วันอังคาร, สิงหาคม 17, 2553

สัมภาษณ์พิเศษ: ขัตติยา สวัสดิผล "พรรคของพ่อก็อยากให้เป็นพรรคของพ่อเสมอ... เดียร์จะเป็นหัวหน้าพรรคเอง"



by Herogeneral@2010-08-17 - 09.55 AM
Ref: ข่าวสดรายวัน หน้า 3
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7201


ขัตติยา สวัสดิผล "พรรคของพ่อก็อยากให้เป็นพรรคของพ่อเสมอ... เดียร์จะเป็นหัวหน้าพรรคเอง"

ประกาศเป็นเสื้อแดงเต็มตัวแล้ว สำหรับ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล หรือ น้องเดียร์

และยังสานต่อเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้พ่อ พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล โดยเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคขัตติยะธรรม ที่เสธ.แดง ก่อตั้งมากับมือ

เดินหน้าจัดตั้งศูนย์ประสานงานของพรรคไปแล้ว 4 จังหวัด ใน 4 ภาค ประกอบด้วย เชียงใหม่ อำนาจเจริญ ชลบุรี และพังงา

หากพรรคมีส.ส. จากการเลือกตั้ง ก็ขอเป็นแนวร่วมพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

แต่ภารกิจในฐานะทายาทเสธ.แดง ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น

ยังต้องเดินหน้าหาสมาชิกให้พรรค เตรียมความพร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งที่จะมาถึง

รวมถึงเตรียมตัวลงสมัครส.ส.

หลายคนมองว่าที่ผ่านมาพรรคขัตติยะธรรมไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่

การจัดตั้งพรรคของพ่อ มีความลำบากตั้งแต่ต้น ช่วงแรกจะใช้ชื่อว่า "พรรคเสธ.แดง" แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่อนุญาต ถึงเปลี่ยนมาใช้ "พรรคขัตติยะธรรม"

จริงๆ ตั้งแต่พ่อยังมีชีวิตอยู่ พรรคขัตติยะธรรม ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว คือได้รับการจดทะเบียนจากกกต. มีสมาชิกพรรคครบ 5,000 คน มีกรรมการบริหารพรรค ตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด

แต่ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพ่อที่เข้าร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง เน้นการดูแลผู้ชุมนุม พ่อไม่ค่อยได้พูดถึงพรรคขัตติยะธรรม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรค ที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระบบยุติธรรมที่ยังไม่ยุติธรรมในสายตาของหลายๆ คน หรือปัญหาเศรษฐกิจการเมือง สังคม การศึกษา

การที่พ่อไม่ค่อยได้พูดถึงมากนัก ทำให้คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักเท่าที่ควร และมองว่าพรรคขัตติยะธรรม ไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่าง คนที่รู้จึงเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ และเมื่อไม่มีพ่ออยู่แล้ว ตอนนี้จึงเป็นโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้ยังอยู่กับพรรคต่อไป และยังมีสมาชิกใหม่ ที่เห็นด้วยกับแนวพรรคมาสมัครเป็นสมาชิกของพรรค และเลือกพรรคขัตติยะธรรมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี่คือหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป

แนวทางการทำงานของพรรค

พรรคขัตติยะธรรมไม่ใช่พรรคที่ร่ำรวย ตั้งแต่พ่อก่อตั้งพรรคมาก็ไม่เคยรับเงินบริจาค เพราะแนวทางของพ่อตั้งแต่ตั้งพรรค ใครต้องการลงสมัครส.ส.ในนามพรรค จะต้องหาทุนด้วยตัวเอง ต้องไม่เดือดร้อนหัวหน้าพรรค

กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกคนอื่นๆ ทุกคนต้องมีทุนของตัวเองถ้าจะมาร่วมพรรค ถ้ายอมรับในจุดนี้ได้ พรรคขัตติยะธรรมยินดีรับเป็นสมาชิก และส่งลงสมัครส.ส.ในนามพรรค

