วันเสาร์, ตุลาคม 23, 2553

สืบนอกศาลมือมืดใน 'คลิปลับ' หัวขบวน-ไอ้โม่งและนักปล่อยข่าว ภารกิจโค่นอำนาจ 'ปชป.และพวก'




สืบนอกศาลมือมืดใน 'คลิปลับ' หัวขบวน-ไอ้โม่งและนักปล่อยข่าว ภารกิจโค่นอำนาจ 'ปชป.และพวก'


แม้เสียงลึก-ลับ จะถูกเปิดฟังกันที่พรรคการเมืองหนึ่ง ก่อนถูกปล่อยลงในเว็บไซต์สาธารณะหลายวัน

แม้ "เสียง" จาก "คลิปลับ" จะถูกถอดเนื้อความ และบรรยายอย่างละเอียด จะถูกส่งออกจากพรรคการเมืองหนึ่ง

แต่มือมืดที่ขยายผลเนื้อหาของคลิปภาพและเสียง ยังลอยนวล

ปล่อยให้ "คนในภาพ" เผชิญหน้า ชะตากรรม จำนนด้วยหลักฐาน

อย่างน้อย นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ถูกเด้งฟ้าผ่ากลางฤดูฝน

อย่างน้อย วิรัช ร่มเย็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ ก็ติดกับดัก ถูกพรรคสอบสวนซ้ำ หลังถูกล่อไปนำสืบนอกศาล

แสงสว่างสาดส่องไปที่ 9 ตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้ง นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และ นายจรัญ ภักดีธนากุล, นายจรูญ อินทจาร, นายเฉลิมพล เอกอุรุ, นายนุรักษ์ มาประณีต, นายบุญส่ง กุลบุปผา, นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์, นายสุพจน์ ไข่มุกด์, นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี

แผนล้มรัฐบาล ล้มพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นขบวนการเครือข่ายใต้ดินที่ไม่ปรากฏ "หัวหน้า" ขบวนการ มีเพียง "โฆษกพรรคเพื่อไทย" ที่ออกมายืน กลางแจ้ง

นัก แถลงข่าวจากพรรคเพื่อไทย เริ่มขบวนการปล่อยข้อมูลลับ-ชื่อย่อ-ตำแหน่ง ของคนในศาลควบคู่คนในพรรคประชาธิปัตย์ ต่อเนื่องด้วยการชี้เบาะแสคลิปเสียงที่ถูกปล่อยไว้ในเว็บไซต์สาธารณะ

จาก นั้นก็อธิบายสำทับ ขยายความด้วยซับไตเติลข้อความใต้ภาพเคลื่อนไหว และโยงเนื้อเรื่องให้น่าติดตาม ด้วยการโชว์กราฟิก ลายเซ็น เรียงลำดับของบุคคลสำคัญในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์

สอดคล้องกับ "ข้อมูล" ของ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่วิเคราะห์ไว้ว่า

"พรรค ประชาธิปัตย์พยายามหาช่องทางชนะฟาวล์ โดยจะให้ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งมาเบิกความเป็นพยาน เพราะก่อนหน้านี้ ประธาน กกต.เคยบอกในขั้นตอนการพิจารณาก่อนส่งให้ศาลวินิจฉัยว่า ไม่ผิด" ประธาน ส.ส. เพื่อไทยตอกย้ำความเคลื่อนไหวในคลิปลับ

ข้อความ-ข้อมูล ที่ไม่เป็นคุณ สุ่มเสี่ยง เพลี่ยงพล้ำของฝ่ายประชาธิปัตย์ จึงถูก "มือดี" ปล่อยออกมาในชั่วโมงที่ 72 ก่อนที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในฐานะหัวหน้าพรรค จะไปขึ้นศาล สืบพยานผู้ถูกร้องนัดสุดท้าย

นักแถลงข่าวจากพรรคเพื่อไทยยิ้มร่า เมื่อข้อความที่ถูกถอดรหัสอย่างละเอียด ถูกตีความเป็นไปตามแผน

เบื้องหลังรอยยิ้ม มีเสียงของ "ร.ต.อ.เฉลิม" เปิดหน้า ช่วงเดียวกับที่ "นายกรัฐมนตรีและคณะ" ไปให้การ

