การประชุมครม.สองนัดสุดท้ายในวันที่ 26 เม.ย.และวันที่ 3 พ.ค.เต็มไปด้วย อภิมหาวาระ อัดแน่นด้วยเม็ดเงินหลายร้อยพันหมื่นล้าน ตามที่กระทรวงต่างๆเสนอขอมา
เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เตรียมส่งคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการประกาศยุบสภาวันที่ 6 พ.ค. มีผลให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ต้องกลายสภาพเป็น ครม.รักษาการ ย่อมทำให้การพิจารณาวาระสำคัญในที่ประชุม ครม. ต้องระมัดระวังอาจหมิ่นเหม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาอนุมัติงงบประมาณจำนวนมาก เพื่อดำเนินโครงการต่างๆ หรือแม้แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ผู้บริหาร ตำแหน่งสำคัญ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
การปรับสภาพครม.จากเต็มขั้นเป็นครม.รักษาการ ทำให้ การประชุมครม.สองนัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. และวันที่ 3 พ.ค.ที่จะถึงนี้ เต็มไปด้วย อภิมหาวาระ อัดแน่นด้วยเม็ดเงินหลายร้อยพันหมื่นล้าน ตามที่กระทรวงต่างๆเสนอขอมา
ที่น่าสนใจ การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 26 เม.ย. มีวาระจรเข้าสู่ที่ประชุมถึง 20 เรื่อง และวาระจรดังกล่าวเน้นหนักไปด้วยการขออนุมัติงบจัดซื้อ หรือแม้แต่สถานการณ์ร้อนสุดจากเหตุการณ์ปะทะชายแดน ไทย กัมพูชา ก็มีการจัดวาระจรขอซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ วงเงินถึง 1,200 ล้านบาท
ตรวจสอบวาระเทกระจาดเบื้องต้นวันที่ 26เม.ย. มหาศาลที่สุดอยู่ที่กระทรวงกลาโหม จากพรรคภูมิใจไทย ได้รับอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการปรับปรุงเรือฟรีเกต เรือรบหลวงนเรศวรและเรือหลวงตากสิน วงเงิน 2,900 ล้านบาท ระยะ 4 ปี ปีงบประมาณ 2554 - 2257 โดยปีงบประมาณ 2554 จำนวน 600 ล้านบาท ปี 2555 จำนวน 800ล้านบาท ปี 2556 จำนวน1,100 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2557 จำนวน 451 ล้านบาท
ตามด้วย อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการจัดหายานยนต์สายสรรพาวุธระยะที่ 2 ทบ.1412 โดย กองทัพบกจัดซื้อจัดจ้าง โดยงบประมาณที่ขอมาทั้งสิ้นมีงบประมาณ 3 ปี งบประมาณปี 2554 จำนวน 749 ล้านบาท งบประมาณปี2555 จำนวน 1,750 ล้านบาท ปี 2,256 จำนวน 2,498 ล้านบาท เพื่อซื้อรถยนต์บรรทุกขนาด 2 ตันครึ่ง ซึ่งครม.อนุมัติจัดซื้อวิธีพิเศษ เพื่อทดแทนยุทโธปกรณ์เดิมที่เก่าล้าสมัย ที่ได้มีการรับแจกจ่ายใช้ในราชการมาเป็นเวลานาน และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพให้บรรลุเป้าหมาย
โดยกองทัพบกได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นไม่ผูกพันงบประมาณ ตามกรอบวงเงิน โดยได้คัดเลือกยานยนต์สายสรรพวุธ ชนิดรถยนต์บรรทุก ขนาด 2 ตันครึ่ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น FTS 34 SU-KDPN จากบริษัทสิทธิผลอิมปอร์ต จำกัด ผู้แทนจำหน่ายโดยตรงอีซูซุ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ราคาคันละ 3.3ล้านบาท จำนวน 1,475 คัน วงเงิน 4,900 ล้านบาท
น่าสนใจกว่านั้น อนุมัติตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน กอ.รมน.เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินจำเป็น (แผนงาน/โครงสร้างภายในปี 54) จำนวนกว่า8,700 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงสาธารณูปโภค ขุดบ่อ รวมถึงในการสร้างจิตวิทยามวลชนสัมพันธ์
