วันอังคาร, มิถุนายน 21, 2554
นารีขี่ม้าขาว’พิชิต‘ดีแต่พูด’
‘นารีขี่ม้าขาว’พิชิต‘ดีแต่พูด’
นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นายกสมาคมครอบครัวอบอุ่นและเป็นสุข และอดีต ส.ว.ขอนแก่น มองว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่กดขี่ผู้หญิงมากที่สุด แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดถึงความเท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย และถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงจะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทยด้วยการมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ด้วยเหตุผลดังนี้
การก้าวสู่ถนนการเมืองของคุณยิ่งลักษณ์
คิดว่าเป็นความชื่นใจและเป็นโอกาสที่อยากจะเห็นมานานมากแล้ว ทั้งๆที่กฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ว่าฉบับไหนก็ระบุถึงความเท่าเทียม ความเสมอภาค แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ ไม่มี และเป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังติดอยู่ในสังคมไทยที่มีอคติกับผู้หญิง คือเป็นสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยที่มีผู้ชายเป็นใหญ่มักจะมองว่าผู้หญิงทำได้แค่ในกรอบของการบ้านการเรือน หรือไม่มีความสามารถที่จะเข้ามาทำงานด้านการบริหารประเทศ บทบาททุกๆด้านของผู้หญิงจึงถูกมองว่ายังอ่อนด้อยอยู่
แม้ว่าโอกาสที่จะเข้ามามีส่วนร่วม มาทำงานในวงการการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นในด้านการบริหาร การปกครอง เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม ผู้หญิงถูกมองว่าอ่อนด้อยทุกด้าน มาถึงวันนี้ผู้หญิงเราในภาคของธุรกิจเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นผู้บริหารและเป็นผู้นำองค์กรเยอะ แต่ในภาคราชการยังกดผู้หญิงอยู่ เช่น เวลาสอบเข้ารับราชการผู้หญิงจะสอบได้มาก แต่พอจะขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยหรือตำแหน่งผู้บริหารมักจะถูกกดไว้
พอมีผู้หญิงเข้ามาสู่การเมืองก็จะถูกมองว่าอ่อนด้อย ไม่เท่าผู้ชาย ไม่สามารถทำโน่นทำนี่ได้ เพราะผู้หญิงมีอารมณ์ ไม่มีเหตุผล มีอารมณ์เป็นตัวนำ เรื่องใหญ่ๆทำไม่เป็น คิดไม่เป็น ไม่กล้าตัดสินใจ มีจิตใจโลเล นี่คือภาพที่ถูกวาดโดยสังคมที่มีอคติในสังคมที่มีผู้ชายเป็นใหญ่ ตรงนี้บอกได้เลยว่าเป็นความคิดที่ผิดที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมานานแล้ว และเรากำลังรอการพิสูจน์ตรงนี้
เมื่อมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก้าวเข้ามาสู่ทิศทางนี้ก็เป็นเหมือนกับสังคมการเมืองไทยของประเทศไทยที่ว่าใครจะเดินมาสู่การเมืองได้ต้องมาจากครอบครัว เช่น ผัวตาย ผัวโดนเลขที่ 111 หรือ 109 หรือลูกโดนกระทำ หรือถูกพัก หรืออะไรต่างๆ แม่หรือเมียถึงจะเข้ามา เป็นอย่างนั้นจริงๆ
อย่างกรณีคุณยิ่งลักษณ์ก็เป็นกระแสจากตรงนี้ส่วนหนึ่งที่ทำให้ต้องลุกขึ้นมาสู้ เพราะครอบครัวเขา พี่ชายเขา (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมจนต้องระเห็จไม่ได้อยู่ผืนแผ่นดินไทย จึงเป็นเรื่องของแรงผลักเข้ามาสู่การเมืองไทย คือมาจากสิ่งที่กดดันครอบครัว ทำให้ต้องลุกมาต่อสู้และเข้าสู่ถนนการเมืองในที่สุด
