วันอังคาร, กรกฎาคม 06, 2553

ไทยรัฐออนไลน์: อ้อ-อ้ายร่ำไห้ ถูกหักหลัง พายัพ-ดีเจอ้อม, จตุพรซัดอ้อ-อ้าย สายลับรัฐบาล หวังล่ากี้ร์-แรมโบ้

จาก อัลบั้มไทยรัฐออนไลน์

อ้อ-อ้าย สองผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย ร่ำไห้ ซัดถูก พายัพ ปั้นเกตุ และ ดีเจอ้อม หักหลังจนถูกจับกุมตัวได้ที่กัมพูชา นันไม่รู้เห็นเรื่องระเบิดแค่ให้เงินซื้อรถเข็นเท่านั้น...

วันที่ 5 ก.ค. 2553 พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ควบคุมตัว น.ส.วริศรียา บุญสม หรือ อ้อ อายุ 42 ปี และ นายกอบชัย บุญปลอด หรือ อ้าย อายุ 41 ปี มาลงบันทึกจับกุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 2 โดย น.ส.วริศรียา กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลดว่า ได้เข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. จริง อีกทั้งตัวเองก็ได้ทำงานในมูลนิธิ 111 ไทยรักไทยอีกด้วย ตนยอมรับว่าได้ให้นายเดชพล พุทธจง หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ เข้าพักที่บ้านพักในซอยโชคชัย 4

โดยนายเดชพล อ้างว่าต้องการมางานศพ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง เลยมาขอพักอาศัยที่บ้านเท่านั้น ทั้งนี้ นายเดชพล ได้ขอให้ตนไปซื้อรถเข็นเพื่อจะนำไปขายไก่ย่าง ซึ่งตนก็ออกเงินให้ แต่ก็ไม่ทราบว่าผู้ต้องหาจะนำไปก่อเหตุระเบิดดังกล่าว เมื่อได้รู้ข่าวว่าเกิดเหตุระเบิดที่พรรคภูมิใจไทย จึงรู้สึกตกใจมาก ซึ่งจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนขอยืนยันว่าตัวเองถูกใส่ร้าย อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเหตุ ตนได้เดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาในฐานะของนักท่องเที่ยว เพื่อไปขอความช่วยเหลือจากแกนนำคนเสื้อแดง และได้พบนายพายัพ ปั้นเกตุ และดีเจอ้อม ซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักพิง แต่กลับถูกหักหลัง ส่วนนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ ตนหาไม่เจอ

ด้านนายกอบชัย กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้จ้างวานตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่ยอมรับว่าเป็นกลุ่มแนวร่วม นปช. และเคยเข้าร่วมการชุมนุมจริง ส่วนในเรื่องของนายกำพล คำคง หนึ่งในผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว ก็รู้จักกันมาก่อนหน้าและไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ ทั้งตนถูกปรักปรำและถูกใส่ร้าย

ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพว่าเป็นคนจัดซื้อรถเข็นเงาะ แต่ได้อ้างว่าไม่รู้จะซื้อมาทำอะไร อ้างว่าจะให้ไปค้าขาย คนที่ให้เขาซื้อ เขาก็เลยซื้อให้ เป็นเรื่องธรรมชาติ ของคนถูกกล่าวหา ก็ต้องกินของถูกหน่อย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือขณะนี้ยังอยู่ในประเทศไทยกำลังตามตัวอยู่ ส่วนข้อหาจะไปเพิ่มอีกเป็นเรื่องของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ส่วนผู้ต้องหา อ้อ กับ อ้าย เป็นคนจัดหาซื้อเงาะกับรถเข็นขาย ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยให้การถึงผู้อื่นที่เรารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ส่วนผู้ต้องสงสัยไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งแต่ตนจำชื่อไม่ได้ โรงแรมตั้งอยู่ที่จังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยพักอยู่ในห้องสองคน ผู้ต้องสงสัยให้การว่า เขาเสียใจที่ทำไมหักหลังเขา ตนอยากจะให้ถามกับผู้ต้องสงสัยเองจะได้ชัดเจน ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยให้การว่า เขาถูกจับที่เสียมราฐในโรงแรม เขาไปก่อนที่จะถูกออกหมายจับเพียง 1 วัน เมื่อรู้ว่ามีคนบาดเจ็บจึงรีบเดินทางไป โดยมีการนัดกับพวกที่ถูกจับได้อีก 2-3 คน จะตามไปแล้วไปเจอกันที่เสียมเรียบ

