วันอังคาร, พฤษภาคม 17, 2554

เปิดกึ๋น "พท.-ปชป." ประชันแคมเปญ อภิสิทธิ์...ทำจริง ? ยิ่งลักษณ์...ทำได้ ?


เปิดกึ๋น "พท.-ปชป." ประชันแคมเปญ อภิสิทธิ์...ทำจริง ? ยิ่งลักษณ์...ทำได้ ?


น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์คนใกล้ชิด "ชวน หลีกภัย" เพื่อนรู้ใจ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นอกจากเป็นโฆษกพรรคอายุงานการเมือง 10 ปี เขายังเป็น 1 ใน 9 คณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อการ เลือกตั้ง แคมเปญเลือกตั้ง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ-การเมือง จึงอยู่ในหัว-ท่องอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา

ทั้งตัวเลข 300,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท 6,000 ล้านบาท เพื่อประกันภัยพืชผลเกษตรกร ตัวเลขปีละ 10,000 ล้านบาท สำหรับกองทุนเศรษฐกิจพอเพียงประจำตำบลละ 1-2 ล้าน แผนการลงทุนระบบขนส่งมวลชน-รถไฟฟ้า 450,000 ล้านบาท

นโยบายอะไร ? จะทำให้ประชาธิปัตย์ชนะคู่แข่ง "หมอบุรณัชย์" มีคำตอบ

- "เดินหน้าต่อไปด้วยนโยบายเพื่อประชาชน" จับต้องยากหรือเปล่า

ผมคิดว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2548-2550 ไม่สามารถนำไปสู่ทางออก ซ้ำยังทวีความขัดแย้งแตกแยกมากขึ้น ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือประชาชน และเมื่อพรรคการเมืองหนึ่งมีการเคลื่อนไหวไม่ใช่เพื่อการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ แต่แก้ปัญหาของคนที่มีส่วนได้สˆวนเสียทางการเมือง

ฉะนั้น สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์นำเสนอคือ ถึงเวลาแล้วที่บ้านเมืองจะเริ่มต้นเรียนรู้กับบทเรียนราคาแพง ซึ่งคนเหล่านี้ควรจะมีสิทธิ์ในการกำหนดอนาคตของตนเอง จึงเป็นแนวคิดที่ว่า "ต้องเดินหน้าต่อไป"

- นโยบายที่เป็นรูปธรรมและแตกต่างกับพรรคคู่แข่งคืออะไร

การเสนอลดภาษีนิติบุคคลของพรรคเพื่อไทย ความเป็นจริงขณะนี้คือ บริษัทไทยทั้งหมดมีอัตราภาษีที่จ่ายจริงไม่ถึง 30% โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 18% เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ยังแจ้งว่าตนเองอยู่ในภาวะขาดทุน ขณะที่บริษัทที่ได้ประโยชน์คือ บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริษัทโทรคมนาคม ธุรกิจพลังงาน บริษัทขนาดใหญ่ และค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ นั่นหมายความว่าแก้ปัญหาไม่ตรงเป้า

- เป็นจุดอ่อนหรือจุดแข็งของ ปชป.ที่แคมเปญต้องการคำอธิบายมากกว่า "นโยบายบรรทัดเดียว"

ข้อแตกต่างของ พท.และ ปชป.คือ สิ่งที่ทำได้จริงกับสิ่งที่ทำแล้วไม่เกิดผล เช่น การขึ้นค่าแรงทันที 300 บาท จะมีผลตรงกันข้ามกับความตั้งใจให้แรงงานได้รับค่าแรง เพราะผู้ประกอบการไม่สามารถจ้างแรงงานในราคาที่ต่ำกว่านี้ได้ ขณะที่ของเราเพิ่มค่าแรง 25% ภายใน 2 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการวางแผนล่วงหน้าได้

ข้อแตกต่างที่ชัดเจนอีกประการหนึ่งคือ การสร้างรถไฟฟ้า 10 สายที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะทำทั้งหมด โดยอัตราค่าโดยสาร 20 บาท ไม่ต่างอะไรกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศเมื่อ ปี 2544 ว่าจะสร้างรถไฟฟ้าขบวนแรก ข้อเท็จจริงคือสมัยนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่สายเดียว ดังนั้นประชาชนจะแยกแยะออกระหว่างนโยบายที่ประกาศเพื่อสร้างกระแสกับนโยบายที่ทำได้จริง และพร้อมทำทันทีเมื่อได้เป็นรัฐบาล

