สื่อ หลายสำนักวิเคราะห์ตรงกันว่ารัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังพบทางตัน ในสารพัดเรื่องที่รุมเร้าอยู่นั้นเขาไม่สามารถแก้ไข หรือนำพาประเทศชาติให้หลุดพ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง...ผมจะไม่ยกตัวเลขหรือสถิติมาประกอบความเชื่อหรอกครับ แต่จะใช้ความจริงที่สัมผัส พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ปัญหา เศรษฐกิจท่านว่าเงินมันหาง่ายไหมล่ะ...ตกงานบ้าง ว่างงานบ้าง ค่าจ้างถูก ไร้สวัสดิการ หลายคนรัดเข็มขัดจนเอวกิ่ว ไอ้ที่พอมีทรัพย์สินก็มีหนี้ท่วมหัว...ไข่ไก่ที่ถือเป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพ ผู้บริหารประเทศวันนี้เป็นไง ราคายังอยู่ที่ 4-5 บาท
ที่สุดเมื่อ ถึงคราวอับจนจริงๆ อาชีพเก่าแก่ที่สุดในโลกคือ ยอมเป็นโสเภณี หรือหญิงขายบริการก็โผล่ขึ้นยิ่งกว่าดอกเห็ด...กรุงเทพฯ ให้ท่านนายกฯ ไปดูแถวสนามหลวง สวนลุมฯ ถนนเพชรบุรี หน้าโรงแรมสยาม วงเวียน 22 กรกฎาฯ คลองหลอด...ถ้าอยากเห็นพวกมีสำนักไปดูตามสถานอาบอบนวดต่างๆ...ขนาดขายตัวยัง ขายไม่ออกเพราะนักเที่ยวกระเป๋าแฟบ อาชีพใหม่ที่เดินตามกันเป็นแถวก็คือขายยาบ้า
วันก่อน ผมมีโอกาสไปทำธุระแถวเมืองพัทยา ภาพที่เห็นแม้จะชินๆ อยู่บ้างแต่มันหนักหนาขึ้นทุกวันๆ กล่าวคือจำนวนผู้ไปแสวงโชคมีมากมายเกลื่อนหาด ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกับเด็ก...แต่ละคนแต่งเนื้อแต่งตัวบอกสถานะอย่างชัดเจน ผมไม่รังเกียจ ไม่ดูถูก ซ้ำยังเข้าใจในความจำเป็นของเธอ แต่มันสะท้อนไปถึงคนที่มีอำนาจ โดยเฉพาะรัฐบาล...ท่านทำอะไรกันอยู่
วันนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งเขาเลือดตากระเด็น...ที่พวกคุณไม่เคยเห็นหรือไม่อยาก เห็น...ตามสถานีรถไฟฟ้า...ตามร้านอาหารพวกคุณเคยเห็นคนจรจัด คนไร้ที่อยู่คุ้ยหาเศษอาหารกินหรือเปล่า...คุณเคยเห็นเด็กวัยกำลังเติบโต สมควรได้เล่าเรียน อบรมบ่มนิสัยต้องวิ่งกรูเข้าแย่งอาหารเหลือก้นจานที่ใครก็ไม่รู้เพิ่งกิน เสร็จใหม่ๆ
หรือว่าไพร่กับอำมาตย์มันมีจริง!!??
ผม เตือนท่านด้วยความหวังดีอีกครั้ง...ท่านนายกฯ ครับ ปัญหาเรื่องปากท้องรัฐบาลต้องให้ความสำคัญก่อนเรื่องอื่นๆ...ผมไม่ทราบว่า กระเพาะนักการเมือง-ทหาร-ตำรวจ (บางคน) มันใหญ่กว่าชาวบ้านหรือไรถึงรับทานกันทีเป็นพันเป็นหมื่นล้าน
มัน เหมือนกับแผ่นดินใกล้ล่มสลายถึงใช้วิธีมือใครยาวสาวได้สาวเอา...สีเขียวงบ ประมาณบานเบอะ ซื้อเครื่องบินรบ ซื้อรถถัง ว่ากันเต็มอัตราศึก...สีกากีบ่อน อบายมุขเปิดเพียบ ตามด้วยงบประมาณประจำปีเพิ่มขึ้นอีกเกือบหมื่นล้านบาท...สร้างโรงพักใหม่... แฟลตที่พักใหม่ ยื่นแบบรอเปิดซองประกวดราคากันแล้ว...งบประมาณ 6-7 พันล้าน ที่กระจุกตัวอยู่ส่วนกลางทั้งที่หลักการของรัฐบาลเองต้องการกระจายรายได้ไป สู่ระดับจังหวัด...วันนี้ทั้งรัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเก็บเสลดที่ถ่มถุย ไว้ขึ้นมากลืนอย่างหน้าตาเฉย
ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ครับ...ท่านรู้ไหมว่าชาวบ้านเขาคิดอย่างไร เขาพูดกันอย่างไร...ถ้าท่านไม่ทราบผมจะบอกเอาบุญว่าเขาเอือมระอากับรัฐบาล ท่านอย่างที่สุดแล้ว...ไม่ใช่บ้า “ทักษิณ” แต่เป็นเพราะเบื่อท่านจริงๆ...ลองกลับไปทบทวนซิว่าวันๆ ท่านทำอะไรบ้าง...