โดยผู้ต้องสงสัยเดินทางออกไปตั้งแต่เมื่อเวลา 07.00 ของวันที่ 23 มิ.ย. เดินทางเข้าประเทศกัมพูชาในฐานะนักท่องเที่ยว โดยบอกว่าไปเจอคนไทยอยู่ที่นั้นแล้วรู้จักกัน พักอยู่ที่โรงแรมเดียวกัน คนที่รู้จักกันบอกว่าให้ลงมาข้างล่างชั้นล่างของด้านหน้าโรงแรม แล้วถูกทหารกัมพูชาจับกุม จากนั้นได้ส่งตัวไปที่พนมเปญ โดยถูกจับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ทางเจ้าหน้าที่กัมพูชา ส่งตัวไปที่กรุงพนมเปญ ทางรัฐบาลกัมพูชา ได้ติดต่อมายังสถานทูตไทย ว่าจะส่งตัวให้ ตนจึงรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เดินทางไปรับ โดยตกลงกันว่าทางเราจะรออยู่ที่เครื่องบิน ผู้ถูกจับกุมยังให้การว่าถูกพรรคพวกหักหลัง ชื่อ ดีเจอ้อม กับนายพายัพ ปั้นเกตุ โรงแรมนั้นมีคนไทยพักกันอยู่หลายคน

ส่วนจะรวมถึงนายอริสมันต์ พงษ์เรื่องรอง ด้วยหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยไม่ได้พูดถึงนายอริสมันต์ ตนจะปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยพูดเอง มีอะไรก็พูดออกมาอยากพูดแค่ไหนก็พูดมา แต่ผู้ต้องสงสัยบอกว่าเขาสองคนไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าพวกนี้จะมาวางระเบิด บอกเพียงว่าให้ไปซื้อรถเข็นกับเงาะในราคา 5,000 บาท เขาก็ซื้อให้ โดยบอกว่าจะเอาไปขายหมูย่างไก่ปิ้ง คนที่พูดคือคนที่ถูกจับไปแล้ว ชื่อนาย เดชพล เป็นคนให้ไปซื้อ เขาก็ไปซื้อให้ เดชพล บอกว่า เขาจะไปขายไก่ปิ้ง จึงไปซื้อให้

ทั้งสองคนเป็นแฟนกัน คนชื่อ อ้าย มีอาชีพค้าขายพลอยอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ส่วนผู้หญิงเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นนักออกแบบ พวกนี้ไม่ใช่แกนนำคนเสื้อแดง แต่เป็นคนอยู่ในกลุ่มนิยมชมชอบ เป็นผู้ร่วมชุมนุม ไม่ใช่แกนนำ เป็นพวกมีแนวความคิดร่วมกัน คงไม่มีเงินพอที่จะไปสนับสนุนได้ โดยอ้ายกับอ้อ ตอนนี้อยู่ระหว่างคดีเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด โดยทางนายเดชพล บอกว่าเป็นผู้จ้าง แต่ทางอ้ายกับอ้อ บอกว่าไม่ได้จ้าง เพียงแต่บอกว่ามาขออาศัยอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นตึกแถว เป็นบริษัท ออกแบบที่ซอยโชคชัย 4 โดยซื้อรถเข็นย่านนั้น แล้วประกอบระเบิดกันที่บ้านหลังดังกล่าว

ส่วนยังจะมีผู้ต้องหาที่เหลืออีกกี่คน ที่ต้องตามจับ พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า อีก 2 คน ชื่อสำราญ อีกคนชื่อ นายอ้วน หรือ หน่อง ตอนนี้พยายามติดตามตัวอยู่ ต้องรอการสอบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษก่อน แต่เชื่อว่าน่าจะได้ผลดี จากนี้ต่อไปเมื่อส่งผู้ต้องสงสัยแล้ว ถือว่าตำรวจหมดหน้าที่ ตอนนี้เราทำหน้าที่จับตามหมายจับเท่านั้น