- แคมเปญแบบ "บรรทัดเดียว" ของเพื่อไทยเคยชนะมาแล้ว 3 รอบ

ผมกล้าท้าเลยว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำมา 2 ปี เช่น เรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500 บาท ประกันรายได้เกษตรกร ลดค่าก๊าซหุงต้ม ตรึงน้ำมันดีเซล ผมเชื่อว่าชาวบ้านจำได้ไม่น้อยกว่าโครงการที่ทำมาในรัฐบาลก่อน เช่น OTOP กองทุนหมู่บ้าน หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ดังนั้นสิ่งที่ พรรคเคยประกาศไปไม่ว่าจะเป็น "วาระประชาชน-ประชาชนต้องมาก่อน-แผนปฏิบัติการ 99 วันทำได้จริง" ได้พิสูจน์แล้วว่า สัญญาที่เคยให้ไว้ไม่ได้เป็นแค่ คำพูดแต่เป็นรูปธรรม

- แคมเปญที่คนเมืองจับต้องได้คืออะไร

เราเลือกลงทุนโครงการขนาดใหญ่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะต่อไปได้ถึงสมุทรปราการ สายสีแดงก่อสร้างไปแล้ว 50% เพื่อต่อสายจากบางซื่อ-ตลิ่งชัน สาย สีม่วงบางใหญ่-บางซื่อจะเสร็จภายในปี 2557 และในปี 2558 สายสีแดงจะติดต่อถึงธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อสนับสนุน การสร้าง low cost airlines ที่สนามบินดอนเมือง

ขณะเดียว กัน สายสีน้ำเงินเพื่อให้วิ่งวนบางซื่อ-ตลิ่งชัน-หัวลำโพงจะเสร็จภายในปี 2559 นั่นคือแผนขยายโครงการรถไฟฟ้าทั้งสิ้น 12 สาย ระยะทางกว่า 509 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้สำเร็จไปแล้ว 165 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน ใช้เงินลงทุน 1.5 แสนล้านบาท

ขณะที่รถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง จะทำให้เกิดเมืองท่าเป็นศูนย์กระจายสินค้าในเขตอาเซียน ซึ่งจะทำควบคู่กับการย้ายท่าเรือคลองเตย ไปอยู่ที่แหลมฉบัง และแปรสภาพที่เป็นอยู่ของท่าเรือคลองเตยให้เป็นพื้นที่ สวนสาธารณะ

ขณะเดียวกันการพัฒนาพื้นที่ตะวันออกจะถูกสร้างเป็น harbor city เป็น การพัฒนาชายฝั่งที่ครบวงจร

- harbor city จะเทียบกับนโยบายถมทะเลของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณทักษิณเสนอนโยบายแบบนี้ ก่อนหน้านี้เสนอโครงการแหลมผักเบี้ย ที่ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งปรากฏชัดว่าเสียค่าศึกษาไปกว่า 500 ล้านบาท แต่ก่อสร้างไม่สำเร็จ ปัจจุบันมีรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ทำให้โครงการขนาดใหญ่ทำได้ยากขึ้น ไม่รู้ว่าคุณทักษิณอยู่ประเทศดูไบนานไปหรือไม่

- เรียนฟรี-ประกันรายได้ สู้กับนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้

ผมเชื่อว่าได้ โครงการประกันรายได้เรามั่นใจว่าคนได้ประโยชน์มากกว่า นโยบายของเรา ปัจจุบันเกษตรกรสามารถใช้บัตรประชาชน ขอวงเงินล่วงหน้าจาก ธ.ก.ส.ได้อยูˆแล‰ว ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตชาวนา แบบเพื่อไทย

- บัตรเครดิตชาวนาไม่ดีอย่างไร

ปัญหาของชาวนาคือ หนี้สิน บัตรเครดิตจะเข้าไปเพิ่มรายได้หรือเพิ่ม หนี้สิน ดังนั้นโครงการของเราดีกว่าที่จะสร้างค่านิยมให้คนเป็นหนี้ ในอดีตจำนวนบัตรเครดิตระดับครัวเรือน และยอดค้างชำระสูงสุดในสมัยคุณทักษิณ ด้วยการสนับสนุนว่าต้องกล้าเป็นหนี้ถึงจะประสบความสำเร็จ แตˆนโยบายของประชาธิปัตย์สนับสนุนให้คนมีรายได้ ขณะที่เพื่อไทยทำให้คนเป็นหนี้

