วันเสาร์, ตุลาคม 16, 2553
wikileaks
Thanks: ฝากรูป
wikileaks ได้รับรางวัลนิวมีเดียจากองค์การนิรโทษกรรมสากลเมื่อปีที่แล้ว เป็นเว็บไซต์แฉ ที่มีความชำนาญพิเศษในการเผยแพร่เอกสารลับสุดยอด จนถูกกองทัพสหรัฐมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของปฏิบัติการทางทหาร
เมื่อ wikileaks ได้นำเอารายงานลับปี 2551 ของศูนย์ต่อต้านการข่าวของกองทัพสหรัฐออกเผยแพร่ พบว่ารายงานชิ้นนี้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐสอบสวน wikileaks เพื่อควานหาตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่ปากโป้ง นำข้อมูลลับมาเปิดเผย แถมยังให้ดำเนินการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" จะได้ทำให้คนปล่อยข่าวไม่กล้าติดต่อกับ wikileaks อีก
wikileaks เชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่ทางเว็บไซต์มีแผนจะนำภาพเหตุการณ์โจมตีทางอากาศในอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมปีที่แล้ว ที่มีพลเรือนเสียชีวิต 97 คนออกเผยแพร่โดยไม่มีการตัดต่อ
เพื่อเป็นการตอบโต้เรื่องที่ตัวเองถูกสอบ wikileaks เลยประกาศว่าจะเปิดโปง การหมกเม็ดฆาตกรรมของเพนตากอน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งชาติในกรุงวอชิงตันวันที่ 5 เมษายน
วัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของ wikileaks คือเพื่อเปิดโปงการคอรัปชั่นและประพฤติมิชอบในแวดวงราชการและภาคเอกชน โดย wikileaks จะเปิดช่องให้คนนำข้อมูลลับต่างๆ มาเผยแพร่ได้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวให้เสี่ยงลูกปืน
เอกสารลับที่ wikileaks แฉมาแล้ว มีทั้งอีเมลที่แฮ็กมาจากบัญชีส่วนตัวของซาราห์ เพลิน เพจเจอร์จากเหตุการณ์ 9/11 อีเมลสมคบคิดกันปั้นข้อมูลโลกร้อนของนักวิทยาศาสตร์ และแนวทางการดำเนินงานของผู้คุมคุกกวนตานาโม
ทว่าเรื่องที่ทำให้เพนตากอนฉุนขาด คือเรื่องที่ wikileaks เผยแพร่คำสั่งรบของกองทัพอเมริกันในอิรัก และอัฟกานิสถานออกมาเกือบทั้งหมดในปี 2550
ที่เด็ดสุดคือมีข่าวว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือ และ รัฐบาลไทย พยายามจะบล็อกเว็บไซต์แห่งนี้เพราะเห็นว่าให้ข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อนโยบายของตัวเองด้วย แต่คงจะยังไม่สำเร็จเพราะยังเข้าเว็บไซต์แฉแห่งนี้ได้ตามปกติ
Thanks: ฝากรูป
ขณะที่ชาวโลกกำลังพุ่งความสนใจไปยังเอกสารแฉด้านดำมืดของสงครามอัฟกานิสถานที่ "วิกิลีกส์" (Wikileaks.org) นำออกเผยแพร่จำนวน 9.2 หมื่นหน้าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์แห่งนี้ก็มีอันล่มโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนเป็นปมปริศนาปมหนึ่ง
สาเหตุอาจเป็นเพราะการจราจรคับคั่งเกินไป ด้วยมีผู้คนมหาศาลเกิดสนใจเว็บไซต์ที่แต่ก่อนไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันสักเท่าไหร่พร้อมๆ กัน หรือเพราะถูกโจมตีล้างแค้นจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือจากชาติพันธมิตรที่แสดงความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ปิดบัง ต่อการรั่วไหลของความลับสุดยอดทางทหารอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนโลกใบนี้