ด้าน การจับกุมครั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีการจัดฉากหรือเปล่า พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า มันก็ไม่รู้ว่าจะจัดฉากไปทำไม ส่วนเพราะเหตุใด รัฐบาลกัมพูชา จึงส่งตัวให้ทางการไทยง่ายดาย นั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ตรงนี้คือปัญหา เรายังคิดไม่ออกเหมือนกัน แต่ผู้หญิงที่นั่งมากับเราระหว่างเดินทางกลับ ได้นั่งร้องไห้มาตลอดทาง โดยบอกว่าเขาถูกหักหลัง มีการนัดหมายกันที่จังหวัดเสียมราฐ และตนเชื่อว่ายังมีกันอยู่ที่นั้นอีกหลายคน โดยมีการเอ่ยชื่อ ดีเจอ้อม ตนก็ไม่รู้จัก และมีการเอ่ยชื่อมา 3 - 4 คน แต่ที่ตนคุ้นหูชื่อ ดีเจ อ้อม เชียงใหม่ และนายพายัพ ปั้นเกตุ ทั้งสองได้ถูกออกหมายจับแล้ว แต่ตอนนี้ยังจับไม่ได้เพราะอยู่ที่ประเทศกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานอยู่

โดยในรายละเอียดเกี่ยวกับการที่ทางการกัมพูชา ส่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้กับทางการไทยในครั้งนี้ ควรจะไปถามที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศ เพราะเป็นคนที่จะรู้เรื่องนี้ดี อีกคนคือนายกิตติพงศ์ ณ ระนอง อธิบดีกรมอาเซียน จะรู้เรื่องดี เพราะว่าเป็นคนติดต่อตนมาให้ไปรับส่วนจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่อย่างไร พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่คิด ขี้เกียจคิด เอาสมองไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า ตอนนี้ต้องรอการสอบสวนก่อนว่าจะไปถึงไหน ส่วนผู้ต้องหารายนี้จะผิดจริงหรือไม่ ตนขอยืนยันรับรองด้วยเกียรติ ว่าพวกนี้กระทำจริง

--------------------------------------------------


จตุพรซัดอ้อ-อ้าย สายลับรัฐบาล หวังล่ากี้ร์-แรมโบ้

จาก อัลบั้มไทยรัฐออนไลน์
นายจตุพร พรหมพันธุ์

จตุพร พรหมพันธุ์ ซัด อ้อ-อ้าย สายลับรัฐบาล ชี้เหตุถูกทางการกัมพูชา ส่งตัวให้ไทย เพราะแฝงตัวไปหวัง สืบหา อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และ สุพร อัตถาวงศ์ ยัน 4 ผู้ต้องหาบึมภูมิใจไทย ไม่ใช่การ์ด นปช.

ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา วันที่ 5 ก.ค. 2553 ศาลนัดไต่สวนในคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ร้อง มอบอำนาจให้ นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความ ยื่นคำคัดค้านการออกหมายจับ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขอหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1-3 ที่ศาลอาญา อนุมัติหมายจับไปเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา

นัดนี้ทนายความผู้ร้องนำนายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ขึ้นเบิกความถึงประเด็นที่มาร่วมอุดมการณ์ดำเนินกิจกรรมการเมือง ภายใต้การเป็นผู้นำพรรคการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า หลังจากเกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ตนและกลุ่ม ส.ส. ส่วนหนึ่ง เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะฮ่องกง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าตนและครอบครัวเป็นคนไทย ต้องกลับไปตายที่ประเทศไทย โดยศาล นัดไต่สวนพยานปากต่อไปวันที่ 8 พ.ย.53 เวลา 13.30 น.

ขณะเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวระหว่างเดินทางไปที่ศาลอาญา ถึง กรณีเตรียมยื่นฟ้องหมิ่นประมาท นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า มอบหมายให้ทนายความ ยื่นฟ้องนายเทพไท ฐานหมิ่นประมาทฯ ต่อศาลอาญาแล้ว หลังจากมีการกล่าวหาว่าตนนำประชาชนไปก่อกวนที่บริเวณศาลอาญาในวันที่มีการฝากขัง 11 แกนนำ นปช. เป็นความเท็จทั้งสิ้น

ส่วนที่กล่าวหาว่าตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง หรือวางแผนตากสิน2 ลอบสังหารบุคคลสำคัญนั้น ยืนยันว่าแผนดังกล่าวเป็นความเท็จ มีหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นผู้สร้างสถานการณ์ขึ้นมา ตนไม่เคยมีแผนใดๆ เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ ที่ผ่านมายึดแนวทางสันติวิธี ในทางตรงกันข้ามพวกตนกลับตกเป็นเป้าลอบทำร้าย จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้หยุดใส่ร้ายประชาชน ที่ไม่มีโอกาสชี้แจง

