วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 07, 2553

เสียงจากผู้ต้องขังชาวเสื้อแดง"รู้อะไรเกี่ยวข้องกับม็อบ" "การ์ดคนไหนสำคัญ" "มีอาวุธซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง" และ "การ์ดคนไหนใช้อาวุธยิงต่อสู้กับทหาร"

by herogeneral.blogspot.com
Ref: ข่าวสดรายวัน (update วันที่ 07 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7252 หน้า 3)
รายงานพิเศษ: เสียงจากผู้ต้องขังชาวเสื้อแดง

จาก อัลบั้ม นสพ.ข่าวสดรายวัน


กลุ่มสมัชชาสังคมก้าวหน้า ซึ่งมีบท บาทเคลื่อนไหวทางสังคมโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เผยแพร่คำบอกเล่าของนักโทษเสื้อแดงภายหลังเข้าพบและพูดคุยในเรือนจำกลางคลองเปรม ผ่านทางเว็บบล็อก http://thailandsolidarity.blogspot.com/2010/10/ blog-post.html ดังนี้

นายกฤษณะ ธัญชยพงศ์ อายุ 34 ปี กับ นายสุรชัย พริ้งพงศ์ อายุ 19 ปี ถูกทหารจับกุมเมื่อ 16 พ.ค.53 เวลาประมาณ 3 ทุ่ม พร้อมรุ่นน้องเยาวชนอีก 1 คน ชื่อ 'เดฟ'

ขณะออกจากบริเวณที่ชุมนุมแยกราชประสงค์ ไปเอารถยนต์ที่จอดตรงสี่แยกปทุม วัน เพื่อขับกลับบ้านนายสุรชัย แถววัดไชยมงคล ถ.พระราม 1 ใช้เส้นทางสี่แยกปทุมวัน มุ่งหน้าไปแยกซอยจุฬา 12 (ถ.พญาไท) ออก ถ.พระราม 1

ทั้งสองเล่าว่าเป็นสมาชิกกลุ่มเสรีปัญญาชน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาซึ่งสนับ สนุนการต่อสู้ของนปช. และเรียกร้องให้รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา

เขาและเพื่อนๆ อีกหลายคนมาร่วมชุมนุมกับนปช. ในวันเกิดเหตุ หลังจากสมาชิกในกลุ่มขึ้นเวทีปราศรัยเสร็จ ต่างแยกย้ายกันกลับ เขาสองคนกลับพร้อมรุ่นน้องชื่อ 'เดฟ'

ขับรถมาถึงซอยจุฬา 12 มีการตั้งด่านปิดกั้นเส้นทางโดยเจ้าหน้าที่ทหาร ตอนแรกคิดว่าทหารน่าจะมี 4-5 นาย เมื่อทหารโบกรถให้จอด นายกฤษณะซึ่งเป็นคนขับก็จอดแต่โดยดี

แต่ทันทีที่ลงจากรถ ทหารประมาณ 20 นายกรูเข้ามาพร้อมตรวจค้นร่างกาย ยึดโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป พร้อมมัดมือไพล่หลัง สั่งหันหน้าเข้าหากำแพงและคุกเข่าลง

ช่วงนั้นพวกเขารู้สึกว่ามีปืนจ่อหัวตลอดเวลา แต่ไม่กล้าเหลือบตามอง

สักพักมีทหารคนหนึ่งเดินมาถามว่า "รู้อะไรเกี่ยวข้องกับม็อบ" "การ์ดคนไหนสำคัญ" "มีอาวุธซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง" และ "การ์ดคนไหนใช้อาวุธยิงต่อสู้กับทหาร"

ขณะตั้งคำถาม ทหารเอาปืนมารุมจี้หัวพวกเขาตลอดเวลา ขู่ว่าถ้าไม่ตอบจะให้อีกพวกมาสอบถามข้อมูล นายกฤษณะตอบว่า ไม่รู้เรื่องเพราะเป็นแค่คนมาร่วมชุมนุม และสนับ สนุนการชุมนุมของเสื้อแดงเท่านั้น

จากนั้นไม่ถึงนาที ทหารใส่หมวกไอ้โม่งเดินมาขู่ว่า "ถ้าไม่บอกข้อเท็จจริงจะบีบคอทั้งสามคน"

