วันจันทร์, มีนาคม 26, 2555

จาก "ธิดา โตจิราการ" ถึง "ธีรยุทธ บุญมี"...เสียดายคนที่เคยรู้จักกัน!


นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. ได้เขียนบทความชื่อ "ธีรยุทธ บุญมี" วิเคราะห์การเมืองไทย โดยใช้หลักคิด วิธีการ และฐานข้อมูลอะไร? เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 22 มีนาคม มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ผู้เขียนพยายามอ่านบทรายงานจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพื่อเลือกฉบับที่มีรายงานยาวที่สุด ไม่พบการอ้างอิงเอกสารวิชาการใดๆ รวมทั้งผลงานวิจัยใดๆ ก็ทำให้เข้าใจได้ว่า ข้อวิเคราะห์ของเขามาจากการประมวลเรื่องราวข้อมูลตามข่าวสารที่ได้รับ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสื่อกระแสหลัก และอ่านงานวิเคราะห์ของนักวิชาการจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนเสื้อแดง ย่อมไม่ใช่ประสบการณ์ตรงของคุณธีรยุทธ บุญมี อย่างแน่นอน

ผู้เขียนนั้นมีพื้นฐานเป็นนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและนักวิจัย จึงให้ค่างานที่มาจากการค้นคว้าวิจัยแล้วนำมาสู่ข้อสรุปเป็นสมมติฐาน เป็นทฤษฎีเบื้องต้น จนถึงกลายเป็นงานทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับทั่วไป

ในงานของคุณธีรยุทธนั้น ถ้าจะมีการอ้างถึงก็ที่พูดกันอย่างแพร่หลายเรื่องเดียว คือ สองนครา ประชาธิปไตยของ อ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์

แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินคุณค่าของการวิเคราะห์การเมืองไทยนั้น ถ้าไม่มีที่มาของหลักคิด วิธีการและฐานข้อมูล ก็ประเมินค่าตามฐานะกำลังของนักวิชาการนั้นๆ ว่ามีพละกำลังและมีผลงานทางวิชาการขนาดไหน

ว่างๆ สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติควรแสดงผลงานการวิจัยและผลงานทางวิชาการของศาสตราจารย์ที่ได้รับการอนุมัติด้วยวิธีพิเศษให้สังคมได้รับรู้ด้วย เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจจะได้รับรู้พละกำลังทางวิชาการของผู้ได้รับตำแหน่งทางศาสตราจารย์แต่ละท่าน และจะได้ประเมินคุณค่าและใช้งานนักวิชาการผู้นั้นได้เหมาะสมถูกต้อง

ผู้เขียนอ่านแล้ว นี่ไม่ใช่ผลงานทางวิชาการแน่นอน หวังว่าคงจะไม่เอาไปใช้ขอตำแหน่งศาสตราจารย์นะ (เพราะได้ด้วยวิธีพิเศษแล้วนี่)?

แต่เป็นผลการวิเคราะห์วิจารณ์ตามใจคิดของคุณธีรยุทธ เนื่องจากมีประเด็นมากมาย ที่น่าสนใจที่จะตั้งคำถามกับคุณธีรยุทธ จึงขอคัดบางส่วนมาแลกเปลี่ยนสนทนากัน

ประการแรก ผู้เขียนประเมินว่า นี่เป็นผลงานของคุณธีรยุทธในลักษณะของการนำเสนอเชิงสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองของคุณธีรยุทธ มิใช่ผลงานทางวิชาการแต่อย่างไร

ข้อสอง โปรดสังเกตว่าภาพรวม คุณธีรยุทธไม่ได้พูดถึงเผด็จการทหาร การรัฐประหาร การดำรงอยู่ของระบอบอำมาตยาธิปไตย และการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือ 100% แต่อย่างใด

อุตส่าห์ต่อสู้จากยุค 14 ตุลา ขับไล่ถนอม ประภาส และต้องการให้มีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 16 กลับไม่พูดถึงการต่อสู้ของประชาชนให้ได้รัฐธรรมนูญของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเลยสักแอะ

ใช้คำพูดว่า "การเมืองรากหญ้า-ประชานิยม" แต่ไม่พูดถึงระบอบประชาธิปไตย อ้างว่าในช่วงเผด็จการทหาร "ประชาชนบางส่วนได้มีศักดิ์ศรีแต่ไม่มีเสรีภาพ" แล้วพูดว่า "ชาวบ้านระดับรากหญ้ามามีเสรีภาพในการแสดงออกหลัง 19 กันยายน 2549"

ตกลงคุณธีรยุทธคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือว่าในช่วงเผด็จการทหารประชาชนบางส่วนได้มีศักดิ์ศรี? และหลัง 19 กันยายน 2549 ชาวบ้านมีเสรีภาพในการแสดงออก? นี่คงจะเป็นคำตอบให้กับคนไทยว่า คุณธีรยุทธสนับสนุนรัฐประหารในทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากตรงๆ

3.คุณธีรยุทธไม่พูดถึงเผด็จการทหารและรัฐประหารในทางลบทางเลวร้ายเลยแม้แต่อักษรเดียว ตรงข้ามยังสรรเสริญด้วยแต่ที่ร้ายแรงคือไม่พูดถึงการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน และการลุกขึ้นสู้ของประชาชนแม้แต่น้อย

4.คุณธีรยุทธไม่พูดถึงระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ฝังแน่นในสังคมไทย อันเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ ทางเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง และไม่พูดถึงพัฒนาการทางสังคม เพียงพูดถึงบทบาทสถาบันกษัตริย์ที่ต้องนำเสนอในสถานการณ์ใหม่

เมื่อพูดถึงการเมืองของประชาชนก็จะเรียกว่า "การเมืองรากหญ้าประชานิยม" ควบคู่กันอย่างดูถูกดูแคลนประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

แถมยังดูหมิ่นดูแคลน "พลังรากหญ้า เสื้อแดง ว่ามีลักษณะเฉพาะ การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและการชุมนุมเป็นคราวๆ ยังไม่เป็นขบวนการทางการเมือง ไม่มีเป้าหมายอุดมการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองแต่อย่างใด" แสดงว่าคุณธีรยุทธเห็นประชาชนส่วนใหญ่เป็น "รากหญ้าประชานิยม" และเห็นคนเสื้อแดงไม่มีอุดมการณ์ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง ก็คล้ายๆ กับที่พูดถึงพวกอนุรักษ์มองเสื้อแดงว่า "เสื้อแดงไม่มีตัวตน เพราะถูกจ้างมาโง่ จึงถูกหลอกมา ไร้การศึกษา จึงถูกชักจูงโดยคุณทักษิณ" นั่นแหละ

เพราะถ้าคุณธีรยุทธมองว่าคนเสื้อแดงไม่มีอุดมการณ์ ก็เท่ากับว่าคุณธีรยุทธมองคนเสื้อแดงเป็นพวกทำเพื่อทักษิณ ทำเพื่อเงิน เพราะถูกมอมเมาด้วยประชานิยมนั่นแหละ


คุณธีรยุทธมองไม่เห็นประชาชน ไม่เห็นการต่อสู้ของประชาชน ไม่เห็นพัฒนาการ


การต่อสู้ของประชาชนที่ต่อสู้ติดต่อกันมายาวนาน ถึง 5 ปี มีชุดหลักนโยบาย เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี มีชุดความคิดและทฤษฎีรองรับชัดเจน ว่าคนเสื้อแดงมีแนวทาง หนทางการต่อสู้อย่างไร มีการเปิดโรงเรียนผู้ปฏิบัติงานทางการเมืองทั่วประเทศ มีการขยายตัวของคนเสื้อแดง และการยกระดับทางคุณภาพ มีผลงานปรากฏตั้งแต่การรณรงค์ในการเลือกตั้งทั่วไป การตรวจสอบการเลือกตั้ง จนสามารถโค่นล้มรัฐบาลของระบอบอำมาตย์ลงไปได้ ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ (เฉพาะหน้า) ชั้นที่หนึ่ง

จากนี้จึงเข้าสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ขั้นที่สอง ในการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ของประชาชนโดยประชาชน

ถ้าบรรลุในสองปี คนเสื้อแดงก็จะก้าวเข้าสู่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ขั้นที่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย (เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์) ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนไทยอย่างแท้จริง