นายจตุพร ยังกล่าวถึงการจับกุมตัวสองผู้ต้องหาก่อวินาศกรรมพรรคภูมิใจไทยที่ทางการเขมรส่งตัวกลับมา ว่า ได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.แล้ว ทำให้เกิดความสงสัยในพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสอง ว่าหลังจากทั้งสองเข้าไปประเทศกัมพูชาแล้ว มีการกล่าวอ้างว่า ต้องการพบตัวแกนนำ นปช.เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน จะไปพบกันได้ที่ไหน ทางการกัมพูชา เกรงว่าจะเป็นการส่งสายลับมาหรือไม่

นอกจากนี้ มีการกล่าวอ้างว่า กลุ่มแกนนำ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา ส่งผู้ต้องหาทั้งสองไป เป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะ พ.อ.อภิวันท์ ปฏิเสธไม่รู้จักผู้ต้องหาทั้งสอง ทางการกัมพูชา จึงสงสัยต่อพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากกัมพูชาเคยปฏิเสธแล้วว่า นายอริสมันต์ และนายสุพร ไม่ได้อาศัยในประเทศ เมื่อลำดับเหตุการณ์ระเบิดที่พรรคภูมิใจไทย ด้วยรถเข็นเงาะ ได้ค่าจ้างแค่สองพันบาทเป็นเหมือนนิยาย คดีนี้จึงน่าสงสัยว่าเป็นการจัดฉากอย่างชัดเจน ตนไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งสอง และยืนยันว่าผู้ต้องหาอีก 2 คนที่ถูกจับตั้งแต่แรกไม่ใช่การ์ด นปช.แหลมฉบัง พวกนี้ไม่ใช่แนวร่วมเดียวกันตนจึงไม่กลัวว่าจะเสียแนวร่วม เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นรัฐบาลคือผู้ได้ประโยชน์ ขณะที่พวกตนเสียประโยชน์.
--------------------------------------------------------

จาก อัลบั้มไทยรัฐออนไลน์

เทือกมั่นใจจับ'อ้อ-อ้าย'สาวถึงหัวขบวน

"เทพเทือก" ฟุ้งจับกุมอ้อ-อ้าย สาวต่อหัวขบวนก่อการร้าย เร่งประสานเขมรไล่ล่าผู้ต้องหาสำคัญต่อ ส่วนจะส่งทูตกลับหรือไม่ต้อค่อยดูกันต่อไป...

เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายกอบชัย บุญปลอด หรืออ้าย และ น.ส.วริศรียา บุญสม หรืออ้อ สองผู้ต้องหาจ้างวานวางระเบิดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เชื่อว่าการสอบสวนสองคนนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานและข้อมูลสาวไป ถึงผู้ร่วมกระบวนการอื่น ๆ ได้มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เท่าที่สอบปากคำผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่รายงานและยืนยันมาแล้วหรือไม่ว่ามีความเกี่ยวข้องกับการจ้าง วานและมีความผิดจริง นายสุเทพ กล่าวว่า เราอย่าเพิ่งไปตัดสินอย่างนั้น ซึ่งเมื่อได้ตัวมาแล้วเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย จะมีความผิดจริงหรือไม่ ต้องไปพิสูจน์กัน แต่เท่าที่ได้ฟังรายงานจากเจ้าหน้าที่ทราบว่าพยานหลักฐานที่สอบสวนมานั้น เชื่อว่าสองคนนี้เป็นผู้ที่ร่วมดำเนินการในการกระทำความผิดในครั้งนี้ และเป็นคนสำคัญที่อยู่ในกลุ่มของผู้กระทำความผิด

ส่วนการประสานงานกับรัฐบาลกัมพูชาในการจับกุมบุคคลอื่นนั้น นายสุเทพ ยังเป็นเรื่องที่ตนตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า การส่งตัวผู้ต้องหาสองคนนี้มาให้จะเป็นการเปิดทางให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับกัมพูชาดีขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตอบยากจริง ๆ และคงต้องขอดูรอดูเหตุการณ์อีกสักระยะหนึ่ง เอาเป็นว่าในชั้นนี้ ตนขอขอบคุณที่เจ้าหน้าที่และรัฐบาลกัมพูชาช่วยจับกุมผู้ ต้องหาให้กับรัฐบาลไทย อย่างไรก็ตาม ยังตอบไม่ได้ว่าไทยจะส่งทูตกลับไปประจำในกัมพูชาหรือไม่ เพราะคงต้องค่อย ๆ ดูกันต่อไป ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ..


ไทยรัฐออนไลน์
• โดย ทีมข่าวการเมือง
• 6 กรกฎาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น