- ปชป.จะติดกับดักตัวเองที่ว่า 2 ปีที่ผ่านมาประชาชนพบภาวะของแพง

ต้องยอมรับว่าต้นทุนของอาหารเป็นปัญหาที่ทุกประเทศเผชิญ สิ่งที่ควบคุมได้ รัฐบาลได้มีมาตรการในเชิงนโยบาย เช่น ราคาน้ำมันดีเซล เป็นต้นทุนสำคัญที่สุดของค่าอาหาร และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือการเร่งเพิ่มรายได้ของประชาชน

แต่ขณะเดียวกัน ประชาชนก็รับรู้ว่าสิ่งที่กระทบชีวิตประจำวันมากที่สุดคือ เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง การชุมนุมของคนเสื้อแดง ส่งผลกระทบโดยตรงกับเศรษฐกิจประเทศ

- ยังมีหลายคนเชื่อว่า เมื่อ "ทักษิณ" กลับมาจะแก้ไขปัญหาปากท้องได้ดีกว่า

คุณทักษิณมีความผิดทางกฎหมาย หากจะไม่รับโทษก็ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายที่จะล้างผิด

การแข่งขันครั้งนี้นโยบายจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ที่เหลือคือเรื่องของแนวทางปฏิบัติ ซึ่งผูกโยงกับคนที่จะมาเป็นผู้นำประเทศ ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าหากคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) ได้รับตำแหน่ง จะดำเนินการล้างผิดอย่างไร

- แคมเปญอะไรของพรรคเพื่อไทย ที่ ปชป.รู้สึกหวั่นไหว

เวลาคุณทักษิณบนเวทีพรรคเพื่อไทยมักประกาศว่า จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้กลับมาในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ หากเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาที่เขาว่า วันที่ 3 กรกฎาคมมีการเลือกตั้ง มีการจัดตั้งรัฐบาลต้นเดือนสิงหาคม ระยะเวลาออกกฎหมายล้างผิดก็อยู่ในช่วงพฤศจิกายนพอดี


ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้สมัครจากบัญชีเสื้อแดงในระบบ ส.ส. สัดส่วน เป็นผู้แปลความคิด "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นคำปราศรัยหาเสียงตลอดฤดูกาล-ทุกเวที เป็น 1 ในกลุ่มนักการเมืองที่อยู่วง ในใกล้ชิดทีมงาน "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"

ทั้งทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย-ทีมในตึกชินวัตร มี "ณัฐวุฒิ" อยู่ ร่วมวง เขาจึงเป็นทั้ง "ตัวแทน" และ "ตัวจริง" ของทั้งฝ่าย "เสื้อแดง" และ "เพื่อไทย"

- ทำไมต้องเป็น "คิดใหม่ทำใหม่อีกครั้ง" และ "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"

สโลแกนคำว่า "คิดใหม่ทำใหม่" ใช้รณรงค์หาเสียงของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ในสมัยแรกแล้ว สิ่งที่ไทยรักไทยทำตั้งแต่เป็นรัฐบาล ก็บริหารมิติใหม่ในการบริหารราชการแผ่นดินด้วยพรรคการเมือง ด้วยนักการเมืองที่ใช้นโยบายเป็นตัวนำ ใช้รูปแบบวิธีการของผู้บริหารจากภาคเอกชนมาขับเคลื่อนกลไกภาครัฐ

ส่วน "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ก็เป็นการตอกย้ำความมั่นใจให้กับประชาชน เวลานี้ถ้าไปถามประชาชนว่า นักการเมืองคนใดที่สามารถให้ความมั่นใจในการนำนโยบายมาสู่การปฏิบัติได้จริง คนนั้นต้องชื่อ ทักษิณ ชินวัตร

- การที่พรรคการเมืองมีคุณทักษิณเป็นเจ้าของ เป็นข้อวิจารณ์มากกว่าเป็นคำชมหรือเปล่า

เรามั่นใจในโปรดักต์นี้ เรามั่นใจในแบรนด์นี้ ฉะนั้น ผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินใจเมื่อสินค้าออกตลาด ก็ต้องเข้าใจว่าในการทำงานทางการเมือง ไม่ว่าคุณกำลังจะทำอะไร หรือไม่ว่าคุณจะทำมันดีแค่ไหน คุณหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหา หลีกเลี่ยงเสียงตำหนิไม่พ้น เพราะนี่คือธรรมชาติของการเมือง