ฉะนั้น การใช้เงินเรียกคนมาเป็นสมาชิกพรรคจึงไม่มี วิธีการได้มาซึ่งคะแนนเสียง เดียร์จะต้องลงไปด้วยตัวเอง เช่น ลงไปที่สงขลา หาดใหญ่ และพังงา เพื่อพบประชาชน ไปหาคะแนนเสียงด้วยตัวเอง อย่างที่พ่อทำมาตลอด

ที่ผ่านมาพ่อเดินสายพบประชาชนทั่วประเทศทั้งที่ไม่มีเงิน แต่ให้ความใกล้ชิด ให้ความเป็นกันเอง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนรักพ่อ รักเสธ.แดงมากขนาดนี้ จากการลงพื้นที่ของเดียร์ที่จ.สงขลา จึงได้รับเสียงตอบรับที่ดี แม้จะมีการบอกล่วงหน้าไม่นานก็ตาม

จุดเด่นและความพร้อมของพรรคขัตติยะธรรม

เราอยากสร้างฐานเสียงของตัวเอง จะไม่มีการดึงส.ส.จากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ มาลงสมัครในนามพรรค ถามว่าหากพื้นที่นั้นมีการทับซ้อนกันของคะแนนเสียงจะทำอย่างไร ก็ต้องบอกว่าให้ประชาชนตัดสินตามแนวทางของประชาธิปไตย

ตอนนี้หากมีการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ พรรคขัตติยะธรรมก็พร้อมในสนามการเลือกตั้ง ถึงแม้เวลานั้นจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นก็พร้อมจะแก้และเข้าสู่การเลือกตั้งได้

มีแนวคิดจะลงสู้ศึกในสนามท้องถิ่นหรือไม่

ยังไม่มี และแนวทางของพ่อก็ไม่เคยมี เพราะพรรคขัตติยะธรรม อยากทำงานในมุมกว้างทั่วประเทศ ไม่ได้เจาะจงเป็นพื้นที่เหมือนการเมืองท้องถิ่น

เน้นพื้นที่ไหนในประเทศเป็นพิเศษ

เน้นทั่วประเทศ เนื่องจากแนวทางการทำงานของพ่อที่เดินสายทั่วประเทศ รวมถึงคนที่เข้ามาคุยกับเดียร์ ก็มาจากหลายจังหวัดมาก ไม่ใช่คนกลุ่มเดียวใน 2-3 จังหวัด แต่มีเกือบทั่วประเทศ จึงไม่ลงว่าตรงไหนเป็นฐานเสียง

นโยบายของพรรคขัตติยะธรรม

ประการแรก คือต้องการเข้ามาดูระบบกฎหมายของประเทศไทย ที่เป็นปัญหา อยากให้ประชาชนทั่วไป มีส่วนร่วมในระบบศาล หรือกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น เช่น ให้มีคณะลูกขุน ช่วยผู้พิพากษาในการพิจารณาคดี ให้รู้ถึงความคิดเห็นของประชาชนในการตัดสินคดีต่างๆ บ้าง

หรืออัยการที่อาจมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เหมือนการเลือกส.ส. หากมีที่มาอย่างนี้ อัยการหรือคณะลูกขุนจะทำเพื่อประชาชน คือให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่าที่เป็นอยู่

ในด้านเศรษฐกิจ จะช่วยแก้ปัญหาพ่อค้าคนกลางที่กดราคาผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้าน ด้วยการจัดตั้งสหกรณ์ จะได้มีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เงินจะตกอยู่กับเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ

ส่วนการศึกษา คำถามที่มีมานานแล้วคือ ทำไมตอนนี้มีเพียงโรงเรียนประจำจังหวัด และจบแล้วต้องไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ต้องเลือกจุฬาฯ หรือธรรมศาสตร์

นโยบายทางการศึกษาของพรรคคือทำอย่างไรให้นักเรียนที่เรียนจบ ม.6 เลือกมหาวิทยาลัยในจังหวัดของตัวเอง โดยมหาวิทยาลัยนั้นต้องได้รับมาตรฐาน เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยชั้นนำในกรุงเทพฯ เช่นกัน เรื่องนี้มองดูอาจเป็นเรื่องยาก แต่ถ้ามีโอกาสได้ทำและไปศึกษาปัญหาอย่างจริงจัง คิดว่าสามารถทำได้