"พรรค ประชาธิปัตย์จะถูกยุบหรือไม่ พรรคเพื่อไทยไม่วิตกกังวล แต่กรณีที่เกิดขึ้น ผู้ใหญ่ในศาลรัฐธรรมนูญต้องเคลียร์ ให้ชัด จะมาทะเล่อทะล่าสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ แต่คนรักพรรคเพื่อไทยก็มี พวกผมมีปัญญาถ่ายคลิปไปวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ศาล หรือแค่วันนี้จะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว จากนี้ไปจะต้องรบกัน ผมไม่ยอมให้คนมา กล่าวหาพรรคเพื่อไทย"

ข้อกล่าวหา-กล่าวอ้างเรื่อง 2 มาตรฐาน ที่เตรียมการไว้ล่วงหน้า กระหึ่มทั่วทั้งเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ก ด้วยการฟอร์เวิร์ดเมล์ "คลิปร้อน" ที่ตัดต่อไว้ 5 ตอนรวด

ประธาน ส.ส.เพื่อไทยที่เคยวิเคราะห์ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบ มีข้อมูลใหม่ "อย่ามาโยนบาปกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยจัดฉากใส่ร้าย ตามหลักกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ต้องถูกยุบแน่นอน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์รอด ถือว่าปาฏิหาริย์เกินไปแล้ว จากข้อมูลพยานหลักฐานมันชัดเจนหมด ยังไงก็ต้องยุบ"

ขณะที่การสืบพยานแต่ละนัด คำให้การของฝ่ายร้อง-กกต. และฝ่ายถูกร้อง-ประชาธิปัตย์ ไม่ถูกขยายความ

แต่ภาพและเสียงที่ปรากฏในคลิปลับ ถูกสืบ-สอบสวนในพื้นที่สาธารณะอย่างกว้างขวาง โดยพรรคเพื่อไทย

แผน การแคมเปญ การอธิบายรายละเอียดเรื่อง 2 มาตรฐาน ที่แตกต่างระหว่างคดียุบไทยรักไทย-พลังประชาชน และกรณีพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุติไว้ชั่วคราว เพราะเกรงละเมิดอำนาจศาล

ข้อ เท็จจริง-พยานเอกสารของฝ่ายถูกร้องทั้งหมด ในการต่อสู้คดีโดย "ดรีมทีมทนายเทวดา" ที่ถูกรวบรวมเรียบเรียงให้เข้าใจง่าย จะถูกอธิบายต่อสาธารณะในช่วงที่การสืบพยานเสร็จสิ้น

หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ให้การต่อสาธารณะว่า "สิ่งที่ผมยืนยันได้ คือ พรรคไม่มีความจำเป็นใด ๆ ไม่มีเจตนาใด ๆ ต้องมาล็อบบี้ศาล พร้อมจะต่อสู้ในเนื้อหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ขณะเดียวกันต้องการให้ศาลพิจารณาได้โดยปราศจากการกดดัน หรือล็อบบี้ใด ๆ ขอไม่พูดว่ามีความมั่นใจในคดีหรือไม่ แต่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลไปหมดแล้ว มั่นใจว่าศาลจะต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย"

สอดคล้อง กับสมมติฐานของประธาน ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรค ที่เคยตั้งประเด็นไว้ว่า จะมีความพยายามในการกดดันศาลหลายรูปแบบ

ดังนั้นจึงได้มีการสั่งการให้ "ลูกทีม- ลูกพรรค" อยู่ในที่ตั้ง ห้ามให้ความเห็น-ก้าวล่วงในรูปคดี

แต่จนแล้ว-จนรอดก็เพลี่ยงพล้ำ เพราะลูกพรรคไปพัวพัน-พูดคุยเรื่องคดี กับคนนอกพรรค ที่มีตำแหน่งแห่งหนสำคัญ ต่อรูปคดี

24 ชั่วโมง หลังคลิปเสียง-ภาพปรากฏ สู่เว็บไซต์สาธารณะ คณะตุลาการ 5 คน แถลงข้อเท็จจริงฟังได้ว่า

"กรณี ที่มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ออกทางสื่อมวลชนได้เกิดกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ ขอชี้แจงว่าคลิปที่ปรากฏภาพของนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพพจน์ของศาลได้ ดังนั้น นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ จึงได้มีคำสั่งปลด นายพสิษฐ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายพสิษฐ์ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด"

"ยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญ ปฏิบัติหน้าที่ตามพระปรมาภิไธย ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นกลางกับทุกฝ่าย ไม่มีใครมาก้าวก่ายแทรกแซง ขอให้ประชาชน มั่นใจการทำงานของศาล"

คำให้การของพยานฝ่ายผู้ถูกร้องถูกเปิดเผย เปิดตัว เปิดหน้า

ถ้อยแถลง-ท่าทีของคณะตุลาการถูกยืนยันเจตนา ด้วยการ "ปลด" คนที่พัวพันในคดี

การนำสืบจากคลิปลับ จึงเหลือ เพียง "ไอ้โม่ง" หัวขบวน ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการแผนซ้อนแผน ที่ยังไม่เผยตัวในที่แจ้ง


Ref: ประชาชาติธุรกิจ หน้า 35 (updateวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4255)

------------------------------------------


ปชป.หืดจับ สำลัก'คลิปลับ'


คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ผ่านโค้งสุดท้ายไปแล้ว

หลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรค นำทีมพยานชุดสุดท้ายขึ้นเบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งทำคำแถลงปิดคดีเป็นเอกสารส่งมาภายใน 30 วัน พร้อมนัดแถลงปิดคดีด้วยวาจาวันที่ 29 พ.ย.

หลายฝ่ายคาดว่าผลตัดสินคดีน่าจะออกมาราวๆ กลางเดือน ธ.ค. ไม่เกินปลายเดือน

คดี นี้ถือเป็นคดีสำคัญ เพราะไม่ใช่แค่เป็นการชี้ชะตาพรรคประ ชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคใหญ่เก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาเกือบ 65 ปี จะหยุดอยู่แค่นี้หรือไม่

แต่ยังมีส่วนต่อโฉมหน้าการ เมืองไทยในปัจจุบันอีกด้วย

ด้วยเหตุที่คดีนี้มีเดิมพันสูงลิบ ผลของคดีสะเทือนถึงกลุ่มอำนาจมากมายหลายกลุ่ม

ทำให้คู่กรณีต่างฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์ต่างๆ ขึ้นมาห้ำหั่นหักล้างกันอย่างดุเดือด ในศาลไม่พอ ยังออกไปตะลุมบอนกันนอกศาล

สุดท้ายแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญยังพลอยโดนลูกหลงไปด้วย

ต้องยอมรับว่าปรากฏการณ์ 'คลิปลับ' ซึ่งถูกมือดีปล่อยออกมาว่อนเว็บไซต์ยูทูบ ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับต้นสังกัด ของตัวละครในคลิปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดยเฉพาะฉากที่นายวิรัช ร่ม เย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรค แอบไปพบปะกับนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

เนื้อหา การสนทนาระหว่างคนทั้งสอง บ่งบอกถึงความพยายามจะให้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองมาเบิกความเกี่ยวกับข้อกฎหมายบางอย่าง

ในทางที่เป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์

กรณี ของนายอภิชาต สอดคล้องกับที่พรรคเพื่อไทยเคยออกมาให้ข่าวดักคอล่วงหน้า เกี่ยวกับขบวนการบุคคลบางกลุ่มที่พยายามช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ให้รอดพ้น ความผิด

ไม่ต้องถูกยุบพรรค

ต่อกรณีคลิปลับ ศาลรัฐธรรมนูญพยายามบรรเทาความเสียหายในเบื้องต้น

ด้วยการสั่งปลดนายพสิษฐ์ พ้นจากเก้าอี้เลขานุ การประธานศาลรัฐธรรมนูญทันที พร้อมตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนที่มาที่ไปของคลิปดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมี 'คนใน' เข้าไปเกี่ยวข้อง

แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าคณะตุลาการไม่มีใครร่วมรู้เห็น

จาก คำให้สัมภาษณ์เปิดใจ นายบุญส่ง กุลบุปผา หนึ่งในคณะตุลาการยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นศาลรัฐธรรมนูญถูกกดดันจนหน้าซีดหน้าเซียว ชื่อเสียงเสียหายย่อยยับ