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม เว็บไซต์รวมพลคนต้องการแฉความลับแห่งนี้ โด่งดังเป็นพลุแตก ท่ามกลางเสียงถกเถียงที่อีกนานกว่าจะได้ข้อสรุปว่า การเผยแพร่เอกสารลับทางทหารจนเป็นระเบิดตูมใหญ่ใส่หน่วยสืบราชการลับของชาติมหาอำนาจโลกแบบนี้ ถือเป็นอาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นการรายงานเชิงสืบสวนแห่งอนาคตที่น่าชื่นชม
Thanks: ฝากรูป
วิกิลีกส์ เป็นองค์กรสื่อยุคใหม่ในโลกยุคดิจิทัล เช่นเดียวกับ ยูทูบ เฟซบุ๊ก และสารานุกรมออนไลน์ วิกิพีเดีย
น่าสนใจคือองค์กรสื่อแห่งนี้ บอกแบบคลุมเครือว่าร่วมกันตั้งเมื่อปลายปี 2549 โดยผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาลจีน ผู้สื่อข่าว นักคณิตศาสตร์ ผู้รู้ด้านเทคโนโลยีตั้งแต่สหรัฐ ไต้หวัน ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ ใช้พนักงานหลักๆ แค่ 5 คน แต่มีเครือข่ายอาสาสมัครกว่า 1,000 คน ที่ร่วมด้วยช่วยกันคัดกรอง ตรวจสอบ แก้ไข ก่อนเผยแพร่จนกลายเป็นฐานข้อมูลเอกสารลับใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
สำหรับงบประมาณอาศัยการบริจาคเป็นหลัก มีงบประมาณ 1.75 แสนปอนด์ต่อปี และได้รับการสนับสนุนด้านกฎหมายจากสำนักข่าวชื่อดังหลายแห่ง
องค์กรแห่งนี้เรียกตัวเองว่า เป็นระบบปลอดเซ็นเซอร์สำหรับการแพร่งพรายเอกสารลับจำนวนมหาศาลแบบที่ไม่สามารถแกะรอยไปยังที่มาได้ เอกสารถูกเก็บอย่างดีในเซิร์ฟเวอร์หลักที่สวีเดน และอีกหลายประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองความลับสื่อ ข้อมูลถูกเข้ารหัสป้องกันระดับเดียวกับกองทัพ เพื่อปกป้องแหล่งข่าว และต่อต้านความพยายามบุกรุกของหน่วยงานรัฐ ตลอดจนบริษัท และเหล่าแฮ็กเกอร์ที่อยากลองดี
เป้าหมายของ วิกิลีกส์ คือการสร้างสำนักข่าวกรองของประชาชน ขณะที่สื่อหลายแห่งพยายามให้คำจำกัดความหลากหลายแก่ วิกิลีกส์ เช่น นิตยสารนิวยอร์กเกอร์ ตั้งฉายาว่า การลุกฮือแข็งข้อของสื่อ ยึดมั่นกับสิ่งที่เรียกว่า ความโปร่งใสสุดขั้ว ด้วยความเชื่อว่ายิ่งลับน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น ส่วนบล็อกแห่งหนึ่งระบุว่า วิกิลีกส์เป็นองค์กรสื่อไร้รัฐแห่งแรกของโลก
ภายในปีเดียวนับจากเปิดตัวเว็บไซต์ วิกิลีกส์คุยว่าฐานข้อมูลของตนเก็บเอกสารแนวเปิดโปง 1.2 ล้านชิ้น และมีผู้ส่งเอกสารเข้าไปนับหมื่นในแต่ละวัน
อาจกล่าวได้ว่าหากขาดซึ่งมันสมองและพลังความคิดผิดแผกจากคนทั่วไปของชายชื่อ จูเลียน พอล อาซานจ์ วันนี้แล้ว คงไม่ทำให้วิกิลีกส์มาถึงได้ และอาจกล่าวได้อีกว่าความลับหนึ่งที่วิกิลีกส์ ยังไม่ยอมแพร่งพรายออกมาก็คือปูมหลังอันชัดเจนของชายที่กำลังเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลก
เท่าที่พอจะรวบรวมได้จากคำให้สัมภาษณ์และแหล่งต่างๆ อาซานจ์เกิดเมื่อปี 2514 ที่เมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนสแลนด์ของออสเตรเลีย เคยพูดถึงตัวเองว่าเป็นกบฏโดยพันธุกรรม พ่อแม่พบกันระหว่างร่วมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม บิดาพร่ำสอนให้เขาเป็นลูกผู้ชายที่มีน้ำใจ คุ้มครองผู้ตกเป็นเหยื่อ และไม่เป็นผู้สร้างเหยื่อ ส่วนมารดานั้น สมัยเป็นวัยรุ่น ก็เคยขี่ม้าเข้าไปยังศาลาว่าการเมือง เพื่อประท้วงต่อต้านการปิดถนนสำหรับม้า เธอยังเป็นช่างทาสี นักแสดงและนางแบบให้แก่จิตรกรหาเลี้ยงชีพในซิดนีย์ด้วย