จะเป็นหัวหน้าพรรคเองหรือไม่

ที่ผ่านมา เดียร์บอกเสมอว่าจะไม่เป็นหัวหน้าพรรคเอง เพราะเกรงว่าหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย และหากมีการกลั่นแกล้งทางการเมือง พรรคถูกยุบ เดียร์ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคอยู่ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองด้วย พรรคขัตติยะธรรมก็จะหายไป เดียร์ไม่อยู่พรรคก็จะหายไปเลย

แต่มาคิดดูแล้ว พรรคของพ่อก็อยากให้เป็นพรรคของพ่อเสมอ ก่อตั้งโดยพ่อ คนที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดก็คือทายาท ก็คือเดียร์เอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ต้องยอมรับ เดียร์จะเป็นหัวหน้าพรรคเอง

ลงสมัครเขตไหน

พ่อตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่า อยากให้เดียร์ลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อในเขตกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล ส่วนอีก 7 เขตทั่วประเทศก็ให้เป็นหน้าที่ของสาขาพรรคแต่ละภาคว่าจะพิจารณาส่งใครลงสมัครเอง

คาดหวังมากแค่ไหน

ไม่กล้าตอบว่าคาดหวังมากขนาดไหน เพราะไม่อยากให้คำพูดมาผูกมัดตัวเอง อยากให้เป็นเรื่องของอนาคตมากกว่า แต่ถ้าถามว่าหวังหรือไม่ ต้องตอบว่าหวังแน่นอน

กลัวหรือกังวลในเกมการเมืองหรือไม่ หลังจากประกาศว่าเป็นเสื้อแดงเต็มตัว

ไม่กลัวหรือกังวล เพราะการดำเนินการของพรรคตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องกลัวถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างได้ ไม่ใช่คนเสื้อแดงทุกคนทำผิดกฎหมาย

ในเมื่อประกาศว่าเดียร์ยืนข้างพ่อ พ่อคิดอย่างไรเดียร์คิดอย่างนั้น เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ที่พบเจอคนเสื้อแดงรวมถึงกำลังใจที่ได้รับจากพี่น้องคนเสื้อแดง ทำให้รู้ว่า เดียร์ควรเลือกยืนอยู่ข้างเดียวกับพ่อ

ฉะนั้นการที่เลือกยืนอยู่ข้างนี้แล้วไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวอะไรเลย

จะมีการฟ้องร้องผู้ที่กล่าวหาว่า เสธ.แดง อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายต่างๆ หรือไม่

ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานในการแถลงข่าวทุกวัน จะสามารถเอาผิดในฐานะหมิ่นประมาทได้หรือไม่ ต้องดูหลักฐานว่ามีมากแค่ไหน เพราะถ้าไม่มีหลักฐานพอ ฟ้องไปก็เปล่าประโยชน์

สิ่งแรกที่ทำหากได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.

อยากให้ความยุติธรรมกับคนเสื้อแดง นี่คือสิ่งที่ต้องการ อยากให้ความยุติธรรมกับครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 10 เม.ย. และเดือนพ.ค. ทุกคน

---------------------------------------------------------


สัมภาษณ์พิเศษ...น้องเดียร์ “รู้อยู่แล้วว่าใครยิงพ่อ”

โดย เสถียร วิริยะพรรณพงศา…:ทีมข่าว NNA NEWS
Ref: http://www.oknation.net/blog/darknews/2010/08/17/entry-1
Posted by Darknews

น้องเดียร์ " ขัตติยา สวัสดิผล
“ถามว่ากลัวมั้ย กลัวมาก กลัวตลอดเวลา กลัวว่าชีวิตจะจบเหมือนพ่อ กลัวมากที่สุด”
ชีวิตของ “เดียร์” ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวสุดที่รักของ “ เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล คงจะก้าวเดินอยู่บนเส้นทางของนักกฎหมาย อย่างมั่นคงเพราะมันเป็นเส้นทางชีวิตที่เธอเลือกมาตั้งแต่ต้น

