การดึง “ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น” เสนาะ เทียนทอง กลับมาเสริมทัพ “เพื่อไทย” แบบไม่สนอดีตแสนข่มขื่น มีแต่เดินหน้าสู่อนาคตใหม่
ด้วยเหตุผลสวยหรูว่า “เพื่อบ้านเมือง” ดูไม่ต่างจากอาการ “ดิ้นเฮือกสุดท้าย” ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาทุกที
ถึงขั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินส่งลูกอ้อนมากลางงานวันเกิด “78 ปี คนกล้า รักษาสัจจะ” ที่บ้านพักสนามกอล์ฟอัลไพน์ ของ “ป๋าเหนาะ” พร้อมรำลึกความหลัง เมื่อปี 2543 ที่เคยจีบ “ป๋าเหนาะ” อยู่นาน กว่าจะได้ตัวมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนขมวดปมว่าจะได้รับความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้แบบถล่มทลายเหมือนครั้งนั้น
ไม่แปลกที่ “ป๋าเหนาะ” ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาราชที่มี สส.ในสังกัด 4-5 เสียงจะต้องทบทวนสถานะ เก็บอดีตที่เคยบาดหมางไว้เบื้องหลัง กลับมาเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคเพื่อไทย ประกาศตัวดัน มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
“ชีวิตวันนี้ได้ตัดสินใจกับน้องที่รัก เรื่องเก่าไม่ต้องมาพูดกัน วันนี้เราต้องทำให้สำเร็จเหมือน 1 เม.ย. 2543 มาร่วมกันทำงานเพื่อไม่ปล่อยให้ประเทศตกต่ำไปกว่านี้ ไม่ปล่อยให้ใครมาย่ำยีสถาบัน ไม่ปล่อยให้ใครมาโกหกประชาชน ไม่ปล่อยให้ใครมาคอร์รัปชัน และผมจะทำพรรคเพื่อไทยให้ยิ่งใหญ่”
ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ฝุ่นตลบกับ กลุ่มก๊วนต่างๆ วุ่นกับการผนึกกำลัง จัดแพ็กเกจลงพื้นที่ในการเลือกตั้ง แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งกำลังปั่นป่วนกับศึกภายใน ที่แกนนำฮึดฮัดชิงการนำกันเอง โดยเฉพาะ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ยืดเยื้อสืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งศึกซักฟอกที่ผ่านมา
ยังไม่รวมกับปัญหาเรื่องการจัดวางท่าทีความสัมพันธ์ระหว่าง “เสื้อแดง” และ “เพื่อไทย” ถึงขั้นออกมา “ตีกัน” แนวคิดที่จะให้แกนนำเสื้อแดงลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์อันดับต้นๆ ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งกระตุ้นให้ สส.ไหลออกไปตาม “แรงดูด” มากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าการกลับมาของ “ป๋าเหนาะ” นอกจากบทบาท “กรรมการห้ามมวย” คอยสงบศึกภายในแล้ว อีกด้านหนึ่งยังถือเป็นขวัญและกำลังใจให้สมาชิกรุ่นหลังได้ใจชื้น โดยเฉพาะการผนึกกำลังดึงสมาชิกรุ่นลายครามมาร่วมขับเคลื่อนพรรคในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
ดังจะเห็นจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานวันเกิด 78 ปี ของ “ป๋าเหนาะ” ที่ทีมงานรุ่นเล็ก กลาง ใหญ่แห่กันไปคึกคัก โดยเฉพาะหลายต่อหลายคนที่เงียบหายจากแวดวงการเมืองก็มาปรากฏตัวกันอย่างพร้อมเพรียง
ไล่มาตั้งแต่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ยงยุทธ ติยะไพรัช พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยาพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สุชน ชาลีเครือ และ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ฯลฯ
โดยเฉพาะกับ พล.ต.อ.ประชา แกนนำจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ “เพื่อไทย” เคยเสนอชื่อเป็นนายกฯ แต่ต้องแพ้ให้กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งที่ผ่านมา เที่ยวนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศดึงมาร่วมงานกับเพื่อไทย และเตรียมเปิดตัว ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะมี สส.จากพรรคเพื่อแผ่นดินตามมาด้วยเท่าไหร่