ชุดทฤษฎีการต่อสู้ได้เปิดเผยสู่สาธารณะในการอบรมผู้ปฏิบัติงานออกอากาศทางโทรทัศน์ และมีเอกสารข้อมูล ถามว่านักวิชาการหรือผู้สนใจสามารถหาได้ไม่ยาก และสอบถามคนเสื้อแดงได้ ยิ่งกว่านั้น การจัดตั้งองค์กรของคนเสื้อแดงเพื่อรองรับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ โดยสร้างความเข้มแข็งในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ถ้าไม่ใช่เพราะอุดมการณ์การเมืองที่ต้องการให้ได้ประชาธิปไตยและความยุติธรรมแล้วจะจัดตั้งองค์การมาทำอะไร? หาผลประโยชน์เช่นนั้นหรือ? จะเหนื่อยยากเสียสละ แรงกายแรงใจกันทำไม คุณทักษิณต้องใช้เงินสักเท่าไรถึงจะจ้างให้คนมาตาย มาบาดเจ็บในการต่อสู้ และสร้างความเข้มแข็งในระดับหมู่บ้าน สู้กันขนาดนี้ ยาวนานเช่นนี้นี่หรือที่คุณธีรยุทธบอกว่าเป็นพวกไม่มีอุดมการณ์การเมือง?

ประชาชนที่คุณธีรยุทธเรียกว่า "พวกรากหญ้า-ประชานิยม" นี่แหละที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนขึ้นใหม่ บากบั่น อดทน เสียสละ ถูกปราบปรามก็กลับขยายตัวเติบใหญ่ ลุกขึ้นมาสู้ต่ออย่างไม่ขาดตอน เพราะนี่คือการต่อสู้ของคนรากหญ้า ไม่ใช่ชนชั้นกลาง-ปัญญาชนเช่นในอดีต

ขอพูดถึงหัวข้อ รากเหง้าของวิกฤตสักหน่อย

คุณธีรยุทธพูดว่า "เรารวมศูนย์มากเกินไป ท้ายที่สุดศูนย์กลางเอาไม่อยู่"

กลายเป็นว่า คุณธีรยุทธมองความผิดพลาดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่รวมศูนย์เบ็ดเสร็จทุกด้านของสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสาเหตุของปัญหา "จนเกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ความน้อยเนื้อต่ำใจ หลายๆ ด้านฝังลึกอยู่ เนื่องจากทุกอย่างรวมศูนย์ที่รัฐทั้งอำนาจและทรัพยากร ชนชั้นนำที่เข้ามามีอำนาจการเมืองล้วนหยิบฉวยใช้ประโยชน์จากรัฐทั้งสิ้น" นี่จึงไปไกลมากทีเดียว

ตกลงพวกอำมาตย์หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ล้วนไม่มีความผิดเลย แล้วไปต่อเรื่องการเขียนประวัติศาสตร์การบันทึกและอนุสาวรีย์ชื่อถนนชื่อสะพาน?

กล่าวได้ว่า ในหัวข้อรากเหง้าของวิกฤต

1.คุณธีรยุทธ ไม่พูดถึง การกดขี่ ขูดรีดแรงงาน ผลผลิตและมูลค่าสินค้าทรัพย์สิน พูดผิวเผินเล็กน้อยเฉพาะความเหลื่อมล้ำอันเกิดจากการรวมศูนย์อำนาจตั้งแต่รัชกาลที่ 5

2.คุณธีรยุทธพูดเรื่องค่านิยม ความคิดพื้นฐานระหว่างรากหญ้ากับชนชั้นนำ ตอกย้ำความไม่เข้าใจ นี่เป็นการพูดที่จงใจหลีกเลี่ยง ความจำเป็นที่ประชาชนต้องลุกขึ้นต่อสู้ให้กลายเป็นเรื่องของค่านิยมที่แตกต่างกัน

เช่น คนชั้นสูงชอบระเบียบเรียบร้อยความสงบ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลางเน้นการพึ่งตนเองและระบบ เน้นนามธรรม ชอบเทศนา คุณธรรม ความดี จึงเป็นความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตย กินได้ของชาวบ้าน กับประชาธิปไตยดูได้ของชนชั้นสูง

ถ้ารากเหง้าของปัญหาเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นเรื่องค่านิยม มันจะกลายเป็นวิกฤตในปัจจุบันได้อย่างไร? ถ้าเป็นค่านิยมแล้วจะต้องมาชุมนุมยาวนานถูกปราบปรามเข่นฆ่าได้อย่างไร?