เธอร่ำเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง ตั้งแต่ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตยสภา แถมยังข้ามน้ำข้ามทะเลไปคว้าปริญญาโทกฎหมายอีก 2 ใบ จาก University of Wisconsin, Madison และ George Washington University ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

แต่โชคชะตาก็ผลักให้เด็กสาววัย 29 ปี ให้ถลำลึกเข้าสู่วิถีแห่งอำนาจ การเมือง และความขัดแย้งเมื่อพ่อของเธอ ถูกสังหารอย่างไร้ร่องรอย ใจกลางกรุงเทพ จากเธอไปโดยที่ยังไม่ได้กล่าวคำลา สิ่งที่เหลือไว้ไม่ใช่ทรัพย์สินศฤงคาร

แต่เป็น “ พรรคขัตติยะธรรม "” ซึ่งเป็นศูนย์รวมของ “เจตนารมณ์-อุดมการณ์ ” ความใฝ่ฝันทางการเมืองของพ่อ

เบื้องหลังความคิด การตันสินใจครั้งสำคัญของชีวิต คืออะไร ทุกคำถาม มีคำตอบ

ตัดสินใจยากหรือไม่ในการเข้ามาทำพรรคการเมืองเอง ?

ตอนแรกคิดว่าจะอยู่เบื้องหลัง แต่พอดูแล้วไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับทายาท ถ้าจะให้ไปเชิญใครที่เป็นผู้ใหญ่ที่สามารถนำพาพรรคขัตติยธรรม สุดท้ายก็จะเป็นพรรคของเขา "เดียร์"อยากให้ความเป็นพรรคของเสธ.แดงยังคงอยู่ตลอดไป

พรรคของเสธ.แดงคืออะไร ?

คือพรรคที่เสธ.แดงเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา เวลาใครพูดถึงเสธ.แดง ก็ต้องนึกว่าเป็นพรรคของเสธ.แดง ไม่ใช่พรรคของคนอื่นที่เดียร์ไปเชิญมาเพื่อให้เป็นหัวหน้าพรรค หน้าที่ของเดียร์คือทำอย่างไรจะไม่ให้พรรคเงียบไปหรือสูญหายไปจากการเสียชีวิตของคุณพ่อ ฉะนั้น"เดียร์"นี่แหล่ะ ที่จะร่วมกับลูกพรรคคนอื่นๆสานต่อเจตนารมณ์ของคุณพ่อ

จตนารมณ์ของคุณพ่อคืออะไร ?

คุณพ่อเป็นทหารที่สนใจการเมื่อง พ่อจึงคิดว่าเมื่อเกษียณแล้วจะเล่นการเมือง ส่วนเจตนารมณ์นั้นมาจากที่คุณพ่อเคยผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายมาเยอะ และเห็นความไม่ยุติธรรมมามาก คุณพ่อจะนำประสบการณ์มาปรับเป็นนโยบายของกองทัพ

เช่น กรณีอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพวันนี้มันล้าหลังเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆแถบเอเชีย คุณพ่อก็เลยอยากจะปรับปรุงกองทัพ โดยการซื้อรถถังรถเกราะใหม่ๆ อีกด้านคือคุณพ่ออยากเปลี่ยนระบบศาล

ซึ่งไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบ"หน้ามือเป็นหลังมือ" และไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง บางคนมาถามว่าเดียร์พูดว่าจะเปลี่ยนระบบศาล จะต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งไม่ใช่เลย ยังคงเป็นระบบซิวิลลอว์(ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร) อยู่เหมือนเดิม

ความคิดของ"เดียร์" คือต้องทำให้มีความยุติธรรมและความโปร่งใสมากขึ้น แต่อาจจะเป็นเหมือนในฝรั่งเศสหรือเกาหลี คือเป็นระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร แต่มีคณะลูกขุนช่วยผู้พิพากษาพิจารณาคดี

ซึ่งลูกขุนพวกนี้จะถูกเลือกมาจากประชาชน ดังนั้นพวกเขาจะทำเพื่อประชาชน คณะลูกขุนในฝรั่งเศสนั้นเหมือนมานั่งคุมให้การพิจารณาเป็นไปตามกฎหมาย และมีส่วนในการตัดสินว่าผิดหรือไม่

ถ้าผู้ต้องหาคนนี้เสียงส่วนใหญ่ของคณะลูกขุนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ผิด ผู้พิพากษาก็ต้องตัดสินว่าไม่ผิด แต่ปัญหาตอนนี้ที่ยังทำไม่ได้คือคนมองว่าชาวบ้านยังด้อยการศึกษา แต่ถ้าเราตัดปัญหาตรงนี้ไปได้มันจะดีมาก

กลไกคณะลูกขุนจะทำให้เสื้อแดงได้รับความเป็นธรรมมากขึ้นหรือไม่ ?