ถ้าเราทำงานการเมืองในสถานการณ์แบบนี้ แล้วหวั่นไหวต่อ ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่พุ่งเข้ามาใส่ เราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดูอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันที่จะส่งคุณอภิสิทธิ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

- ประเมินอย่างไรว่าในอดีตพรรคขายนโยบายสำเร็จหรือไม่

เราประเมินว่าทำสำเร็จ เราดูปรากฏการณ์จาก 2544 ไปถึง 2548 โดยเมื่อปี 2544 พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งครั้งแรกยังไม่สำคัญเท่ากับชัยชนะในปี 2548 เพราะในทางการตลาด การซื้อครั้งแรกไม่สำคัญเท่ากับการซื้อซ้ำ เพราะฉะนั้น ผู้บริโภคซื้อไทยรักไทยครั้งแรกใน ปี 2544 แล้วหลังบริโภคมา 4 ปี ก็ซื้อซ้ำในปี 2548 ซื้อมากกว่าเดิมอีก เพราะฉะนั้น นี่เป็นความสำเร็จที่เราจับต้องได้

เราประเมินว่าแน่นอนมันคงมีจุดอ่อน มีจุดบกพร่อง แต่จุดแข็งก็คือตัวนโยบาย จุดแข็งก็คือวิธีการบริหารแบบทักษิณ ชินวัตร

- นับตั้งแต่คุณทักษิณประกาศ นโยบายแล้ว โพลคะแนนนิยมของพรรคเป็นอย่างไร

จำนวน ส.ส.ผ่าน 280 ไปแล้ว แล้วผมว่ามันจะโตขึ้นอีก เพราะสิ่งที่เรากำลังจะทำ เมื่อพรรคผลิตนโยบายออกมาแล้ว ผมในฐานะคนที่อยู่ในสนามการรณรงค์หาเสียง ผมก็มีวิธีคิด มียุทธศาสตร์การทำงานแบบนี้ คือ 1.นายกฯทักษิณยิงปืนใหญ่นโยบายออกมาแล้ว 2.ผมมีหน้าที่ลำเลียงนโยบายเหล่านั้นไปให้ถึงประชาชน

ขั้นตอนที่ 3 คือ จะต้องผลักดันให้ประชาชนนำนโยบายของพรรคไปสื่อสารกันเอง ด้วยเนื้อหาสาระและทิศทางเดียวกัน แต่องค์ประกอบอื่น ๆ ของพรรคก็ต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ถ้าเราเดินแบบนี้ แพ้ไม่เป็น คือผู้บริโภคจะเป็นคนนำเสนอสรรพคุณของสินค้าต่อตัว ผู้บริโภคด้วยกัน ฉะนั้น เมื่อผู้บริโภคมั่นใจในสินค้าตัวนี้ ผู้บริโภคก็จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายไปในคราวเดียวกัน


ผมเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษ คือ ผมก็อธิบายใน 3 ขั้นตอน คือ นายกฯทักษิณยิงนโยบาย เราลำเลียงถึงประชาชนมาหลายวัน แล้วขั้นต่อไปคือให้ประชาชนเอานโยบายไปบอกต่อ

- สถานะของคุณทักษิณมีความสัมพันธ์ยังไงกับพรรค

เป็นสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองนี้ เป็นแบรนด์ของโปรดักต์นี้ ผมว่าถ้าใครตีโจทย์ว่าทักษิณยืนอยู่ได้เพราะทักษิณรวย ผมว่าเขาเข้าใจผิดมหาศาล เพราะที่ทักษิณยืนอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะจิตวิญญาณของพรรคไทยรักไทย นั่นก็คือนโยบายที่ทำไว้ให้กับประชาชน

วันนี้นายกฯทักษิณกลับมายืนอยู่ในสนามที่ไม่มีใครสามารถเป็นคู่แข่งได้เลย คือสนามที่สู้กันด้วยนโยบาย นายกฯทักษิณเป็นเจ้าตลาดนี้ มาร์เก็ตแชร์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

- คุณทักษิณเปิดนโยบายพรรคเอง

ก็เหมือนแต่ละพรรคผลิตสินค้าออกสู่ตลาดแล้วผู้บริโภคเป็นคนตัดสินใจ เพราะฉะนั้น ผลิตภัณฑ์คู่แข่งก็จะต้องชี้จุดอ่อนโจมตีผลิตภัณฑ์ของเราตลอดเวลา เพราะของเรามันของเกรดเอ ส่วนที่เหลือเป็นของก๊อป ของเก๊ทั้งหมด