ว่ากันว่า งบ กอ.รมน.มากมายขนาดนี้ที่เน้นไปกับการพัฒนาพื้นที่ชนบทห่างไกล ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ เป็นงบที่มาในบรรยากาศรับการเลือกตั้งดีแท้ จึงไม่แปลกที่ งบ กอ.รมน.ก้อนนี้ ไม่มีการแถลงข่าวแต่อย่างใด
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นปลื้มไม่แพ้กัน เมื่อนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและการกีฬาเดินออกจากห้องประชุมครม.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับบอกว่า “วาระที่กระทรวงเสนอผ่านฉลุยครับ” ไม่ว่าจะเป็น การยกเลิกบัตรไทยแลนด์พรีวิลเลจ การ์ด ส่วนเงินชดเชยสมาชิกจำนวน 3,000ล้านบาท จะมีการหารือแนวทางในครม.สัปดาห์หน้า หรือได้รับไฟเขียวประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย – ศรีสัชนาลัย และประกาศพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจังหวัดเลย แต่ที่ดูปฏิกิริยาชาติไทยพัฒนาปรีดากว่านั้น เมื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้รับการอนุมัติโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท
เล็งมาที่ กระทรวงการคลัง น่าจับตามอง ตั้งแต่ได้รับการอนุมัติออกสลากการกุศล เพื่อสร้างโรงพยาบาล ให้แก่ 8 หน่วยงาน เช่น องค์การทหารผ่านศึก, รพ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์การแพทย์รามาธิบดี จำนวน 6,900ล้านบาทหรือเกือบ 7,000ล้านบาท กระทรวงการคลังอัดฉีดเต็มที่โครงการประชานิยมรัฐบาล ด้วยการได้รับงบประมาณอีกกว่า 500 ล้านบาท ในการทำโครงการประชาสัมพันธ์ดึงดูดแรงงานนอกระบบเข้าระบบประกันตน
นายกรณ์ จติกวณิช รมว.คลัง ยังยิ้มแป้น เมื่อ ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอปรับเงินเดือนทั้งระบบให้กับพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ 5% หลังจากที่ไม่มีการปรับมาตั้งแต่ปี 2547 เมื่อเทียบกับธนาคารออมสินที่เพิ่งได้ปรับไปเมื่อปี 2553
กระทรวงแรงงาน โควต้าพรรคประชาธิปัตย์( ปชป.) ไม่น้อยหน้า ด้วยการให้ครม.ผ่านประกาศ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือใหม่ รวม 11 สาขาวิชาชีพ ซึ่งจะมีผลหลังประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน แต่ก็ถือเป็นการต้อนรับวันแรงงานที่จะถึงพร้อมกับการเตรียมเปิดนโยบายขึ้นค่าแรงของพรรคประชาธิปัตย์อีกต่างหาก
กระทรวงวัฒนธรรม ได้รับงบสนับสนุนในการบูรณะและซ่อมแซมโบราณสถานที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 24 รายการ เป็นเงิน 66 ล้านบาท
ยี่ห้อ “ปชป.” อีกเช่นกัน โดยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ รับบัญชานโยบายแก้ปุ๋ยแพง ผ่านความเห็นชอบ โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิต ของเกษตรกรโดยจะใช้งบประมาณ 3,500 ล้านบาท
ส่วนงบช่วยเหลือปัญหาภัยฝนถล่ม น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ที่ผ่านมา วานนี้ ก็ผ่านอย่างรวดเร็วตามข้อเสนอ คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ คชอ. ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน ได้รับงบ 2,100 ล้านบาทเพื่อให้ 7 หน่วยงาน นำไปช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และคลื่นเซาะชายฝั่ง
ดีดลูกคิด พิจาณาตัวเลขกลมๆ กับ "ครม.นัดก่อนยุบสภา" ขอบอก แตะระดับ สามหมื่นกว่าล้านบาท ถือเป็นงบประมาณอนุมัติด่วนจี๋นาทีสุดท้าย หวังเติมเต็มกำลังใจฝ่ายความมั่นคงรักษาอธิปไตยของชาติ และเสริมสร้างความสุขให้ประชาชนและพรรคร่วมดีแท้
บทความโดย: ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
ที่มาบทความ: โพสต์ทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น