ลอง ถามตัวเองว่าวันนี้ถ้าไม่มีพี่เลี้ยงเป็นทหาร ไม่มี “เมี่ยง” สีกากี ชีวิตท่านจะอยู่รอดไหม...ผู้บริหารประเทศไม่สมควรติดค้างบุญคุณใคร... พฤติกรรมต่างๆ รวมทั้งการลด แลก แจก แถม ทหาร-ตำรวจ ท่านห้ามไม่ให้ประชาชนเขาคิดเลยเถิดไม่ได้หรอกครับ
ทุกๆ การกระทำ ทุกๆ เรื่องมันจะส่งผลไปถึงอนาคต...ตอนนี้ฝ่ายค้านเขากำลังรวบรวมสรรพกำลังกันอีก ยก...ข่าวว่านายทุนใหญ่คนหนีคดีอยู่ต่างประเทศตกปากรับคำแล้วว่าจะดูแล เรื่องค่าใช้จ่ายอย่างเต็มที่ แถมยังบอกว่าเวลาของพวกเขาใกล้มาถึงแล้ว
การเป็นผู้นำที่รูปหล่อ พูดเก่ง หรือได้รางวัลใช้ภาษาไทยดีเด่น คงไม่พอแล้วล่ะ
ที่มาบทความ: บ้านเมืองออนไลน์
คอลัมน์ : หมายเหตุบ้านเมือง : เมื่อ “มาร์ค” หมดมุก โดย เหล็กน้ำพี้
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2553 เมื่อเวลา 9:37:00 น.
-------------------------------------------------------
ดีเอสไอ
เมื่อ ปี 2532 สมัยนั้นมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี และมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีร่วมสมัย ได้ออกมาให้ข่าวครึกโครมว่าจะตั้งหน่วยงานมาช่วยเสริมการทำงานของกรมตำรวจ ตอนนั้น
สารวัตรเฉลิม อยู่บำรุง บอกว่า เป็นเอฟบีไอเมืองไทยหลายคนฟังแล้วเข้าใจว่าหน่วยงานนี้จะต้องยิ่งใหญ่และ เกรียงไกร ที่สำคัญน่าจะดีเลิศประเสริฐศรีกว่านักสืบที่เป็นตำรวจในขณะนั้น เพราะย่ำแย่ดั่งที่ทุกคนแลเห็น จัดการบัญญัติกฎหมายเฉพาะ รับโอนคดีผู้มีอิทธิพล คดีเดียวที่เกิดเหตุในหลายๆ ท้องที่ และมีอำนาจฟ้องคดีเอง เป็นหน่วยงานเดียวที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เรียกว่าจั่วใบแรกก็กร่างเต็มแผ่นดิน
วันนั้นหลายคนลุ้นอยากให้มีอยาก ให้เกิดนักสืบหน้าใหม่เอฟบีไอ เพราะเบื่อนักสืบสีกากีภายใต้การกำกับดูแลของกรมตำรวจเต็มทีแล้ว ยังวาดหวังเสียเลยเถิดและสร้างจินตนาการเสียใหญ่โต
ถ้าเอ ฟบีไอที่ว่าเสร็จสมบูรณ์ ผ่านมาหลายปีหลายรัฐบาลให้ความสนใจกับหน่วยงานนี้ สร้างสรรค์และส่งเสริม จนเสร็จสิ้นตามประสงค์ แต่ให้ชื่อเสียใหม่ ไม่ใช่เอฟบีไอเมืองไทยเป็นดีเอสไอ และใช้สอยหน่วยงานนี้
ผ่านมาหลายปีจน ถึงวันนี้เปลี่ยนตัวอธิบดีมาก็หลายคนยังไม่เห็นทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ผู้มีอิทธิพล นักปั่นหุ้น ข้าราชการใหญ่ ยังทุจริตบนนโยบายกันเพลินนายทุน นักตัดไม้ทำลายป่าก็ยังมีความสุขกับการโค่นป่า นักบุกรุกที่ดินหลวง แผ้วถางยึดป่ามาปลูกมันสัมปะหลังและต้นยาง นักการเมืองยังช่อราชบังหลวง ทุจริตจากการจัดซื้อจัดจ้าง
นักการเมืองท้องถิ่นยังลาก อาวุธสงครามมาประหัตประหารกันกลางถนน ภาคใต้ระเบิดตูมตามยังอยู่ดีมีสุขทั้งหัวหน้าโจรเครือข่าย และผู้ปฏิบัติการ นักค้าน้ำมันเถื่อนยังลอยเต็มทะเล เศรษฐีใหม่ที่ร่ำรวยมาจากการค้ายาเสพติด ยังพบเห็นและเจอตัวได้ไม่ยาก ขั้นตอนการทำงานของดีเอสไอ
