วมในงานนี้

เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพ "ป๋าเปรม" กับ "ยิ่งลักษณ์" พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน
เพราะเป็นภาพทางบวกของประเทศไทย

คืนนั้น ว่ากันว่า ทั้ง "ป๋าเปรม" และ "ยิ่งลักษณ์" กลับบ้านอย่างมีความสุข
แต่คนที่นอนไม่หลับ และคิดไม่ตกจนถึงทุกวันนี้ คงไม่พ้นพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และกลุ่มคนเสื้อแดง

เพราะไม่มีใครนึกว่าจะมีภาพเช่นนี้ขึ้นมา
เหมือนประเทศไทยไม่เคยเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ไม่มีผู้มากบารมีนอกรัฐธรรมนูญ

ไม่มีการเผาบ้านเผาเมือง
ไม่มีการสังหารโหดกลางเมือง 91 ศพ

แต่นี่คือ "เรื่องจริง" ประเทศไทยในเดือนแห่งความรัก พ.ศ.2555

..........


ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 ก.พ. 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น