ต้องยอมรับว่า “ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น” แม้จะไม่ได้มีบารมีเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่การที่มีพื้นที่เหนียวแน่นของตัวเองกับฐาน จ.สระแก้ว แม้จะไม่กี่ที่นั่ง แต่ก็เป็นเสียงที่แน่นอน และมีความสำคัญสำหรับการตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่คาดว่าจะทิ้งกันไม่ขาด การดึง “ป๋าเหนาะ” และ “พล.ต.อ.ประชา” จึงถือเป็นการวางหมากที่ผ่านการไตร่ตรองไล่เช็กนับยอดมาอย่างถี่ถ้วน
ส่วนสมาชิกเก่าไทยรักไทยที่แยกขบวนไปบ้างอย่าง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ด้วยทางเลือกใหม่ในนาม พรรครักษ์สันติ หวังแบ่งเสียงจากคนชั้นกลางที่ไม่เอียงเข้าข้างขั้วใดขั้วหนึ่งจากสองพรรคใหญ่ งานนี้จึงไม่เป็นปัญหากับพรรคใดเป็นพิเศษ
นอกจากท่าทีเรื่องการผนึกกำลัง “มิตรเก่า” แล้ว สัญญาณเอาจริงเที่ยวนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือการ “โฟนอิน” ที่เพิ่มจำนวนถี่ขึ้นเรื่อยๆ และเนื้อหาเอาจริงเอาจัง ปลุกกระแสมวลชนแฟนคลับให้กลับมาเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ควบคู่ไปกับนโยบายพรรคเพื่อไทยที่เตรียมเปิดรายละเอียดในวันที่ 24 เม.ย. นี้ ที่มุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน
ในงานครบรอบ 5 ปี ก่อตั้งชมรมคนรักอุดร พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน มาถึงประชาชนคนเสื้อแดงเกือบ 45 นาที แม้จะอุบไต๋ ว่าที่ นายกฯ ในนามพรรคเพื่อไทย และจะบอกทันทีเมื่อยุบสภา
ก่อนตบท้ายว่าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งจะกลับประเทศไทยภายใน 3 เดือน เพื่อรับใช้ประชาชนคนไทย และขอฟื้นประเทศไทยภายใน 6 เดือน จากนั้นจะทำให้คนไทยมีสตางค์ในกระเป๋า และปีต่อไปพี่น้องเกษตรกรก็จะอ้าปากได้เพราะมีเงินเหลือใช้
การเปิดหน้าสู้แบบเต็มสูบเที่ยวนี้ย่อมถือเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ !!!
หากเพื่อไทยยังไม่ชนะในการเลือกตั้งรอบนี้ โอกาสกลับเมืองไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร้มลทินคงมืดหม่นลงทุกที ไม่ว่าจะเป็นเพราะกาลเวลาที่นับวันคนจะลืมเลือน อีกด้านหนึ่งคนเริ่มเบื่อหน่ายกับการเมืองแบ่งสีแบ่งฝ่ายที่ยืดเยื้อ ไร้ที่สิ้นสุด ทุกอย่างจึงต้องรีบปิดเกมให้ได้เร็วที่สุด
ยิ่งเงื่อนไขติดล็อกของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ขณะนี้เหลืออีกแค่ปีกว่าเท่านั้นก็จะได้อิสรภาพกลับมาโลดแล่นบนถนนการเมืองได้อีก และเมื่อนั้นมาถึง โอกาสที่คีย์แมนเดิมๆ ของไทยรักไทยจะกลับเข้ามานำการเมืองสู่วังวนเดิมๆ ย่อมหลีกเลี่ยงได้ยาก ยิ่งกว่านั้นยังทำให้การหวังพึ่งพากระแสทักษิณเป็นเครื่องมือหาเสียงย่อมน้อยลงไปทุกที และจะถูกลืมเลือนไปในที่สุด
เดดไลน์กลับบ้านภายใน 3 เดือนหลังชัยชนะของพรรคเพื่อไทยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขีดเส้นไว้ จึงเป็นเงื่อนเวลาที่จำเป็นสำหรับการดิ้นเฮือกสุดท้ายเที่ยวนี้ เพราะยิ่งปล่อยให้เวลาทอดนานออกไปเท่าไหร่ โอกาสดูจะมีแต่ริบหรี่ลงทุกที
บทความชื่อ : แม้วดิ้นเฮือกสุดท้าย ปัดฝุ่นลายครามสู้
ที่มาบทความ: โพสต์ทูเดย์วิเคราะห์ (update: 04 เมษายน 2554 เวลา 07:22 น.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น