ผมและชาวบ้าน หลายคนยอมรับว่างงฮะ ไม่รู้ว่าคดีเกิดยังไง คดีแบบไหนเรื่องใหญ่เรื่องเล็กเท่าไหร่ ดีเอสไอถึงจะเข้ามาเกี่ยวข้อง เห็นแต่วันๆ นายใหญ่ที่ดีเอสไอโผล่อยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์หน้าตาก็ไม่หล่อ อ่านกฎหมายดูกฎหมายก็ครือๆ พูดหรือให้สัมภาษณ์ในเวลาเดียวกันขึ้นต้นฉะฉาน แม่นกฎหมาย แต่พอลงท้ายบอกไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรื่องที่สั่งการลงไปจะมีผลต่อเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือเปล่า
ถ้าคนอย่างนายใหญ่ของดีเอสไอหันหน้าหันหลังพูดไม่เหมือนกันแล้วจะให้ชาวบ้าน ไปถามไอ้ปื๊ดไอ้ป่องที่ไหน ผมอาจไม่รู้เรื่องโครงสร้างของการทำงานที่นั่น แต่ผมก็เปรียบเทียบได้กับกองปราบปรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองปราบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อเทียบกับดีเอสไอกองปราบคงเป็นแค่แผนก เล็กๆ ของดีเอสไอ
แต่วันนี้ชาวบ้านหลายคนรวมทั้งกระจอกข่าว ก็เม้าท์กันว่ากองปราบเจ๋งกว่าเยอะ ทั้งที่ในอดีตก่อนที่จะมีดีเอสไอ นักการเมืองเลว ข้าราชการใหญ่ฉ้อฉล หวั่นและหวาดผวาว่าถ้าเกิดหน่วยงานนี้ดีเอสไอขึ้นมาเต็มรูปแบบวันไหนจะต้อง ดำเนินชีวิตการทำงานแบบฉ้อฉนหรือช่อราษฎร์บังหลวงลำบากยิ่งขึ้น เมื่อหน่วยงานนี้ตั้งเสร็จทำงานผ่านมาหลายปีหลายคนที่คิดล่วงหน้า “นึกว่าตายแต่สบายซ้ำ”
ทุกครั้งที่โผล่มาหน้าจอทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อ ต่างๆ ถึงแม้จะหยิกย้ำตลอดเวลาว่าตรงไปตรงมา เป็นกลาง ก็ไม่รู้ว่ากลางทะเลเท้งเต้งหาฝั่งไม่เจอหรือเปล่า เวลาให้สัมภาษณ์พูดกระอึกกระอักหน้าดำคร่ำเครียด แฝงไปด้วยความกังวล ถึงแม้จะประดิษฐ์คำมาก่อนหน้านั้น พอเจอกระจอกข่าวสวนกลับและเซ้าซี้ก็หลุด
เรื่อง ทำนองนี้ต้องดูที่มาของนายใหญ่รายนั้นว่ามายังไง มาจากไหน มาตอนที่ใครเป็นใหญ่ ไม่มีมนุษย์ที่ไหนจะส่งเสริมคนอื่นแล้วให้มาฆ่าตัวเอง ก็อยากจะบอกนายใหญ่ของดีเอสไอว่าเดี๋ยวนี้ชาวบ้านก็ไม่ได้กินแกลบจนไม่รู้ ห้ารู้สาม ไม่รู้ดีรู้ชั่ว
ชีวิตวันนี้และภาวะตรงนี้การเอาบ้านเมืองหรือตำแหน่งหน้าที่ไปตอบสนองใครต่อใครเป็นเรื่องเปราะบาง
วันนี้ ชาวบ้านก็ลำบากจริงๆ ลำบากยากเข็ญ ทำมาหากินก็ย่ำแย่ เสร็จจากงานการที่บ้านจะดูทีวีหาอะไรดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตและอารมณ์ แต่ต้องมาไล่จับพฤติกรรมของคนใหญ่คนโตในบ้านนี้เมืองนี้ไม่เว้นแต่ละวัน อันนี้ถือว่าเป็นเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนหรือเปล่า ใครตอบได้วานที ยังไงก็ลดๆ ลงบ้างก็ดี
อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน เพราะคนที่อยู่นอกจอทีวีอาจจะรักชาติมากกว่าพวกท่านเสียอีก เรื่องแบบนี้อย่ามาผูกขาดเสียให้ยากจริงไหมฮะท่านผู้มีอำนาจวาสนา ติงกันมาเผื่ออะไรมันจะดีขึ้น
ที่มาบทความ: บ้านเมืองออนไลน์
คอลัมน์ :ที่นี่ประเทศไทย : ดีเอสไอ โดย ธนันดร กรกต
วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2553
เมื่อเวลา 9:35:00
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น