วันพฤหัสบดี, เมษายน 05, 2555
สงครามมวลชน
สงครามมวลชน
น่ายินดีที่ปฏิกิริยาต่อเหตุระเบิดรุนแรงใน 3 จังหวัดบริเวณชายแดนภาคใต้ครั้งล่าสุด ทั้งที่ยะลา ปัตตานี และหาดใหญ่
ทั้งของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ระดับสูง เป็นไปอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง
ในด้านหนึ่งแม้จะกำชับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดระมัดระวังมากขึ้นในการรักษาความปลอดภัย
แต่ก็มีการตอกย้ำมิให้การปฏิบัติการนั้นเกินเลยจากขอบเขตที่ควร
เพราะมีบทเรียนจากในอดีตให้เห็นอยู่แล้วว่า หากเมื่อใดที่ความระวังข้ามขั้นไปสู่ความระแวง
ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชนในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะลดน้อยถอยลงไปเป็นลำดับ
เพราะเมื่อฝ่ายก่อความไม่สงบ เลือกใช้วิธีรุนแรงและไม่เลือกเป้าหมายในการลงมือปฏิบัติการ ในอีกด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการลดขนาดมวลชนของตนเองลงมา
ซึ่งจะยิ่งเป็นจังหวะและโอกาสของฝ่ายรัฐที่จะต้องเข้าไปผูกมิตรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชน
เพื่อช่วงชิงมวลชนกลับคืนมาให้มากที่สุด
การตอบโต้ด้วยวิธีตาต่อตาหรือฟันต่อฟันโดยไม่รู้เป้าหมายที่ชัดเจน มีแต่จะทำให้รัฐอยู่ในสถานภาพเดียวกันกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย นั่นคือไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้
รัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐย่อมไม่ปรารถนาให้สภาวะเช่นนี้เกิดขึ้น
ความเป็นจริงในหลายปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวทางการทหารนำการเมือง หรือการปราบปรามความไม่สงบด้วยกำลังอาวุธที่รุนแรงพอกันหรือยิ่งกว่านั้น ไม่อาจสามารถยุติความรุนแรงได้
ในทางตรงข้าม ในบางช่วงบางพื้นที่ การใช้กำลังยังเป็นการขยายความรุนแรงให้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป
ฉะนั้น ยิ่งฝ่ายก่อความไม่สงบใช้ความรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่ ฝ่ายรัฐยิ่งจะต้องตอบโต้ด้วยแนวทาง เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา
ให้มากยิ่งขึ้นไปกว่านั้นหลายเท่า
ปราศจากมวลชน การเคลื่อนไหวทางการเมืองหรืออาชญากรรมใดๆ ก็มีแต่จะหดแคบเรียวลง
คำถามมีอยู่ว่ารัฐดำเนินการช่วงชิงมวลชน อย่างจริงจังเพียงใด
(จากบทบรรณาธิการ ข่าวสดออนไลน์ : 05-04-2012)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น