ไม่เกี่ยวกันค่ะ แต่เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ามวลชนคนเสื้อแดงส่วนมากเป็นรากหญ้า เป็นชาวบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด สังคมประชาธิปไตยน่าจะให้เขาเข้ามามีส่วนร่วม เริ่มต้นจากการมีส่วนร่วมในจังหวัดด้วยการเป็นคณะลูกขุนในคดีต่างๆของชาวบ้าน น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีได้

คุณพ่อมีปัญหากับตำรวจบ่อย พรรคนี้จะมีนโยบายเกี่ยวกับตำรวจหรือไม่ ?

" เดียร์ "รู้สึกว่าหน้าที่สอบสวนเป็นของตำรวจมากกว่าอัยการ ถ้าอัยการเห็นว่าหลักฐานไม่พอ ก็จะให้ตำรวจไปสอบเพิ่ม ถ้าอัยการได้รับการคัดเลือกมาจากประชาชน เหมือนคณะลูกขุน เดียร์คิดว่าทั้งอัยการและคณะลูกขุนก็จะทำเพื่อประชาชน

เพราะเขามีความรับผิดชอบว่าประชาชนเลือกเขามาเขาจะต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ประชาชนจะได้รับความยุติธรรมมากขึ้น นี่เป็นแนวความคิดและเป็นสิ่งที่คุณพ่อวางแนวทางไว้ให้

ย้อนไปเรื่องการเข้าชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯตอนนั้นคิดอย่างไร ?

เดียร์เชื่อว่าคนที่ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯทุกคนไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับพันธมิตรฯในทุกเรื่อง ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน เป็นฝ่ายรัฐบาล การเสนอข่าวถูกควบคุมอยู่กับฝ่ายรัฐบาล

ฉะนั้นการที่จะได้รับข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ต้องไปฟังพันธมิตรฯ จากนั้นเป็นหน้าที่ของเราจะมาชั่งน้ำหนักว่าเรื่องไหนจริงหรือไม่ แต่พอแกนนำทราบว่าเราไปฟัง ก็เอาเรื่องนี้มาเป็นข่าวว่าเดียร์ขัดแย้งกันในบ้าน ทะเลาะกับคุณพ่อ เขาไม่เคยรู้ว่าความสัมพันธ์เป็นอย่างไร

ทุกครั้งที่ "เดียร์"ไปฟังก็บอกคุณพ่อ ท่านก็ไม่เคยว่าอะไร แค่บอกให้ดูแลตัวเอง มันอันตรายนะ จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ แต่ไม่ได้เตือนว่าน้องเดียร์ต้องกลับมันมีระเบิดเวลานั้นเวลานี้ แค่ระวังตัวนะลูก ซึ่งถ้าเดียร์เป็นอะไรไปมันคือความผิดของเดียร์เองเพราะว่ารู้ว่าอันตรายแต่ก็ยังไป

"เดียร์"เป็นพันธมิตรฯหรือไม่ ?

"เดียร์"ไม่ใช่พันธมิตรฯ แต่ยอมรับว่าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯแต่ก็ไปฟัง ตอนนั้นเดียร์ไม่มีสี ถ้าข่าวลงไปแล้วชาวเสื้อเหลือง ชาวพันธมิตรฯหรือแกนนำมาว่าเดียร์ก็ต้องยอมรับ แต่ดีกว่าเดียร์ไม่ได้พูดความจริงว่าเดียร์ไม่ใช่พันธมิตรฯ