- เชื่อว่าเทียบกับพรรคอื่น นโยบาย เพื่อไทยเกรดเอ

ใช่ สิ่งเดียวที่ทำให้พรรครอดจากชะตากรรมทุกอย่างจนมาเป็นเพื่อไทยได้ อย่าเข้าใจว่าเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะตัวนโยบายที่พรรคไทยรักไทยทำไว้ต่างหาก นี่แหละเป็นจิตวิญญาณของพรรคการเมืองนี้ และนี่เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองนี้ฆ่าไม่ตาย ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแค่นายกรัฐมนตรีที่มีฐานะร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แล้วบริหารงานแบบอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ไม่มีทางที่พรรคการเมืองนี้จะรอดจากภัยคุกคามมาได้จนปัจจุบัน

- โครงการทำเขื่อนชาย ทะเลป้องกันน้ำท่วมมีที่มาอย่างไร

มาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่คนศึกษาไว้ว่า น้ำแข็งขั้วโลกจะละลายน้ำจะหนุนสูงท่วมกรุงเทพฯภายใน 10 ปี ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณเคยพาทูตานุทูตเข้าเฝ้าฯ แล้วพระองค์ท่านก็เคยมีพระราชดำรัสปรารภถึงเรื่องเมืองสวรรค์ 2 สิ่งนี้จึงถูกขมวดเอามารวมเป็นแนวความคิด แล้วออกมาเป็น นโยบาย แล้วถ้าไม่ใช่ทักษิณพูดก็ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำจริง ๆ ขึ้นมาได้

ต่อให้คุณอภิสิทธิ์อมพระประธานมาพูดคนก็ไม่เชื่อว่าจะทำได้ แต่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณพูด โดย ยังไม่เห็นตัวจริง พูดผ่านจอคนก็เชื่อ

- นโยบายไอซีที.มีที่มาอย่างไร

การเอาแท็บเลตให้เด็กนักเรียน "One tablet PC per Child ฟรีเพื่อการศึกษา" ในทางปฏิบัติจริงก็ไม่ใช่ 1 เครื่องต่อ 1 คน เพราะพ่อแม่เขาก็มีโอกาสได้ใช้ ครอบครัวก็เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน จะเกิดฐานประชากร ที่มีคุณภาพมีองค์ความรู้ เราก็จะเกิดภูมิปัญญาใหม่ เราก็จะเกิดการประยุกต์ความรู้ทางเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาไทย จะเกิดโอกาสให้กับประชาชนอีกมากมาย

- คุณทักษิณจะทำให้เกิดข้อสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

ถึงตรงนั้นประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจว่า สินค้าที่ประชาชนซื้อไปแล้วเขาก็จะตัดสินใจซื้อซ้ำหรือไม่ ก็ต้องรอดู นี่เป็นกติการะบอบประชาธิปไตย ต้องรอพิสูจน์กันไป

การปรากฏขึ้นของพรรคไทยรักไทยบนถนนการเมือง มันได้เปลี่ยนพฤติกรรมการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้ง และมันก็ได้เปลี่ยนพฤติกรรมของพรรคการเมืองอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองก็ต้องผลักดันเรื่องนโยบาย เมื่อก่อนการเลือกตั้งมีแต่ตลาดสาดโคลนกับอีกตลาดมืดคือ สาดกระสุน แต่พรรคไทยรักไทยเปิดตลาดใหม่คือ สาดนโยบายใส่ประชาชน

- ความเป็นไปได้ที่จะทำให้ของแพงกลายเป็นของถูก

นายกฯทักษิณยืนยัน ผมได้คุยกับท่าน การประมูลสร้างรถไฟฟ้าทุกสาย ถ้าไม่ได้ราคาต่ำกว่าที่รัฐบาลชุดนี้เคยทำ 20 เปอร์เซ็นต์จะไม่ทำ ประกาศไว้เลย เพราะเรามั่นใจว่าเราควบคุมงบประมาณให้อยู่ในกรอบนี้ได้ เพราะมันไม่มีใครหวังที่จะได้ประโยชน์จากการประมูลเมกะโปรเจ็กต์เหล่านี้


ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์(วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 10:59:50 น.)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น