เจาะงบกลาโหม 750 ล้านซื้อ" ปิคอัพหุ้มเกราะ" 300 คัน วีโก้ ส้มหล่น ไฉน"เรือเหาะ"กลายเป็น"เรือเหี่ยว"
ฮือฮากลาโหมของบเพิ่ม 750 ล้าน เตรียมซื้อ "ปิคอัพหุ้มเกราะ" 300 คันแจกกำลังพลชายแดนใต้ใช้ในภารกิจคุ้มครองครู ทหาร-ตำรวจในพื้นที่หนุนสุดตัว เหตุช่วยรักษาชีวิตจากระเบิดและซุ่มโจมตีได้ผล สภาเดือดฝ่ายค้านรุมถล่มงบทหาร ยกกรณี "เรือเหาะ" กลายเป็น "เรือเหี่ยว" ซัดกองทัพซื้อยุทโธปกรณ์ไร้ประสิทธิภาพ แฉบริษัทผู้ขายแจ้งราคาแค่ 50 ล้าน แต่ทหารบอกร้อยกว่าล้าน ใต้ยังระอุช่วงรอมฎอน บึ้มหน้าเพิงขายเนื้อที่ยี่งอ ทหาร-ชาวบ้าน-เด็ก เจ็บระนาว 6 ราย ประกบยิง อส.รถไฟพ่อลูกอ่อนเสียชีวิต
Thanks: ฝากรูป ร้านค้าออนไลน์
Thanks: ฝากรูป ร้านค้าออนไลน์
การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ในวาระ 2-3 ของสภาผู้แทนราษฎรตลอด 2 วันที่ผ่านมา (18-19 ส.ค.) พรรคฝ่ายค้านพุ่งเป้าอภิปรายโจมตีไปที่ "งบส่วนเพิ่ม" ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปรับลดจากกรอบวงเงิน 2.07 ล้านล้านบาท จำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท แล้วนำไปโปะให้ส่วนราชการที่ขอแปรญัตติเพิ่มเติมในรายการเพิ่มและรายการเปลี่ยนแปลง
ไฮไลท์อยู่ที่กระทรวงกลาโหมที่ขอแปรญัตติเพิ่มอีก 750 ล้านบาท จากที่ได้รับไปแล้วถึง 1.7 แสนล้านบาทเศษ แต่รายการที่ขอแปรญัตติเพิ่มกลับไม่มีรายละเอียดโครงการที่จะใช้งบประมาณ
ทั้งนี้ งบกระทรวงกลาโหมถูกวิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯวาระแรกแล้ว เพราะได้รับการจัดสรรมากถึง 170,285 ล้านบาท (1.7 แสนล้านบาทเศษ) ถือเป็นยอดงบประมาณที่สูงเป็นลำดับต้นๆ เมื่อเทียบกับทุกกระทรวง อีกทั้งยังเป็นการได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นถึง 16,253 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2553 ที่ได้รับการจัดสรรจำนวน 154,032 ล้านบาทด้วย
ส่วนรายละเอียดที่กระทรวงกลาโหมขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมนั้น เดิมมียอดเงิน 1,159 ล้านบาท แบ่งเป็นของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 8.25 ล้านบาท กองทัพบก 1,000 ล้านบาท และกองทัพอากาศ 151 ล้านบาท แต่กรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาจัดสรรให้ 750 ล้านบาท โดยไม่มีการแจ้งรายละเอียดโครงการดังกล่าว
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบพบว่า รายการของบประมาณเพิ่มเติมของกระทรวงกลาโหมนั้น เพื่อรองรับโครงการจัดหายุทโธปกรณ์สนับสนุนหน่วยที่ปฏิบัติภารกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้กำลังพลได้รับความปลอดภัยในชีวิต โดยยุทโธปกรณ์ดังกล่าวคือ "รถยุทธวิธีกันกระสุน" จำนวน 300 คัน ราคาคันละ 2.5 ล้านบาท ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 750 ล้านบาท
Thanks: ฝากรูป ร้านค้าออนไลน์
สำหรับรายละเอียดรถยุทธวิธีกันกระสุน ซึ่งกำลังพลในพื้นที่เรียกกันว่า "รถปิคอัพหุ้มเกราะ" นั้น เป็นรถปิคอัพแบบดับเบิลแค็บ (สี่ประตู) เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ เสริมเหล็กขนาดความหนา 1-1.30 เซ็นติเมตรรอบตัวรถ หลังคารถ และพื้นที่ใต้ท้องรถ พร้อมติดกระจกกันกระสุนขนาดความหนาประมาณ 2 เซ็นติเมตรรอบคัน ใช้ดูแลความปลอดภัยกำลังพลในการปฏิบัติภารกิจคุ้มครองครูและนักเรียนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เหตุผลที่ผู้แทนกองทัพใช้ชี้แจงกับกรรมาธิการวิสามัญฯได้แก่ รถยุทธวิธีกันกระสุนช่วยรักษาชีวิตกำลังพลไว้ได้ ประกอบกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นวิกฤติของชาติที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเป็นกรณีพิเศษ