ตอนที่มีข่าวใหม่ๆว่าเดียร์เป็นพันธมิตรฯ เดียร์ก็คุยกับคุณพ่อว่าจะแก้ข่าวหรือไม่ คุณพ่อบอกไม่ต้องหรอก ถ้าไปบอกว่าเราไม่ใช่ เดี๋ยวพันธมิตรฯเค้าจะเสีย แต่เราไม่ได้มองถึงวันข้างหน้า

ถ้าวันที่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเดียร์บ้าง เพราะเราคนคือคนที่ต้องรับสภาพ วันนี้เดียร์ก็ต้องยอมให้ทางพันธมิตรฯเขาต่อว่า

มีอะไรจะฝากบอกชาวพันธมิตรฯบ้าง ?

อยากจะบอกว่าถ้าใครไม่มาเป็นครอบครัวสวัสดิผล จะไม่ทราบเลยว่าตั้งแต่มีม็อบพันธมิตรฯและนปช.มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเราบ้าง พันธมิตรฯโทรมาด่าคุณพ่อที่บ้านเป็นร้อยๆพันๆสายเพราะเขาแจกเบอร์บ้านและเบอร์มือถือคุณพ่อเราบนเวที มันสร้างความเดือดร้อนให้เรามากขนาดไหน

ทั้งที่"เดียร์"ก็อยู่ที่พันธมิตรฯ ครอบครัวเรามันเดือดร้อนถ้าไม่เป็นเราจะไม่รู้ การที่เราสูญเสียบุคคลที่เรารัก แต่คนที่ชื่นชมฝ่ายพันธมิตรฯสมน้ำหน้าเดียร์ สมน้ำหน้าครอบครัวของเราว่าดีแล้วที่พ่อตาย เราเจ็บกับสิ่งที่เขาทำ

แต่พอคุณพ่อเสียชีวิต เสื้อแดงบางส่วนก็ยังติดภาพว่าเดียร์เป็นพันธมิตรฯเขาเลือกที่จะไม่คุยกับเรา บางคนก็ชวนให้เราไปอยู่สีนี้เถอะ เดียร์ก็จะบอกว่าเดียร์ยืนอยู่ข้างพ่อค่ะ

ยืนข้างพ่อคือข้างสีแดง ?

จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะคุณพ่อรักมวลชนเสื้อแดงมาก เท่าที่เดียร์สัมผัสพวกเขาก็ดี พอเขาได้ทราบว่าเดียร์มาเป็นเสื้อแดงเขาดีใจมาก จากที่บอกว่าเกลียดมากเขารักเดียร์มาก เดียร์ก็บอกเขาไปว่าไม่ได้เสแสร้ง

จากที่คุณพ่อถูกยิงจนมาถึงวันนี้ทำให้ซึ้งในน้ำใจของพวกเค้า กำลังใจที่เขามีให้พวกเรามันมีค่ามาก ขณะที่อีกสีหนึ่งคือประณามสมน้ำหน้า พอเดียร์ย้ายไปอยู่อีกสีหนึ่งก็โจมตีด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย

"เดียร์"ไม่ได้พูดถึงตัวแกนนำนะ แต่หมายถึงที่คนที่ชื่นชม ตอนแรกยังไม่ชินกับการที่มาคนมาวิจารณ์ แต่ตอนนี้ก็คิดได้ว่าต้องไม่สนใจ ฟังแต่เสียงที่เขาให้กำลังใจเราเพียงพอแล้ว

จุดสำคัญที่ชี้ขาดว่าเราจะยืนอยู่ข้างเสื้อแดง ?

เรื่องแรก คือ น้ำใจที่มีให้กันจากนั้นก็มองที่ปัญหาว่าคืออะไร พอเห็นปัญหาของรากหญ้าที่ไม่ได้ความยุติธรรม ได้รับผลกระทบจากความเหลื่อมล้ำต่ำสูง

แต่อีกกลุ่มหนึ่งเป็นชนชั้นกลาง เดียร์ควรจะสงสารใคร แน่นอนว่าต้องสงสารรากหญ้าอยู่แล้ว พอยิ่งเรามาฟังมาสัมผัสกับเขา ก็ยิ่งรู้ว่าทำไมเขาถึงแบ่งสี เพราะเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่แค่คุณทักษิณ ชินวัตรแล้ว

