จาก อัลบั้มเดลินิวส์ออนไลน์ |
'ระลึกชาติ' ดียิ่งกว่า..คือ 'ระลึกรู้'
การ “ระลึกชาติ” เรื่องนี้คำนี้เคยซาไปจากการได้ยินได้ฟังของคนไทยทั่วไปมานาน จะมีสนทนากันอยู่บ้างก็ในแวดวงเฉพาะ แต่พลันที่ อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ นำภาพยนตร์ไทยนอกกระแส เรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ไปคว้ารางวัลปาล์มทองคำ จากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 63 เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีส่วนทำให้คำว่า “ระลึกชาติ” กลับมาคุ้นหูอีกครั้ง และคำนี้เรื่องนี้ก็มีแง่มุมน่าพิจารณา
“ระลึกชาติ” เรื่องนี้ในไทยก็มีการเล่าขานมายาวนาน
และก็เป็นเรื่องที่ยึดโยงการ “สร้างเสริมจริยธรรม” ได้
ทั้งนี้ อาจารย์ภาคิน ธราธรศิริ ประธานชมรมนักสะกดจิตแห่งประเทศไทย สะท้อนเรื่องการระลึกชาติ ผ่านทาง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... ในทางพุทธศาสนาเชื่อว่าการระลึกชาติหรือเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีจริง ไม่ใช่ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรือปาฏิหาริย์ ส่วนสังคมตะวันตกปัจจุบันก็มีผู้สนใจเรื่องนี้ไม่น้อย
ในซีกโลกตะวันตก จะได้ยินเรื่องการ “ระลึกชาติ” ผ่านการ “สะกดจิต” อย่างเช่น ดร.ไบรอัน แอล ไวส์ ที่ใช้การสะกดจิตบำบัดรักษาคนไข้ ก็มีคนไข้หลายคนพูดถึง “อดีตชาติ” ของตัวเอง ตอนที่มีการสะกดจิต ซึ่ง ดร.ไบรอันนำเรื่องที่ประสบเขียนเป็นหนังสือทางวิชาการเผยแพร่ จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วสหรัฐอเมริกา
“แม้ว่าเรื่องการระลึกชาติจะ พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีบางกรณีที่มีหลักฐานยืนยัน เช่น สถานที่ สิ่งของ พยานบุคคล ซึ่งคนในชีวิตจริงปัจจุบันไม่น่าจะได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัส จุดตรงนี้จึงมีการเกี่ยวโยงกับการสะกดจิต ซึ่งการสะกดจิตเป็นการกระทำกับจิตวิธีหนึ่ง การนั่งสมาธิก็เป็นการกระทำกับจิตวิธีหนึ่ง เหมือนเป็นการเปิดจิตใต้สำนึก เช่นเดียวกับการสะกดจิต ที่ก็เป็นการเปิดจิต ใต้สำนึก
แต่คนที่ระลึกชาติได้จิตต้องมีความพร้อมสูงพอ”
...อาจารย์ภาคินระบุ ก่อนจะบอกอีกว่า... การสะกดจิตสามารถช่วยเยียวยาฟื้นฟูจิตได้ โดยกับคนที่มีพื้นฐานจิตใจอ่อนแอ กรณีนี้ก็จะเปลี่ยนนิสัยให้มีความเข้มแข็ง โดยมีกระบวนการให้ข้อมูลจิตใหม่ ส่วนการระลึกชาตินั้นประธานชมรมนักสะกดจิตฯบอกว่า... ปัจจุบันมีนักวิทยาศาสตร์ทางจิต จิตแพทย์ ทั้งต่างประเทศและในเมืองไทย ทำการพิสูจน์และยอมรับว่า การสะกดจิตเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงไปสู่เรื่องการระลึกชาติได้