เส้นทางการเสนอจัดซื้อรถปิคอัพหุ้มเกราะล็อตใหม่จำนวน 300 คัน มาจากการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ คือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กองบัญชาการผสมพลเรือนตำรวจทหาร (พตท.) และผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทั้งหมด กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพบก และเห็นชอบร่วมกันให้จัดซื้อ เพราะที่ผ่านมากองทัพบกเคยสั่งทำรถปิคอัพกันกระสุนเป็นล็อตๆ กระจายให้กำลังพลหน่วยต่างๆ ได้ใช้งานและประสบผลดี กำลังพลที่ใช้รถประเภทนี้แล้วถูกลอบวางระเบิดหรือซุ่มโจมตี ยังไม่มีการสูญเสียเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีรถปิคอัพกันกระสุนใช้ และดูแลความปลอดภัยกำลังพลได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม รถปิคอัพหุ้มเกราะล็อตเก่า ใช้รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สี่ประตู ราคาคันละ 8 แสนบาท มีค่ากระจกกันกระสุนเพิ่ม 5 แสนบาท รวมราคารถเป็นคันละ 1.3 ล้านบาท แต่ไม่มีการเสริมเหล็กหุ้มบริเวณใต้ท้องรถ และไม่มีแผงเหล็กป้องกันกำลังพลที่นั่งในท้ายกระบะได้ ทำให้ต้องปรับปรุงรถกันกระสุนใหม่ โดยติดตั้งเหล็กป้องกันเพิ่มทั้งตัวรถรอบคัน ใต้ท้องรถ รวมถึงหลังคา
ทหารใต้หนุนซื้อ "ปิคอัพหุ้มเกราะ" ช่วยชีวิต
ที่มาของการเสนอจัดซื้อรถยุทธวิธีกันกระสุน หรือ "ปิคอัพหุ้มเกราะ" เกิดจากความสำเร็จของรถกระบะดัดแปลงที่หน่วยปฏิบัติและกองทัพจัดทำกันเอง ด้วยการติดตั้งเหล็กคล้ายที่ใช้ในเสื้อเกราะเสริมเข้าไปที่ประตูทุกด้าน และเปลี่ยนกระจกให้เป็นกระจกกันกระสุน จนสามารถช่วยชีวิตกำลังพลไว้ได้หลายครั้ง
พ.ต.สมคิด คงแข็ง รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 11 เล่าว่า เคยโดนระเบิดมาแล้ว 2 ครั้งในรอบปีนี้ แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก เพราะนั่งอยู่ในรถกระบะกันกระสุน
"เหตุการณ์แรกเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ฝ่ายตรงข้ามยิงใส่จุดตรวจในเขตเมืองยะลา ผมเดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นเกิดระเบิดขึ้นอีกลูกหนึ่ง เป็นมอเตอร์ไซค์บอมบ์ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ ส่วนผมกับคนขับรถปลอดภัย ขณะที่รถก็แค่เปลี่ยนล้อ ก็สามารถวิ่งได้เหมือนเดิม เหตุการณ์ที่สองเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ฝ่ายตรงข้ามกดระเบิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์หน้าโชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า ตั้งอยู่ริมถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา ขณะที่ผมนั่งรถออกปฏิบัติภารกิจตรวจตราความเรียบร้อยผ่านตรงนั้นพอดี ผมกับพลขับและกำลังพลที่นั่งมาด้านหลังปลอดภัย มีบางคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น"
พ.ต.สมคิด บอกด้วยว่า การเสริมเกราะเหล็กต้องเสริมทุกด้าน ทั้งประตู และใต้ท้องรถ จึงจะใช้งานได้ดี เท่าที่ทราบปัจจุบันหน่วยเฉพาะกิจแต่ละแห่งจะมีรถหุ้มเกราะใช้งานหน่วยละ 4 คัน ถือว่าน้อยมากเมื่อมาเทียบกับขนาดพื้นที่รับผิดชอบ ฉะนั้นหากกองทัพจะจัดซื้อล็อตใหม่ก็เป็นเรื่องดี แม้จะแพงแต่ก็คุ้ม เพราะเคยรอดมาแล้ว
ด.ต.แชน วรงคไพสิฐ หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ที่ผ่านมาใช้รถหุ้มเกราะอยู่เช่นกัน เป็นรถพลเรือนนำมาดัดแปลง เคยประสบเหตุคาร์บอมบ์มาแล้วเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2552 ทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่มีกำลังพลสูญเสีย เพราะป้องกันสะเก็ดระเบิดได้เป็นอย่างดี
ฝ่ายค้านรุมยำ"เรือเหาะ"ปูดซื้อผ้าใบใหม่รอปะผุ
สำหรับบรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ส.ส.ฝ่ายค้านเรียงหน้ากันขึ้นอภิปรายโจมตีการตั้งงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ในมาตรา 6 และเสนอให้ตัดงบประมาณกันอย่างดุเดือด โดยเน้นย้ำถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ไร้ประสิทธิภาพและส่งไม่โปร่งใสหลายรายการของกองทัพ โดยเฉพาะเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที 200 และเรือเหาะตรวจการณ์ "สกายดรากอน" ของกองทัพบก รวมถึงการของบเพิ่มอีก 750 ล้านบาทเพื่อจัดหารถปิคอัพหุ้มเกราะจำนวน 300 คัน ซึ่งทั้งหมดใช้ในภารกิจแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การจัดซื้อรถกระบะกันหุ้มเกราะกันกระสุนไปใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีความน่าเป็นห่วง เพราะเคยมีปัญหาการจัดซื้อที่มีความไม่ชอบมาพากลมาแล้ว จึงต้องตั้งคำถามว่าการจัดซื้อรถกระบะหุ้มเกราะล็อตใหม่เป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสมหรือไม่
ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับงบจัดซื้ออาวุธของกองทัพในหลายกรณี โดยเฉพาะการซื้อเรือเหาะของกองทัพบก มูลค่ากว่าสามร้อยล้านบาท เป็นการทำสัญญาโดยไม่ผ่านการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด หนำซ้ำยังมีการเบิกจ่ายงบประมาณจัดซื้อไปแล้ว 100% โดยที่ไม่มีการขอให้บริษัทคู่สัญญาส่งสินค้ามาให้ทดลองใช้ก่อน ปรากฏว่าเมื่อนำมาใช้จริงก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
"กระทั่งปัจจุบันนี้พบว่าเรือเหาะยังไม่สามารถใช้งานได้ จอดทิ้งไว้เฉยๆ ผ้าใบก็เสื่อมสภาพ ทราบมาว่ากำลังจะมีการจัดซื้อผ้าใบมาใหม่เพื่อปะผุด้วย" พ.ต.ท.สมชาย กล่าว
จับพิรุธกองทัพ-บริษัทฯแจ้งราคาต่างกัน
พ.ต.ท.สมชาย อภิปรายอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) เคยมีหนังสือลับลงวันที่ 28 เม.ย.2552 ชี้แจงไปยังเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องราคาเรือเหาะกับเครื่องยนต์ไม่รวมกล้อง อยู่ที่ 98-112 ล้านบาท จึงสงสัยว่าทำไมตัวเลขถึงคลุมเครือ เพราะเมื่อเชิญฝ่ายกองทัพมาชี้แจง ทราบว่าราคา 102 ล้านบาท แต่เมื่อไปตรวจสอบกับกรมศุลกากร ดูเอกสารใบส่งสินค้าของบริษัทแอเรียอินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐอเมริกา (บริษัทผู้จำหน่าย) พบว่าเรือเหาะราคา 1.5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 50 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การอภิปรายในมาตรา 6 เสร็จสิ้นเมื่อเวลา 20.30 น. โดยมี ส.ส.อยู่ในห้องประชุม 425 คน ผลการลงมติปรากฏว่าให้ความเห็นชอบตาม กมธ.เสียงข้างมากจำนวน 242 เสียง ไม่เห็นชอบ 159 เสียง งดออกเสียง 20 เสียง
ผบ.ทบ.ซัดคนวิจารณ์อยู่บริษัทฝ่ายตรงข้าม
วันเดียวกัน ที่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร. 21 รอ.) จ.ชลบุรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการโจมตีการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ว่า แม้การตรวจสอบจะเป็นเรื่องดี และกองทัพยินดีให้ตรวจสอบ แต่สิ่งที่อภิปรายในสภาถือว่าเกินขั้นไป เพราะเป็นการพิจารณางบประมาณปี 2554 ซึ่งยังไม่ได้เริ่มใช้
"ผมขอให้อยู่บนความเป็นจริง วิพากษ์ด้วยความรู้ อย่าวิพากษ์โดยมีเลศนัยอยู่ข้างหลัง เป็นคนของบริษัทโน้นแล้วมาวิพากษ์ อยากให้บริษัทตัวเองได้ อย่างนี้ถือว่าไม่ดี" ผบ.ทบ.ระบุ และว่า การจัดซื้ออาวุธเป็นแผนงานที่ทำมาอย่างยาวนานตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนๆ นายกฯคนก่อนๆ และอนุมัติเป็นลำดับมา ไม่ใช่คิดว่าเป็น ผบ.ทบ.จะซื้ออะไรก็ได้เหมือนซื้อหมูซื้อผักในตลาด
ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลจัดงบเอาใจทหารนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ถือเป็นการสร้างนิยาย เพราะงบกองทัพคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพียังน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านในย่านนี้ทุกประเทศ
( ทีมข่าวอิศรา โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา )
ขอบคุณข้อมูลข่าว จาก มัติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น