แต่เพราะเขาคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรมในสังคมประชาธิปไตยในประเทศไทย คุณพ่อพูดเสมอว่าเขาเลยจากทักษิณ ที่สำคัญเขาแสดงให้เดียร์เห็นว่ามันมีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น และเขาไม่ได้รับความยุติธรรมจริงๆ ความลำบาก ความยากจนของเขารัฐบาลแก้ได้ถูกต้องหรือไม่ รัฐบาลแก้ได้หรือไม่

แต่คุณพ่อเดียร์ก็สนิทกับคุณทักษิณ ?

ถามว่าสนิทมั้ย คงจะรู้จักกัน แต่จะรู้จักกันขั้นไหนเดียร์ไม่เคยไปยุ่ง แต่การที่เดียร์มาเห็นใจคนเสื้อแดง หรือมาเข้าข้างกับคนเสื้อแดง ไม่เกี่ยวกับทักษิณ ชินวัตร แต่มาจากการตัดสินใจของเดียร์เอง

ถ้าย้อนเวลาได้จะกลับไปนั่งในที่ชุมนุมพันธมิตรฯหรือไม่ ?

เดียร์คิดว่าสิ่งที่ทำไปถูกต้อง เพราะเดียร์ต้องฟังข่าวสารจากทั้งสองด้าน ถือเป็นประสบการณ์ จะได้เห็นว่าในนั้นมันเป็นยังไง ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดีนะ

แต่เดียร์ก็รับฟังในสิ่งที่แกนนำพันธมิตรฯพูดแต่หลังจากนั้นมันเป็นหน้าที่ของเดียร์เองที่จะต้องชั่งน้ำหนักว่าสิ่งไหนที่พูดคือสิ่งที่ถูกต้อง

อายุ 29 ปี จะต้องเป็นผู้นำพรรคการเมืองซึ่งหมายถึงต้องนำมวลชนจำนวนมาก ?

มันยาก แค่คิดก็ลำบากแล้ว ทำยังไงให้ทุกอย่างมันราบรื่นเจอปัญหาน้อยที่สุด แต่ถามว่ากลัวมั้ย กลัวมาก กลัวตลอดเวลา กลัวว่าชีวิตจะจบเหมือนพ่อ กลัวมากที่สุด

จนถึงวันนี้อยากรู้มั้ยว่าใครยิงพ่อ ?

รู้อยู่แล้ว ตอนนี้มองเห็นภาพหมดว่าใครเป็นคนวางแผน ถามว่าโกรธคนยิงมั้ย ก็โกรธนะ แต่คิดว่าเป็นไปตามคำสั่ง

ถามว่าเดียร์แน่ใจได้ยังไงว่าใครทำ ก็จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อคนของเขามาบอกกับเดียร์เอง ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลว่าจะเอาตัวคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่มือสไนเปอร์นะ เอาคนที่บงการ เอาเขามาลงโทษได้หรือไม่ แล้วค่อยมาพูดถึงแผนปรองดอง

ความรู้สึกของคนที่สูญเสีย และยังรู้ด้วยว่าใครทำเป็นยังไง ?

ยอมรับว่าแค้นมาก ถ้าบอกว่าไม่แค้นนั่นคือเสแสร้งและอกตัญญูมาก ถามว่าเสียใจมั้ยเสียใจมาก อยากฆ่าเขามั้ย อยากมาก แต่ปล่อยให้เวลามันผ่านไป เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง เขาอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน คุณพ่อหลุดพ้นแล้ว ไปสบายแล้วเหลือคนที่อยู่ที่ต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ตัวเองทำ

มั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะสร้างความปรองดองได้หรือไม่ ?

รัฐบาลต้องทำด้วยความตั้งใจจริงและจริงใจ ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งต้องให้ประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยยอมรับในแผนปรองดอง ไม่ใช่ว่าเขายอมรับหรือไม่ยอมรับไม่รู้

แต่คุณไปบังคับเขาโดยบอกว่าคนที่เป็นแกนนำยอมรับแล้ว ฉะนั้นทุกคนต้องยอมรับ เดียร์ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น