ถ้าถามว่าคุณยิ่งลักษณ์กับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ความได้เปรียบเสียเปรียบเป็นอย่างไร และใครคู่ควรหรือเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย ขอบอกเลยว่าคุณยิ่งลักษณ์ในทางการเมืองไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณอภิสิทธิ์ คุณยิ่งลักษณ์ได้คลุกคลีทางการเมืองตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ รุ่นพี่ ตั้งแต่คุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกเทศมนตรีเมืองเชียงใหม่ และอะไรต่ออะไรที่เขาทำกันมา คุณยิ่งลักษณ์อยู่เบื้องหลังเสมอ แต่ทีนี้ในครอบครัว ถ้าสมมุติว่าครอบครัวไหนไม่ได้เป็นครอบครัวที่เสียสละหรือเห็นแก่ผลประโยชน์ของสังคมและส่วนรวมแล้วไม่มีทางที่จะเข้ามาสู่การเมืองได้
ดังนั้น การมองว่าคุณยิ่งลักษณ์โนเนมทางการเมือง ไม่มีบทบาทเลย พี่เชื่อว่าสามารถแก้ปัญหาและตัดปัญหาไปได้ในส่วนของเหตุผลข้างต้น ทีนี้เรื่องความสามารถ คุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานบริหารองค์กรที่มีมูลค่าทุนทรัพย์เป็นแสนๆล้านบาท แม้กระทั่งการทำงานในด้านสาธารณกุศลต่างๆ เช่น มูลนิธิไทยคม สามีพี่เคยไปร่วมงานกับคุณยิ่งลักษณ์แล้วเล่าให้ฟังว่าคุณยิ่งลักษณ์เก่งมาก ไม่ว่าเรื่องการเป็นผู้นำ การตัดสินใจ การบริหารจัดการ เพราะฉะนั้นถ้าเทียบฝีมือเรื่องการบริหารระหว่างคุณอภิสิทธิ์กับคุณยิ่งลักษณ์ คุณอภิสิทธิ์เทียบไม่ติดเลย
การที่มีผู้หญิงเข้ามาเป็นแคนดิเดตในการทำงานการเมือง แล้วมีโอกาสที่จะถูกเพื่อนสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรโหวตเพื่อเลือกมาเป็นนายกรัฐมนตรี พี่คิดว่าเป็นนิมิตหมายแห่งความงดงาม เรามีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชายมา 26 คนแล้ว บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายทุกรูปแบบที่เราเจอมา เมื่อเรามีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิง มีความอ่อนโยน ความละเอียด ความรอบคอบ ความนุ่มนวล พี่เชื่อว่าในสถานการณ์ที่มีความอ่อนไหวในเรื่องของความปรองดอง ความสมานฉันท์ หรือการสร้างชาติให้เข้มแข็ง ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น พี่เชื่อมั่นว่าเราถึงยุคทองแล้วล่ะ
เราตกอับมานานแล้วตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 บ้านเมืองเราจากการเป็นแนวหน้าของอาเซียน จากการบริหารประเทศที่ได้รับการยอมรับในทักษิโณมิก การแก้ปัญหากองทุนไอเอ็มเอฟ จนกระทั่งเขางงมากว่าเมืองไทยจากเสือกลายเป็นแมวได้อย่างไร เราทำได้ชั่วพริบตาเพียงระยะเวลา 4-5 ปีเท่านั้น พอแล้วสำหรับความบอบช้ำของบ้านเมือง และลองดูผู้หญิงบริหารบ้าง พี่ขอบอกว่าพี่อยากทำงานการเมืองใจจะขาด พี่เคยคิดอยากรวมผู้หญิง สร้างพรรคที่มีผู้หญิงเป็นแกนนำบริหารงานขึ้นมา คือพรรคพลังหญิงไทย
มาถึง ณ วันนี้พี่สบายใจที่มีผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาจากครอบครัว ลุกขึ้นมาฟื้นธุรกิจของตัวเอง ลุกขึ้นมาต่อสู้ แม้ว่าแรงผลักตรงนั้นจะมาจากแรงบีบ ถูกกดจากครอบครัวที่ถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรม แต่คุณสมบัติส่วนตัวของคุณยิ่งลักษณ์และประสบการณ์การบริหารงาน พี่ว่าไม่ธรรมดา และยิ่งใหญ่ด้วย เมื่อบวกกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณซึ่งเป็นพี่ชายได้ทำไว้ พี่น้องประชาชนรักคุณทักษิณ และเชื่อว่าใครก็ตามที่มาจากสายใยของคุณทักษิณพี่น้องประชาชนก็รักด้วย