อาซานจ์เคยแต่งงานกับแฟนสาวตอนอายุเพียง 18 มีบุตรชาย 1 คน แต่แล้วเธอหอบลูกหนีไปขณะที่เขากำลังถูกตำรวจออสเตรเลียสอบสวนในข้อหาแฮ็กเกอร์ อาซานจ์แฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย บริษัทนอร์เทล ยักษ์ใหญ่สื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา และองค์กรอีกหลายแห่ง เพื่อทดสอบระบบความปลอดภัยโดยไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ต่อระบบ อาซานจ์รับสารภาพผิดในข้อหาแฮ็กเกอร์ 24 กระทง แต่ได้รับการปล่อยตัวโดยสัญญาว่าจะประพฤติดี หลังพ้นคดี อาซานจ์ใช้ชีวิตในเมลเบิร์นในฐานะโปรแกรมเมอร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เปล่า
ด้านการศึกษา อาซานจ์เรียนด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น กระทั่งปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มสนใจเรื่องการเปิดเว็บ วิกิลีกส์ ว่ากันว่า อาซานจ์เรียนด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ อ่านตำราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มากมาย ทั้งยังได้ศึกษาปรัชญาและประสาทวิทยาอีกด้วย
แต่ความคิดที่จะยึดอาชีพอาจารย์ฟิสิกส์ต้องมีอันพับไป เมื่อได้พบว่านักวิชาการหลายต่อหลายคน ขายศักดิ์ศรีตัวเองให้แก่หน่วยข่าวกรองและกองทัพ อาซานจ์เคยประณามเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และนั่นจุดประกายของการตั้งเว็บไซต์แบบไม่มีการประนีประนอม ซึ่งส่งผลให้อาซานจ์ได้รับรางวัลจากองค์การนิรโทษกรรมสากล จากการเปิดโปงกระบวนการอุ้มและวิสามัญมาตกรรมในเคนยา เมื่อปีที่แล้ว
ชายวัย 39 ปีผู้นี้ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง ใช้ชีวิตราวคนเผ่าเร่ร่อน หิ้วแล็ปท็อปกับเป้เสื้อผ้าอีกหนึ่งใบ ย้ายไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าจะต้องไปไหนเพื่ออะไรบางอย่าง ยิ่งเวลานี้ว่ากันว่า อาซานจ์จะไม่อยู่ที่ไหนเกินสองวัน เพราะศัตรูเริ่มยาวเป็นหางว่าวตามการขยายตัวของฐานข้อมูลในวิกิลีกส์
แม้ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้สร้างความลำบาก เพราะตอนเด็ก ต้องย้ายหลักแหล่งไปเรื่อยๆเพราะมารดาทำธุรกิจใหม่เป็นบริษัทจัดการแสดงเคลื่อนที่ จนทำให้เด็กชายอาซานจ์เข้าออกโรงเรียนถึง 37 แห่ง
อาซานจ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่ว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่สนามบิน เขาเคยอยู่เป็นช่วงๆ ที่ออสเตรเลีย เคนยา และแทนซาเนีย และเคยไปเยือนเวียดนาม สวีเดน ไอซ์แลนด์ ไซบีเรีย เบลเยียม และสหรัฐอเมริกา แต่ล่าสุด อาซานจ์เริ่มเช่าบ้านหลังหนึ่งในไอซ์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ และที่บ้านหลังนั้นเอง อาซานจ์กับนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันทำงานจนเป็นที่มาของการเผยแพร่คลิปวิดีโอสงครามอัฟกานิสถาน
อาซานจ์เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 คนของวิกิลีกส์ และทำหน้าที่โฆษกด้วย แม้ว่าสื่อต่างๆ จะระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้ก่อตั้ง หรือผู้อำนวยการ แต่เจ้าตัวไม่อยากเรียกตัวเองแบบนั้น แต่ถือว่าเป็นบรรณาธิการบริหาร ของวิกิลีกส์ อาซานจ์เป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายในกระบวนการตรวจสอบเอกสารก่อนเผยแพร่ ซึ่งจุดยืนอันน่ากลัวของอาซานจ์คือ การแพร่งพรายที่ดีก็คือการไม่เซ็นเซอร์อะไรเลยที่เป็นเรื่องอ่อนไหวทางทหาร
.................
ขอบคุณข้อมูลข่าวจากเว็ป http://www.nonlow.7forum.net/forum-f1/topic-t1179.htm
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น