ด้าน พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ระบุถึงเรื่องการ “ระลึกชาติ” ว่า... นี่เป็นเรื่องธรรมดาทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ถ้าได้รับการฝึกฝนทางจิตด้วยการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือบริกรรมภาวนาแบบใด ๆ ก็ตาม ไม่จำกัดด้วยว่าจะนับถือศาสนาอะไร แต่บางคนไม่ต้องฝึกอะไร พอเกิดมาก็ระลึกชาติได้ก็มี อย่างที่เราได้ยินข่าวจากสื่อต่าง ๆ ซึ่งบุคคลที่ระลึกชาติได้ ก็มิได้มีเฉพาะชาวพุทธเท่านั้น ยังมีชาวต่างชาติที่นับถือศาสนาอื่นด้วย
“แต่คนทั่วไปมักระลึกได้เพียงชาติหรือสองชาติ ไม่สามารถระลึกได้นับไม่ถ้วนเป็นอเนกชาติ เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้า ที่ทรงมีญาณแห่งการระลึกชาตินับเป็นแสน ๆ ชาติ คน ทั่วไปการระลึกชาติได้มี 2 วิธีคือ ตั้งจิตอธิษฐานความปรารถนาอันแรงกล้า และบำเพ็ญเพียรภาวนาจนได้อภิญญาคือความรู้พิเศษ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ต่างประเทศก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้และพยายามพิสูจน์ นักวิทยาศาสตร์ไทยที่เชื่อเรื่องนี้ก็มี ซึ่งใครเชื่อในพระพุทธเจ้า และปฏิบัติจริง จะไม่สงสัยเรื่องนี้” ...พระเทพวิสุทธิกวี ระบุ
ขณะที่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่าน ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ก็กล่าวเสริมในมุมของพระพุทธศาสนาว่า... การระลึกชาติเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ มีชื่อเฉพาะว่าปุพเพนิวาสานุส สติญาณ ในอดีตกาลผู้ที่มีญาณนี้ หรือระลึกชาติได้ อย่างน้อยต้องเป็น ผู้ฝึกจิตตภาวนาได้ชั้นสูง อย่างไรก็ตาม การ “ระลึกชาติ” ได้ ก็ไม่ได้หมายถึงการเป็นผู้รู้ประเสริฐเลิศเลออะไร เพราะความสามารถในระดับ นี้ก็ยังเป็น “โลกียฤทธิ์”
โลกียฤทธิ์คือฤทธิ์ที่ยังเจือด้วยกิเลส หากใช้เป็น ก็เป็นคน แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ก็จะเป็นมาร เพราะจะเป็นช่องทางในการหลอกลวง สร้างจุดเด่นเน้นจุดขาย ทำให้คนมาหลงยึดติดถือมั่น แต่งตั้งตัวเป็นอาจารย์ ซึ่งในบางกรณีก็ทำให้คนส่วนใหญ่มองตัวบุคคลมากกว่าพระธรรมคำสอน ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงไม่สรรเสริญการระลึกชาติว่าเป็นความสามารถพิเศษ พระพุทธเจ้าสรรเสริญการเจริญสติ “ระลึกรู้” มากกว่า
“มีโอกาสสูงที่ผู้ระลึกชาติได้จะพัวพันอยู่ในอดีต เข้าใจผิดคิดว่ามีตัวตน อัตตา ที่เที่ยงแท้นิรันดร์ทุกภพทุกชาติ ส่วนการเจริญสติ ระลึกรู้ เป็นหนทางสู่มรรคผลนิพพาน ระลึกรู้อยู่เสมอ ทุกเรื่อง ทุกกรณี ทุกการเคลื่อนไหว คนคนนั้นย่อมอยู่ในนิพพาน การระลึกรู้จึงสำคัญกว่าระลึกชาติ การระลึกชาติสามารถทำได้เพียงบางคน แต่ระลึกรู้ เจริญสติ ทุกคนสามารถทำได้” ...พระมหาวุฒิชัย ทิ้งท้าย
“ระลึกชาติ” ที่จริงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
แต่ที่น่าสนใจ-น่าจะทำให้ได้มากกว่าคือ “ระลึกรู้”
เพราะนี่ต่างหากที่จะมีผลกับชีวิตในปัจจุบัน !!!.
วันพุธ ที่ 30 มิถุนายน 2553 เวลา 0:00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น