หรือว่า ภาคใต้จะต้องถูกตัดแบ่งจากแผนที่ประเทศไทย ?
อนุสนธิ จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้นำเสนอแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม เป็น ผช.ผบตร. ดังรายละเอียดปรากฏตามสื่อมวลชนทั่วไปนำเสนอให้ทราบกันไปแล้วนั้น
วันนี้ 14 กันยายน 2553
ประเทศซาอุดิอารเบีย ได้ดำเนินขั้นตอนผ่านสถานทูตในประเทศไทย โดยออกมาตรการเข้มข้นโดยประสานกับประเทศแถบตะวันออกกลางและองค์กรอิสลามทั่วโลกเพื่อบอยคอตส์ประเทศไทย
นายพิเชษฐ์ สถิรชวาล เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า รับทราบข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2553 ทางสถานทูตซาอุฯได้ยื่นหนังสือถึง นายกษิต ภิรมณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีการแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลไทยจะแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยตั้งเงื่อนไข 3 ข้อกับรัฐบาลว่า
1. หากรัฐบาลไทยแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. รัฐบาลซาอุดิอาระเบียจะตัดสินใจดำเนินการปิดสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระ เบียประจำประเทศไทย
2. จะดึงผู้ร่วมกลุ่มประเทศ OIC (Organisation of Isalamic Conference) หรือ องค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศอิสลาม ที่มีสมาชิก 57 ประเทศทั่วโลก บอยคอตประเทศไทย
3. และจะดึง 6 ประเทศธุรกิจ ในกลุ่มสภาความร่วมมือแห่งอ่าวเปอร์เซีย หรือ GCC ได้แก่ สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน, คูเวต, โอมาน, กาตาร์ และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกลุ่มหนึ่งของโลกบอยคอตประเทศไทย
ซึ่งเมื่อประเทศซาอุดิอาราเบียดำเนินการเช่นนั้น จะส่งผลกระทบในหลายๆด้าน ทั้งผลกระทบต่อพี่น้องชาวมุสลิมโดยตรง จำนวนมากกว่า 15,000 คน จะได้รับความเดือนร้อนในการเดินทางไปเข้าร่วมพิธีเมกกะในประเทศซาอุดิอาระเบีย ในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ , กระทบต่อธุรกิจด้านพลังงาน ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่เข้าไปลงทุนในประเทศโอมาน รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและประเทศมุสลิมทั่วโลกอีกด้วย
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า นับว่ามีผลเสีย-ผลกระทบในวงกว้าง และเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลมิควรมองข้าม จึงอยากให้ทบทวนการแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. อีกครั้ง
สำหรับกรณีที่นายสุเทพฯ กล่าวว่า ทางสถานทูตซาอุฯ ได้ออกวีซ่าให้กับจุฬาราชมนตรีแล้วนั้น
ได้รับการยืนยันปฏิเสธอย่างหนักแน่นจากสถานทูตซาอุฯว่า สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทยไม่เคยออกวีซ่าให้ท่านจุฬาราชมนตรี โดยสิ้นเชิง และจะรวมไปถึงคนไทยไม่ว่ามุสลิม หรือ ไม่ใช่มุสลิมที่จะขอวีซ่าเข้าประเทศซาอุฯ ด้วย
...............................
สิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง สำหรับประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีสถานการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นนับตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์เริ่มรับตำแหน่งเป็นรัฐบาลสมัยชวนหลีกภัย(2538) เป็นต้นมา นั้นคือ
ขบวนการก่อการร้ายภาคใต้ ได้ยกฐานะตัวเองเข้าเป็นสมาชิกของ OIC (Organisation of Isalamic Conference) หรือ องค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศอิสลาม ที่มีสมาชิก 57 ประเทศทั่วโลก บอยคอตประเทศไทย แม้จะไม่เป็นไปในทางนิตินัย แต่ก็เป็นไปโดยทางพฤตินัย (คือไม่มีการปฏิเสธจากกลุ่มประเทศอิสลามที่เป็นสมาชิก)
และ เมื่อสถานการณ์ระหว่างประเทศ(ไทย-ซาอุฯ) ดำเนินมาประดุจน้ำผึ้งหยดเดียวกรณีแต่งตั้ง พล.ต.ท.สมคิดฯ นั้น ทำให้ประเทศซาอุฯซึ่งเป็นพี่เบิ้มของ OCI ใช้มาตรการเด็ดขาดกับไทยขณะนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ว่า ประเทศซาอุฯอาจรับรองขบวนการเคลื่อนไหว 3 จ.ใต้ เข้าเป็นสมาชิกOIC อย่างเป็นทางการ
นั่นก็หมายถึง ขบวนการภาคใต้ มีฐานะทางการเมืองในระดับโลก ที่จะร้องขอให้ UN จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งแบ่งเขตการปกครองให้เป็นพื้นที่เฉพาะซึ่งไม่ขึ้นกับกฏหมายไทย กลายเป็นประเทศอิสระ ที่ถูกต้องตามกฏUN และInternational Law ได้โดยไม่มีอุปสรรค และได้รับการรับรองจากสังคมโลก
.........................
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ A-Team จาก เว็ป http://nonlaw.7forum.net/forum-f1/topic-t1456.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น