วันพุธ, ตุลาคม 06, 2553

Suspect in Thai blast linked to Red Shirts

by herogeneral.blogspot.com
Ref: Asian Correspondent(update Oct. 07 2010 - 10:10 am)

จาก อัลบั้ม Asiancorrespondent

A man suspected of accidentally blowing up an apartment building in a Bangkok suburb is linked to the "Red Shirt" protest movement and had bomb-making materials in his room, officials said Wednesday, lending support to accusations that the movement is behind a series of explosions in the Thai capital.

Police said a charred body recovered from the badly damaged building in Nonthaburi province, just north of Bangkok, probably is Samai Wongsuwan, who was renting the apartment where the blast is believed to have originated. Three other people were killed and nine were injured by the explosion Tuesday evening.

"There is a high probability that this is a bomb-making accident," said Nonthaburi police chief Maj. Gen. Supakit Srichantranon. He said police found bomb-making materials in the apartment, including fertilizer contained in fire extinguishers, electrical circuit boards and high-voltage batteries.

Supakit said Samai was a suspect in the blast and in a bombing in the northern city of Chiang Mai. National police chief Gen. Wichean Potephosree told reporters the materials found at the blast were similar to those used in four recent bombings, suggesting the incidents were linked.

Samai's wife, Buakam Muangma, told reporters at the couple's home in Chiang Mai that he was a supporter of the Red Shirts, who seized Bangkok's main commercial district for more than a month earlier this year to demand Prime Minister Abhisit Vejjajiva call early elections. A military crackdown on May 19 ended the protests, in which about 90 people died and more than 1,400 were injured.

Although the protesters were largely peaceful, they were backed by an armed group dubbed the "Men in Black" and by some hooligans.

There have been several dozen small explosions around Bangkok this year thought to be related to the political battle between the government and the Red Shirts. Several blasts since July have killed one person and wounded a dozen.

Many Red Shirt supporters back former Prime Minister Thaksin Shinawatra, who was deposed by a 2006 military coup for alleged corruption and disrespect to the king.

The blast at the apartment building came on the same day that authorities extended a state of emergency in Bangkok and three surrounding provinces, citing continued security concerns. The measure was imposed in April during the anti-government protests.

Soldiers have been posted at many key locations in the capital including government buildings and train stations.

Officials recently warned that increased violence is likely beginning this month, and detained 11 men over the weekend in Chiang Mai province accused of training for armed attacks to overthrow the monarchy.

-----------------------------------


บึ้มบางบัวทอง! ถีงแดงนปช. กระเทือนทั้งขบวน

ที่มาข้อมูล: posttoday.com

จาก อัลบั้มโพสต์ทูเดย์

ไม่ทันที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติต่ออายุ พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็เกิดเหตุระเบิดช็อกประเทศที่สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน


ไม่ทันที่คณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติต่ออายุ พ.ร.ก. ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็เกิดเหตุระเบิดช็อกประเทศที่สมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เหตุบึ้มครั้งนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน ส่วนอาคารบ้านเรือนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็มีสภาพไม่ต่างอะไรจากซากปรักหักพังที่อยู่ในสนามรบ

ที่สำคัญระเบิดที่นำมาใช้ก่อเหตุก็มีขนาดถึง 10 กิโลกรัม เป็นผลให้เกิดพลานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าทุกเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

หากมองตามตรรกะเรื่องพื้นที่สัญลักษณ์ทางการเมืองแล้ว “บางบัวทอง” ย่อมถูกให้ความสำคัญในมิตินี้น้อยกว่าถ้าเทียบกับพื้นที่อย่างราชประสงค์หรือคิง เพาเวอร์ ซึ่งทั้งสองสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ไปนั้นทำให้พออนุมานได้ว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าบทบาทของราชประสงค์และคิง เพาเวอร์ที่ผ่านมาสะท้อนถึงความหมายในทางการเมืองขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่างานด้านข่าวของรัฐบาลได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาอีกครั้งหลังจากปล่อยให้มีการลักลอบนำอาวุธร้ายแรงเข้ามาในพื้นที่ที่ถูกควบคุมด้วย พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ จึงไม่ต่างอะไรกับการตบหน้ารัฐบาลฉาดใหญ่ เพราะหลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้หน่วยงานความมั่นคงยังไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพในการจับตัวผู้บงการตัวจริงมาลงโทษตามกฎหมายได้

ดังนั้น ถ้าปล่อยให้เสียงระเบิดเกิดถี่มากขึ้น ย่อมหมายความว่ารัฐบาลจะต้องถูกตั้งคำถามจากประชาชนอย่างมากเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมในเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน

ถึงกระนั้นใช่ว่าเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นภาระของฝ่ายรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงเพียงอย่างเดียว

แต่เหตุบึ้มครั้งนี้ยังท้าทายถึงความชอบธรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย

เพราะจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการยืนยันจาก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ว่า บุคคลที่เข้าพักห้อง 202 อาคารสมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งเป็นห้องที่เกิดเหตุระเบิด คือ นายสมัย วงศ์สุวรรณ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168 หมู่ 12 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้เข้าพักในแมนชันดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา พร้อมกับเพื่อนและภรรยา จากการสอบสวนพยานแวดล้อมพบว่าก่อนเกิดเหตุสามีภรรยาคู่นี้ได้นำถุงกระสอบจำนวน3 กระสอบ เข้าไปในห้องพัก ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นดังกล่าว

“จากการตรวจสอบคาดว่าจะเป็นระเบิดทีเอ็นที 10 กิโลกรัม เเต่สาเหตุน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของการประกอบระเบิด ที่เกิดเหตุพบเเบตเตอรี่ 12 โวลต์ เเละสายไฟจำนวนหนึ่ง เครื่องวัดมัลติมิเตอร์ ชิ้นส่วนถังน้ำยาเเอร์ เเผงวงจรต่อเวลา เเละถังดับเพลิง ซึ่งวัตถุพยานทั้งหมดนี้สามารถเชื่อมโยงได้ใน 3 คดี คือ ที่หน้าโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยา ที่ลานจอดรถกระทรวงสาธารณสุข ลานจอดรถห้างเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เเต่ 3 พื้นที่ดังกล่าวสามารถเก็บกู้ระเบิดได้” พล.ต.อ.วิเชียร ระบุ

การสืบสวนยังพบว่านายสมัยถูกดำเนินคดีปาระเบิดที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2552 ซึ่งขณะนี้หลบหนีในชั้นพนักงานอัยการ และยังพบว่านายสมัยเคยมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกราชประสงค์ เมื่อเดือน เม.ย.พ.ค. โดยเป็นการ์ด นปช.

ขณะเดียวกัน เมื่อขยายผลสืบสวนไปยังภูมิลำเนาของนายสมัยก็ได้รับคำตอบจากนางบัวคำ เมืองมา อายุ 44 ปี ภรรยานายสมัยว่า นายสมัยเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กลุ่มเรารักทักษิณ หรือกลุ่ม นปช. นายสมัยจะไปร่วมกิจกรรมด้วยทุกครั้ง และเมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ นายสมัยถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แก้ม ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณแยกคอกวัว

เพียงแค่จากผลการสอบสวนของตำรวจและการให้ข้อมูลของคนใกล้ชิดนายสมัย ก็เป็นภาระที่ทำให้กลุ่มเสื้อแดงต้องชี้แจงต่อสังคมพอสมควร เพราะเป็นการแสดงให้เห็นแล้วในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นมีกลุ่มพวกนิยมความรุนแรงอยู่ ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มาจากความรุนแรงไม่ใช่แนวทางสันติวิธี สวนทางกับท่าทีของแกนนำ นปช.ก่อนหน้านี้อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้บอกเสมอว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกกรณี

“ขอประณามคนร้ายที่ลอบวางระเบิดไม่ว่าเป็นพวกไหนเกี่ยวข้องกับใคร เพราะการวางระเบิดถือว่าเป็นการสร้างปัญหาให้กับประเทศ และเมื่อมีการระเบิดทุกครั้งต้องวิเคราะห์ว่าใครได้ประโยชน์ เพราะคนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่เสื้อแดง และยังถูกใส่ร้ายว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง”

ด้านหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเพียงคนเสื้อแดงเท่านั้นที่นิยมความรุนแรง แต่ปัญหากลับไม่ได้อยู่ตรงนี้เพราะในระยะยาวการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงจะถูกจับจ้องจากสังคมด้วยว่าจะมีกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถควบคุมตัวได้จะเข้ามาสร้างสถานการณ์อะไรอีกหรือไม่

ยิ่งปล่อยนานไปรังจะเป็นแผลที่กัดกินความชอบธรรมของกลุ่ม นปช.ลงไปทีละเล็กทีละน้อย โอกาสที่จะกลับมาสร้างเงื่อนไขเพื่อเคลื่อนไหวหรือแสดงท่าทีต่อต้านรัฐบาลก็จะเป็นไปอย่างยากลำบากขึ้น โดยความลำบากที่สุดจะตกไปอยู่ที่กลุ่มเสื้อแดงสายพิราบ เช่น กลุ่ม บก.ลายจุด ที่กำลังมีกิจกรรมเคลื่อนไหวกันคึกคัก เป็นต้น เพราะจะถูกมองด้วยความสงสัยว่าจะมีพวกหัวรุนแรงเข้ามาแทรกแซงการเคลื่อนไหวหรือไม่

ไม่เพียงเท่านี้ เสียงระเบิดที่ดังขึ้นยังจะสะเทือนไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วยไม่มากก็น้อยในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงมาโดยตลอด

ฉะนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นโจทย์สำคัญของคนเสื้อแดงที่ต้องชี้แจงกับสาธารณชน ก่อนที่ความชอบธรรมในทางการเมืองจะหมดลงไปพร้อมกับเศษซากของอาคารที่เสียหาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น