แต่ได้แสดงความเห็นใจต่อนายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่โดนกระแสสังคมกดดันให้ร่วมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะผู้บังคับบัญชา โดยตรงของนายพสิษฐ์

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับ ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เผลอๆ อาจจะยังดีกว่าตรงที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งปลดนายพสิษฐ์ ออกไปแล้ว

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์นอกจากยังไม่ได้ทำอะไรกับนายวิรัช แถมผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึงบรรดา สมาชิกตัวเล็กตัวน้อยยังดาหน้าออกมาปกป้อง

พรรค ประชาธิปัตย์พยายามเบี่ยงเบนประเด็นอ้างว่านายวิรัช เป็นแค่เหยื่อของฝ่ายตรงข้าม ที่มีเป้าหมายกระทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายพรรคประชาธิปัตย์ กระบวนการยุติธรรม และสถาบันองคมนตรี

การที่นายอภิสิทธิ์ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ก็เป็นการมุ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าคลิปลับดังกล่าว เป็นการร่วมมือ 'จัดฉาก' กันขึ้นมาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับนายพสิษฐ์

ไม่ได้มุ่งที่จะพิสูจน์ว่านายวิรัช มีพฤติกรรมวิ่งเต้นคดี อันนำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อพรรคจริงหรือไม่

เนื่อง จาก นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคและหัวหน้าคณะกฎหมายต่อสู้คดี เคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนอัยการเพิ่งส่งฟ้องคดียุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า

พรรคจะสู้คดีด้วยฝีมือ ไม่ใช่ฝีตีน

มีการตั้งข้อสังเกตว่าวิธีตอบ โต้เรื่อง 'คลิปลับ' ของพรรคประชาธิปัตย์

ยึด หลักแนวทางเดียวกับวิธีการต่อสู้คดียุบพรรคในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ คือไม่เน้นการต่อสู้ในเรื่องพยานหลักฐานข้อเท็จจริง แต่จะเน้นการทำลายความน่าเชื่อถือของพยานฝ่ายตรงข้าม

ทั้งยังอาศัย กลไกอำนาจในเครือข่ายอย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มาให้การเป็นพยานช่วยเหลือฝ่ายตนเอง และยังมีแผนเตรียมการจะให้ประธานกกต. มาให้การในทำนองเดียวกัน

แต่โชคไม่ดีที่มีการเปิดโปง 'คลิปลับ' ออกมาดักหน้าเสียก่อน

แผนดังกล่าวเลยต้องพับเก็บใส่ลิ้นชักไป


นอก จากนั้น ยังมีความพยายามจะโยงคลิปลับ เข้ากับคำพูดของ 'นายใหญ่' ในต่างประเทศ ที่เพิ่งประกาศทำสงครามครั้งสุดท้าย นำพาพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งหน้า

อ้างเป็นการจงใจขุดบ่อล่อนายวิรัช ให้ตกลงไป

แต่ ก็เป็นข้ออ้างที่ฟังดูเลื่อนลอย เพราะนายวิรัช ให้สัมภาษณ์ยอม รับเองว่าเคยไปพบปะกินข้าวกับนายพสิษฐ์ มาแล้วหลายครั้ง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

ยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งน่าเคลือบแคลงสงสัย

ทั้งหลายทั้งปวงจึงไม่แปลกที่ผลสำรวจเอแบคโพล ในหัวข้อประชาชนคิดอย่างไรกับคลิปคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จะออกมา

ร้อย ละ 52 ระบุความนิยมต่อพรรคประชาธิปัตย์ เหลือน้อยถึงไม่นิยมเลย ส่วนร้อยละ 54 ชี้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีผลต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม

ขณะ ที่ร้อยละ 81.5 มองว่าจำเป็นที่กระบวนการยุติธรรมต้องแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ไม่มีการเลือกปฏิบัติในการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์

จากตัวเลขโพลดังกล่าวจึงสรุปได้ว่าถึงศาลรัฐธรรมนูญจะยังไม่ตัดสินว่าจะยุบ-ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่จากคลิปลับที่โผล่ออกมา

สังคมก็พอจะตัดสินพรรคประชาธิปัตย์ได้แล้ว


ref: ข่าวสดรายวัน หน้า 3 (update: วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7269)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น