วันพฤหัสบดี, มกราคม 20, 2554

"อุ๋ย"ติงขึ้นดบ.ถ่วงศก.โต เหน็บธปท.กลัวเงินเฟ้อเกินเหตุ เตือนตรึงน้ำมันทำปท.หายนะ

จาก อัลบั้มประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล



"อุ๋ย"ติงขึ้นดบ.ถ่วงศก.โต เหน็บธปท.กลัวเงินเฟ้อเกินเหตุ เตือนตรึงน้ำมันทำปท.หายนะ

"หม่อมอุ๋ย"เหน็บ ธปท.ห่วงเงินเฟ้อเกินเหตุ ชี้ขึ้นดอกเบี้ยถ่วงเศรษฐกิจโต แนะขยายเป้าเงินเฟ้อเป็น 2-4.5% นักวิชาการร่วมยำ ชี้จีดีพีโตไม่ถึง 5% ถือว่ารัฐบาลสอบไม่ผ่าน ค้านขึ้นดอกเบี้ย-ตรึงพลังงาน ทำประเทศไปไม่รอด ฟากสถาบันปัญญาภิวัฒน์เตือนโถมประชานิยมมาก รัฐบาลจะกลายเป็นกรมประชานุเคราะห์ยักษ์

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2554 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวในงานเสวนา "เศรษฐกิจไทย 2011" ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยถือว่าดีหมด ยกเว้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาราคาสูงขึ้น แต่การแก้ปัญหาควรจะใช้มาตรการที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยหยุดยั้งด้วยการกำหนดอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันที่เข้มงวดขึ้น

แต่ที่น่าห่วงคือ กลัวว่านักทฤษฎีบางคนที่นั่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะใช้นโยบายดอกเบี้ย ปัญหาที่ต้องคิด คือ การขยายตัวปีนี้อาจต่ำกว่าปี 2553 ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัว ทำไม ธปท.ต้องห่วงเงินเฟ้อมากในเมื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ไม่ได้พุ่งแรง การจะไปใช้นโยบายดอกเบี้ยจะฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ


"ถ้า ธปท.เป็นห่วงว่าเงินเฟ้อจะหลุดกรอบเป้าหมายก็ควรเปลี่ยนกรอบหมายเงินเฟ้อเป็น 2-4.5% จากปัจจุบันที่ใช้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 0.5-3% ซึ่งระดับที่ 4.5% ยังถือว่าเป็นเงินเฟ้ออ่อนๆ จะไปแก้ดอกเบี้ยติดลบทำไม ในเมื่อเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหา และหากดูสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นก็มาจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันและราคาพืชผลที่ผลต่อเงินเฟ้อประมาณ 2-3%"


นายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะรัฐบาลชุดไหน ถ้าทำให้เศรษฐกิจโตไม่ถึง 5% ถือว่าฝีมือไม่ถึง และอย่าใช้นโยบายมหภาคไปรับใช้นโยบายบางอย่างที่ต้องไม่เป็นนักปฏิบัติการประชานิยม หากยังคิดถึงแต่เรื่องนี้จะเลิกยาก และจะถลำลึก ที่สุดรัฐบาลจะกลายเป็นกรมประชานุเคราะห์ยักษ์

ทั้งนี้ เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานต้องระวังเพราะจะพุ่งสูงขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด การขึ้นดอกเบี้ยอาจไม่ได้แก้ปัญหา แต่นโยบายที่จะแก้ปัญหาได้ รัฐบาลคงต้องหาทางเพิ่มผลผลิต ซึ่งประเด็นที่ต้องระวังให้มาก คือ นโยบายมหภาคติดคุกประชานิยม เลิกยากและจะกลายเป็นตัวแปรทางการเมือง เกิดวัฒนธรรมร้องขอ

นายกิตติ ลิ่มสกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รัฐบาลอย่าไปทำเรื่องจิ๊บจ๊อยประเภทไข่ไก่ น้ำมัน ต้องไปทำที่โครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ คาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวที่ 3.5-4.5% และเห็นด้วยกับ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ที่ ธปท.ควรปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เพราะอาจจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลควรจะเลิกอุดหนุนราคาพลังงาน แม้จะเสียคะแนนนิยมไปบ้าง ไม่อย่างนั้นประเทศจะไปไม่รอด

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง กล่าวว่า การเมืองจะเลวร้ายไปอีกหลายปี คาดปีนี้การเมืองยังไม่จบ แต่คงไม่หนักเท่ากับปีที่แล้ว ทั้งนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่มาจากการบริโภคในประเทศและการลงทุน น่าจะทำให้ตัวเลขจีดีพีในปีนี้ไม่ใช่ 3% กว่าอย่างที่คาดกัน แต่อาจจะขยายตัวสูงถึง 4-5%


ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (update:วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 09:16:00 น.)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น