แต่พวกเขาไม่ตอบ นายกฤษณะถูกทหารที่ใส่หมวกไอ้โม่งบีบคอ 30 วินาทีจนหายใจไม่ออก ส่วนเพื่อนอีก 2 คนทั้งถูกบีบคอ ถูกเตะและถูกกระทืบที่หลัง

ระหว่างถูกเค้นคำตอบ 45 นาที มีทหารถ่ายวิดีโอเทปตลอด

แต่เมื่อไม่มีข้อมูล ไม่รู้เรื่องแกนนำ นายทหารคนหนึ่ง เอาน้ำมันรอนสันเทราดใส่ ก่อนถอยไปยืนห่าง 1 เมตร และจุดไฟแช็ก

จุดเสร็จทหารคนนั้นเดินมาที่สามคน เอาพลุมาเสียบด้านหลังเสื้อ ขู่จะจุดและเผาหากไม่บอกข้อมูล

ขณะเค้นข้อมูล ทหารใช้แส้เชือกเส้นเล็กๆ มาเหวี่ยงตีจนแสบหลัง พร้อมเอากล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือไปโหลดข้อมูลใส่ในโน้ตบุ๊กของทหาร

ในกล้องถ่ายรูปมีภาพนิ่งที่ถ่ายไว้ขณะรอขึ้นเวทีนปช.ที่ราชประสงค์ มีภาพนายสุรชัยขึ้นเวทีปราศรัย


เมื่อทหารโหลดข้อมูลจึงกล่าวหาพวกเขาทั้งสามว่าโกหก พร้อมตะโกนบอกพวกทหารด้วยกันว่าเกี่ยวโยงกับนปช. ถามด้วยว่ารับจ้างมาได้เงินคนละเท่าไหร่

หลังถูกซ้อม ทหารเอากระดาษมาให้ลงชื่อ ทั้งนายกฤษณะและนายสุรชัยไม่ได้อ่านข้อความในเอกสาร ไม่สนใจจะอ่านด้วย เพราะกลัวว่าหากลงชื่อช้า อาจเป็นอันตรายมากกว่านี้

ขณะลงชื่อในเอกสาร ทหารที่สวมหมวกไอ้โม่งข่มขู่ให้พูดสารภาพต่อหน้านักข่าวที่ทหารจะเชิญมาทำข่าว

นายกฤษณะเผยว่า สังเกตว่าทหารกลุ่มนี้ ไม่มีป้ายบอกชื่อ ยศ และตำแหน่ง ไม่รู้เลยว่าชื่ออะไรบ้าง หลังถูกทหารข่มขู่และทรมานพักใหญ่ มีเสียงทหารเรียกให้พวกเขาหันหน้ามาหาทางที่ทหารยืนแถวอยู่

ทั้งสองคนเห็นทหารเอาผ้ามาวางปูที่พื้น เอาสิ่งของต่างๆ มาวางไว้ที่ผ้าปูพื้น เป็นพวกพลุ ไฟ แช็ก หนังสติ๊ก ลูกหนังสติ๊ก กระป๋องที่มีกลิ่นน้ำมันติดอยู่ พร้อมย้ำว่าถ้าไม่รับสารภาพต่อหน้าผู้สื่อข่าวหรือพูดแตกต่างไปจากที่ให้พูดจะมีอันตรายถึงชีวิต

จากนั้นหนึ่งในกลุ่มทหารไปติดต่อผู้สื่อข่าวมา ผ่านไป 10 นาที ผู้สื่อข่าว 5-6 คนมาถึง เมื่อนักข่าวถาม นายกฤษณะตอบว่าแค่มาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเท่านั้น หลังจากผู้สื่อข่าวแยกย้ายไปแล้ว ทหารมาข่มขู่อีกว่าทั้งสามคนกวนตีน โกหก ไม่ตอบผู้สื่อข่าวอย่างที่ให้ตอบ

ก่อนนำเอกสารมาให้พวกเขาลงชื่ออีก ทั้งสามคนลงชื่อโดยไม่ได้อ่านเหมือนกัน รู้ดีว่าอ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอเพียงรอดตาย ไปถึงมือตำรวจโดยเร็วก็พอ

เมื่อตำรวจมาถึง นำพวกเขาทั้งสามคนขึ้นรถผู้ต้องขังและขับส่งไปที่สน.ปทุมวัน มีทหารตามไปที่โรงพัก 10 นาย