แม้ว่ากระแสของโพลหรืออะไรต่างๆจะออกมาเป็นอย่างไร พี่อยากให้รอดูของจริงดีกว่า เพราะเวลานี้พี่น้องคนรากหญ้าเป็นคนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดารู้เรื่องหมดแล้วนะ และถือเป็นนิมิตหมายใหม่ที่ประชาชนรากหญ้าต้องการลุกขึ้นมาหาผู้นำของเขาอย่างจริงจัง พี่ยังบอกไม่ได้ว่ากระแสของคุณยิ่งลักษณ์แรงแค่ไหน แต่ที่แน่นอนคือกระแสของคุณทักษิณยังแรงมากๆ ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญในการช่วยคุณยิ่งลักษณ์นำพรรคเพื่อไทยสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าบารมีของคุณทักษิณยังแรงอยู่ และจะส่งถึงผู้สมัครของเพื่อไทยทุกคน ทำให้ผู้สมัครพรรคหาเสียงง่ายขึ้น ที่สำคัญพี่น้องประชาชนรู้แล้วว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น
ถ้าได้เป็นนายกฯหญิงคนแรกของไทย
จะเป็นสิ่งที่เราเป็นอารยะ เพราะการยอมรับความสามารถของผู้หญิงเท่าเทียมผู้ชายในประเทศไทยเกิดขึ้นแล้ว โดยประชาชนเป็นเสียงสวรรค์ ถือเป็นระบอบประชาธิปไตยที่งดงามที่สุด ซึ่งระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบที่ใครจะสั่งและเอาใครมาเป็นหุ่นเชิด หรือเอาคนที่ตัวเองต้องการ ไม่ใช่แล้ว ในต่างประเทศเวลานี้พบว่ามี 11 ประเทศที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ โดยเป็นประธานาธิบดี 4 ประเทศ นอกนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี พี่คิดว่าของเราถึงเวลาแล้ว ในเอเชียมีแค่อินเดียที่มีผู้หญิงเป็นประธานาธิบดี ประเทศไทยจะดังทะลุฟ้าถ้ามีผู้หญิงเป็นนายกรัฐมนตรี พี่เชื่อในเรื่องของความนุ่มนวล ความอ่อนหวาน ความจริงจังจริงใจ จะทำให้ประเทศเราเป็นที่ยอมรับ หลังจากถูกดูหมิ่น ประณามหยามเหยียดว่าเป็นชาติที่ใกล้จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเอง
พี่ขอบอกว่าไม่ต้องห่วงว่าคุณยิ่งลักษณ์จะมาเป็นหุ่นเชิดให้คุณทักษิณ เพราะเขามีมติกรรมการบริหารพรรคอยู่แล้ว คุณทักษิณมีสิทธิเสนอแนะ ส่วนจะทำตามหรือไม่เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค คุณยิ่งลักษณ์จะเชื่อพี่ชายโดยไม่ฟังคนอื่นเลย พี่เชื่อว่าคงไม่ทำแบบนั้น เพราะการทำงานในระบอบประชาธิปไตยมติพรรคเป็นเรื่องสำคัญ และการทำงานถ้าจะประสบความสำเร็จเราต้องมีฐานประชาชนหนุน ผู้ที่จะมาทำงานกับเราต้องได้รับการเกียรติและการยอมรับ คุณทักษิณมีสิทธิเสนอความคิด และถ้าเป็นความคิดดีๆ คนรากหญ้าได้ประโยชน์ ทำไปเลย ถ้าใครมีอำนาจรัฐแต่ไม่มีประชาชนหนุนหลัง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ จะอยู่ได้ไม่นาน
นายกฯคนต่อไปถูกมองไม่เป็นตัวของตัวเอง
การที่ทั้งคุณอภิสิทธิ์และคุณยิ่งลักษณ์ถูกมองว่าไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง เช่น คุณอภิสิทธิ์ถูกมองว่าเป็นนอมินีของกองทัพและระบอบอำมาตย์ ขณะที่คุณยิ่งลักษณ์ถูกมองว่าเป็นนอมินีของคุณทักษิณ เรื่องนี้พี่คิดว่าไม่พ้นที่จะต้องถูกมองเช่นนี้ คือสังคมไทยมองในทางลบมากกว่าทางบวก พี่อยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าในสภาพของความเป็นจริงคุณอย่าหลอกกันเลย ทุกวันนี้คุณยิ่งลักษณ์ถูกมองว่าเป็นนอมินีคุณทักษิณ แต่จะให้เขาลาออกจากความเป็นพี่เป็นน้องไม่ได้ สิ่งที่ตระกูลเขาถูกกระทำ ถ้าเป็นคุณอภิสิทธิ์หรือคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คุณเจ็บปวดหรือไม่
ถ้าคุณอภิสิทธิ์หรือคุณสุเทพเป็นพ่อแม่ของคนที่ถูกฆ่าในเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 คุณรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่ เพราะฉะนั้นความจริงหนีไม่พ้น คนจะมองอย่างไรห้ามไม่ได้ แต่หัวใจของผู้หญิงที่เข้ามาทำงานการเมือง พี่คิดว่าเขาตัดสินใจดีแล้วว่าโดนกระหน่ำแน่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องครอบครัว ทำไมเป็นนางสาว ทำไมไม่ใช้นามสกุลสามี อย่างโน้นอย่างนี้สารพัด นี่คือสิ่งเลวร้ายของสังคมไทยที่วาดภาพผู้หญิงที่เข้ามาเล่นการเมืองว่าเลวเสมอ เหมือนกับพี่ ช่วงที่เข้ามาเล่นการเมืองก็โดนสารพัด แต่พี่ไม่สน