พูดง่ายๆ คุณธีรยุทธทำให้การต่อสู้ของประชาชนกลายเป็นเรื่องค่านิยมตลกๆ มิน่าจึงจับแกนนำติดคุกตีตรวนเพื่อหวังทำลายความเป็นวีรบุรุษที่คนเสื้อแดงเห่อกัน แล้วไง? ทำไมคนเสื้อแดงกลับมีจำนวนมากขึ้น กล้าต่อสู้ กล้าเสียสละ เติบใหญ่ขยายตัวเต็มแผ่นดิน

มุมมองใหม่ที่แม้อ้างว่าใช้วงจรอุบาทว์หรือทฤษฎีสองนคราฯ มาวิเคราะห์โครงสร้าง พูดถึงวงจรอุบาทว์ก็ไม่โจมตีเผด็จการเลย อ้างว่าประชาธิปไตยในต่างประเทศไม่มีรัฐประหาร เพราะต้องมีการลงทุนทางด้านสังคมการศึกษาค่านิยม สร้างมหาวิทยาลัย สวนสาธารณะหอศิลป ที่ฟังดนตรี ฯลฯ

โอ้โอ๋! ประชาธิปไตยแบบตะวันตก นี่ช่างสร้างง่ายเหลือเกิน? ความจริงคุณคิดว่าต้องสร้างชนชั้นกลางเสียก่อนจึงจะมีประชาธิปไตยใช่ไหม?

ในประเทศที่ยากจน ไม่มีหอศิลป ไม่รู้จักฟังดนตรีฝรั่ง ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย ก็ไม่ต้องมีประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชนรากหญ้าที่จนๆ ใช่ไหม?

แล้วก็พูดถึงการเมืองสองขั้วอำนาจ

กลายเป็นก๊ก "คนเลว" โจโฉ จะชนะก๊ก "คนดี" เล่าปี่ ขงเบ้ง

น่าขำที่คุณธีรยุทธพูดถึง สามก๊กแบบอนุรักษนิยมแท้ๆ คือโจโฉเลว เล่าปี่ดี ขอให้คุณไปอ่านสามก๊กเสียใหม่หลายๆ รอบ หลายๆ ฉบับ คุณจะได้รู้จักโจโฉรอบด้านและรู้จักเล่าปี่รอบด้านหลายมุมมอง ไม่ใช่มองแบบอนุรักษนิยมด้านเดียว นี่มิใช่นิยายปรัมปรา แต่เป็นชีวิตที่บันทึกได้ (ลองอ่านใหม่หลายๆ ฉบับ) ลงท้ายก็พูดแบบคาถาของพวกอำมาตย์ คือ พวกคนดี พวกคนเลว ตอนพวกคุณทำรัฐประหารได้อำนาจรัฐพวกคุณมีแต่คนดีทั้งนั้น ตั้งแต่นายกฯ ก็เป็นคนดีที่หนึ่งเลย (แห่งเขายายเที่ยง?) แล้วเป็นยังไง? แก้ปัญหาวิกฤตประเทศไทยได้ไหม? กลับยิ่งเพิ่มวิกฤตประเทศไทยอันเนื่องจากคนดีเป็นใหญ่

จากนั้นสรุปว่า พวกประชาชนเสื้อแดง ทักษิณ เป็นพวกโจโฉ (คนเลว) พวกอำมาตย์เป็นคนดี (พวกเล่าปี่) แต่พวกเล่าปี่จะเสียเปรียบ เสื้อแดงมีความชอบธรรมในเรื่องประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งและระยะยาวยอมรับว่า โอกาสของพลังฝ่ายรากหญ้ามีมากกว่า

บทสรุปเรื่องไม่มีทางออกในระยะใกล้มีแต่สิ่งที่ต้องทำในระยะยาว สรุปแล้วจริงๆ คุณธีรยุทธเขียนไว้ในวรรคสุดท้ายคือ "เท่ากับว่าประเทศเราแตกแยก ด่าทอกันเอง ใช้ความรุนแรงต่อกันเพื่อแก้ปัญหา การซุกหุ้นหนีภาษี ความไม่รู้อิ่มในทรัพย์สิน อำนาจของทักษิณเท่านั้น"

นี่แหละของจริงของคุณธีรยุทธที่ต้องการบอกสังคมที่เขียนให้ดูดีไม่ใช่ของจริง และนี่คือความคิดว่ารากเหง้าปัญหาอยู่ที่คุณทักษิณที่เป็นคนเลว และพวกสนับสนุนก็เป็นคนเลว แบบโจโฉนั่นไง?

เสียดายคุณธีรยุทธคนที่เคยรู้จักจริงๆ มีเยาวชนที่ใกล้ชิดคนหนึ่งเคยนั่งสนทนากับคุณธีรยุทธเป็นวันๆ เรื่องฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ บอกกับผู้เขียนว่า "ผมว่า แกควรไปสอนฟิสิกส์จะดีกว่าเป็นอาจารย์สอนสังคมนะ"

ตอนนี้ผู้เขียนเชื่อตามเยาวชนผู้ใกล้ชิดแล้วจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น