นายกฤษณะบอกว่า พอถึงสน.ปทุมวัน ตำรวจที่เป็นร้อยเวรบอกว่าไม่ต้องกังวล แต่สุดท้ายตำรวจไม่ได้สอบปากคำ เขียนสำนวนตามบันทึกที่ทหารทำ พวกเขาไม่มีสิทธิ์พบหรือปรึกษาทนายความ รวมถึงโทร.หาญาติ

หลังจากลงชื่อในเอกสารเสร็จ ตำรวจส่งพวกเขาเข้าห้องขังที่สน.ปทุมวัน ห้องขังเล็ก แคบ ห้องน้ำส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง มีคนอยู่ในห้องขังรวมพวกเขาด้วย 5 คน

นายกฤษณะนอนหน้าห้องน้ำ เอาขวดน้ำเปล่าหนุนแทนหมอน นายสุรชัย และนายเดฟ นอนถัดจากเขาไป ทั้งคืนนอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง เนื่องจากยุงเยอะ

ทั้งสามตื่นมาอีกทีตอนตี 4-5 ตำรวจปลุกให้ไปลงชื่อในเอกสาร ทั้งหมดยังงัวเงียและลงชื่อในเอกสารโดยไม่ได้อ่านอีก คิดว่าอ่านหรือไม่อ่านก็ไม่ต่างจากกัน อีกทั้งเป็นห่วงทางบ้านว่าจะเดือดร้อนและถูกรังควาน

เช้าวันรุ่งขึ้น (17 พ.ค.53) ตำรวจนำตัวนายสุรชัย และนายกฤษณะมาที่ศาลแขวงปทุมวัน ส่วนนายเดฟ เนื่องจากยังเป็นเยาวชน จึงแยกตัวไปฟ้องที่ศาลเยาวชนฯ ต่างหาก

ศาลตัดสินในวันที่ 17 พ.ค.53 วันเดียวกับที่ถูกอัยการฟ้องว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 9 (2) (4) และมาตรา 18 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี

จำเลยทั้งสองรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่มีความรุนแรงเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จำเลยทั้งสองมิได้นำพาที่จะระงับยับยั้ง แต่กลับฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นการซ้ำเติมต่อสถานการณ์ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น

(ของกลางมี 1.มีด 3 เล่ม 2.หนังสติ๊ก พร้อมลูกเหล็ก 20 ลูก 3.สนับมือ 1 อัน 4.สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 อัน 5.สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก 6.พลุ 1 อัน 7.ไฟแช็ก 1 อัน 8.น้ำมันก๊าด 1 กระป๋อง 9.โทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เครื่อง 10.กล้องถ่ายรูป 3 เครื่อง)

จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษและให้ริบของกลางทั้งหมด

นายกฤษณะและนายสุรชัย ยืนยันว่า ไม่มีความผิดตามที่รัฐกล่าวหาแม้จะรับสารภาพในชั้นศาลก็ตาม ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

ทั้งสองขอประกันตัวแต่ศาลไม่อนุญาต กลัวจะออกไปก่อคดีและหนีประกัน โดยถูกจองจำอยู่ที่แดน 8 คลองเปรม พร้อมกับคนเสื้อแดงอีกรวม 9 คน ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ทั้งหมดโดนข้อหาละเมิดพ.ร.ก.เหมือนกัน

เรือนจำคลองเปรมให้เยี่ยมได้เฉพาะญาติและคนที่มีนามสกุลเหมือนกัน เยี่ยมได้เฉพาะวันอังคารเท่านั้น เมื่อเขาถูกจำกัดการเยี่ยมจากทางเรือนจำ จึงเขียนจดหมายหาเพื่อนๆ ที่รู้จักที่อยู่

ผู้รักความเป็นธรรมเขียนจดหมายมาหาพวกเขาได้ที่

1.นายกฤษณะ ธัญชยพงศ์ 2.นายสุระชัย พริ้งพงศ์, 3.นายแสวง จงกัญญา, 4.นายวิษณุ กมลแมน, 5.นายอภิวัฒน์ เกิดนอก, 6.นายอำนวย ชัยแสนสุข, 7.นายประยูร สุรพินิต, 8.นายสมหมาย อินทนาคา, 9.นายเอกสิทธิ์ แม่นงาม

เรือนจำกลางคลองเปรม แดน 8 เลขที่ 33/2 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น