ทีนี้มาถึงคุณอภิสิทธิ์ คุณมีความสามารถในการรวมพรรคการเมืองต่างๆมาสู้กับพรรคเพื่อไทยจนกระทั่งได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไปจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ซึ่งใครๆก็รู้อย่างเต็มอก ตรงนี้ไม่ต้องมาตั้งคำถามกับพี่เลย ภาพของคุณติดอยู่ตรงนั้นแล้ว คุณเป็นเด็กที่ถูกสร้างมาจากค่ายทหาร ประเทศไทยไม่ใช่ของคุณคนเดียว ไม่ใช่ของคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก และไม่ใช่ของคุณสุเทพ แต่เป็นของประชาชนภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่สำคัญภาพของคุณอภิสิทธิ์ในช่วงที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ใครเป็นคนสั่งต้องสู้กันในศาล คุณจะได้รับความยุติธรรม ขอย้ำว่าภาพของคุณหนีไม่พ้นกับการเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดอย่างที่เขาพูดกัน พี่ไม่ต้องพูด ทั้งสายตาหรือคนเป็นกลางที่มองถึงปัญหาของสังคมไทย คุณหนีไม่พ้นภาพตรงนั้น คุณจะเป็นหุ่นเชิดของใครก็หนีไม่พ้น เหมือนคุณยิ่งลักษณ์ก็หนีไม่พ้น ทุกคนมีภาพลักษณ์ของตัวเองที่ติดตัวแล้ว ไม่ใช่จะล้างกันง่ายๆ ตรงนี้จะติดตัวไปเสมอ ดังนั้น พี่เชื่อว่าผู้หญิงทำอะไรเอาจริงเอาจัง อย่างคุณยิ่งลักษณ์ ลองดูสายตาเขาสิ เขาจริงจัง และผู้หญิงเราต้องสวย เก่ง เด็ดเดี่ยว กล้าหาญ ไม่กลัวใครด้วย
ฝากอะไรกับคุณยิ่งลักษณ์หากได้เป็นนายกฯ
อยากให้คุณยิ่งลักษณ์แก้ไขปัญหาสังคมเป็นเรื่องแรก โดยให้ทุกครอบครัวมีความอบอุ่นและเป็นสุข ฐานตรงนี้จะนำไปสู่การสร้างชาติ สร้างบ้าน สร้างเมือง เวลานี้เรื่องศีลธรรม คุณธรรมตกต่ำมาก เพราะปัจจุบันมีการทุจริตคอร์รัปชันโดยไม่ละอายเกรงกลัวต่อบาป และทำได้โดยไม่คำนึงถึงว่าความถูกคืออะไร ทำผิดจนกระทั่งโฆษณาประกาศเชิญชวนให้คนเชื่อว่าอันนั้นเป็นสิ่งที่ถูก ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะฉะนั้นพี่อยากให้คุณยิ่งลักษณ์ให้ความสำคัญกับสังคมเป็นเรื่องแรก
เรื่องที่ 2 คือเรื่องปากท้อง ทำอย่างไรจึงจะสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน สร้างโอท็อป พัฒนาพื้นที่ขึ้นมา พัฒนารายได้ให้กับคนรากหญ้า ขอบอกว่าขณะนี้คนรากหญ้าไม่มีจะกินแล้ว ควรหากองทุนให้เขาทำและขยายตลาดให้กว้างไกลออกไป ประเทศต่างๆกินน้ำมันไม่ได้ แต่เขากินสิ่งต่างๆที่มีอยู่ในประเทศไทยได้ ตรงนี้พี่เชื่อในความสามารถของคุณยิ่งลักษณ์ว่าทำได้ และเท่าที่เห็นในประเทศไทยที่ผ่านมามีการเพิ่มเงินเดือนหรือสวัสดิการทั้งหลายให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่า แต่เราไม่เคยพูดว่าจะหาเงินมาได้อย่างไร ถ้าพี่น้องเรามีรายได้ก็อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อาชญากรรมจะลดน้อยลง
เรื่องที่ 3 ที่อยากเห็นมากๆคือ การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจัง เวลานี้ที่ปัญหายาเสพติดและปัญหาอาชญากรรมมีมากเพราะการกินหัวคิวเยอะ และการเข้าสู่ตำแหน่งต้องใช้เงิน นี่คือปัญหาที่ต้องปราบให้ได้ ถ้าปราบได้แล้วเรื่องความยุติธรรม ความเป็นธรรมในระบอบของคุณธรรมต้องตามมา จะส่งผลให้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันหมดไป
ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับ 315 วันที่ 18 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554 หน้า 18 - 19 คอลัมน์ ฟังจากปาก โดย กิตติพิชญ์ ยิ่งวรการสุข
2011-06-17
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น