วันเสาร์, เมษายน 02, 2554

"แดง"สวมเสื้อเพื่อไทยสู้เลือกตั้ง

ถูกจับตามองเมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศเปิดโควตาของแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือคนเสื้อแดง ลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อหวังดึงกระแสคนเสื้อแดงอุ้มชูพรรคสู่เป้าหมาย การเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

แกนนำนปช. ได้เปิดใจถึงการตัดสินใจเข้าสู่ระบบการเมืองแทนการเมืองข้างถนน รวมทั้งลำดับบัญชีรายชื่อ และการนำเสนอนโยบาย เพื่อชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง



ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

แกนนำนปช.

ผมสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก มีความตั้งใจทำงานการเมือง และลงสมัครส.ส.ตั้งแต่อายุ 25 ในนามพรรคชาติพัฒนา และปี 2548 เป็นผู้สมัครในนามพรรคไทยรักไทย ตั้งใจจะทำงานการเมืองในระบบรัฐสภาตั้งแต่ต้น

แต่เมื่อมีรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ก็ตัดสินใจออกมาต่อสู้ร่วมกับประชาชน ต่อต้านเผด็จการ จนพัฒนามาเป็นแกนนำนปช. แต่เมื่อมีการเลือกตั้งก็ไม่เคยไม่เสนอตัวเข้ามาทำงานการเมืองในระบบรัฐสภา เพราะเชื่อว่าหากการเมืองในระบบเข้มแข็ง จะเป็นแรงค้ำให้ประชาธิปไตยไม่ถูกอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง ประชาชนไม่ต้องเหนื่อยในการต่อสู้

ดังนั้น เราจึงต่อสู้เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ให้การเมืองในระบบเข้มแข็ง ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประเทศต้องเดินหน้าด้วยการเมืองในระบบรัฐสภาอย่างนี้ต่อไป

สำหรับโควตาของนปช. ยืนยันว่าผมและนายจตุพร พรหมพันธุ์ รับหน้าที่เป็นตัวเชื่อมประสานระหว่างแกนนำนปช.ที่ต้องการลงสมัครส.ส.กับพรรคเพื่อไทย แต่เราไม่เคยคุยกันเรื่องโควตา ไม่เคยเรียกร้องต่อรองใดๆ และยอมรับการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค เพราะทราบดีว่ายังมีนักการเมืองที่ทำงานร่วมกับพรรคจำนวนมาก

เราจึงไม่มีโควตาทั้งเรื่องจำนวนคน และลำดับที่ และเชื่อมั่นในดุลพินิจพรรคที่จะพิจารณา

ยืนยันว่าการเป็นแกนนำนปช.ไม่ใช่ใบเบิกทางลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่คนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนเป็นที่รู้จักของประชาชน ควรได้รับโอกาสพิจารณาเป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย

ส่วนแคนดิเดตนายกฯ นั้น ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะไม่ปกติ ซึ่งไม่ได้เกิดจากภายใน แต่เกิดจากภายนอก ทำให้เราต้องเดินทางด้วยวิธีพิเศษ เพื่อหลีกเลี่ยงและรับมือภัยคุกคามจากอำนาจนอกระบบตลอดเวลา

แต่เชื่อว่าเมื่อพรรคเปิดตัวผู้ที่เสนอชื่อเป็นนายกฯ จะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชน และให้การสนับสนุน และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจเราถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่

ส่วนพรรคจะเปิดตัวใคร ผมพร้อมยอมรับทั้งนั้น เพราะเมื่อตัดสินใจร่วมมาทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็เชื่อมั่นว่าพรรคจะหาตัวบุคคลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สามารถแก้ไขปัญหา และเป็นที่ยอมรับของประชาชนมานำเสนอได้อย่างแน่นอน


ก่อแก้ว พิกุลทอง

แกนนำนปช.

การตัดสินใจลงสมัครส.ส.ของแกนนำบางคน ทำตามยุทธศาสตร์ 2 ขา ของนปช. คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในลักษณะมวลชนขาหนึ่ง อีกขาหนึ่งคือการลงสมัครส.ส.เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อแก้ปัญหาหลายๆ เรื่อง ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ การติดตามตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียว หากเราเข้าไปทำหน้าที่ในสภา จะง่ายกว่าเดินนอกสภา

ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นตรงกันของแกนนำ ซึ่งขณะนี้มีผู้แสดงความจำนงขอลงสมัครทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อในนามพรรคเพื่อไทยแล้ว 20 คน แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องโควตา เป็นการแสดงความจำนงให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาอีกครั้ง สุดท้าย ผลการตัดสินใจเป็นเรื่องของพรรค

สำหรับลำดับการลงสมัคร ผมคงบอกไม่ได้ แต่หากจะให้แน่นอน ควรอยู่ในลำดับที่ไม่เกิน 50 แต่เป็นเรื่องยากที่คนทั้งกลุ่มจะได้รับการจัดอันดับดีทั้งหมด เพราะต้องมีนักการเมืองกลุ่มอื่นๆ ด้วย

คาดว่าอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือนายจตุพร พรหมพันธุ์ ต้องอยู่ลำดับดีๆ เพราะเขามีประโยชน์กับคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ส่วนคนอื่นๆ คงได้รับการจัดลำดับตามสมควร แต่กว่าจะนิ่ง คงเช้าวันลงสมัคร เพราะนักการเมืองต้องวิ่งให้ตนเองได้ลำดับที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

ส่วนแคนดิเดตนายกฯ ถือเป็นเรื่องสำคัญ จะเป็นตัวบ่งชี้ให้ประชาชนมาลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ก็เหมือนดาบ 2 คม หากเปิดตัวเร็วก็มีโอกาสถูกสหบาทาได้มาก

แต่เมื่อจะมีการเลือกตั้งก็ต้องเปิดตัว เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ

เท่าที่เห็นชื่อที่ปรากฏออกมา ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร และนายวีรพงษ์ รามางกูร ล้วนมีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจ มีความประนีประนอมทั้งในพรรคและนอกพรรค และต้องการให้ประเทศพ้นจากวิกฤต แต่ใครจะเหมาะเป็นนายกฯ คงเป็นเรื่องของสถานการณ์

อย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ความไว้วางใจ 100 เปอร์เซ็นต์ และส.ส.ในพรรคก็เกรงใจ แต่คนที่อยู่ตรงข้ามพ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่สบายใจนัก

ส่วนนายมิ่งขวัญ มีส.ส.กลุ่มใหญ่ให้การสนับสนุน หากได้เป็นนายกฯ คงไม่มีปัญหากับส.ส.กลุ่มอื่นๆ แต่อาจมีปัญหาเรื่องความไว้วางใจของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมีบทเรียนสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกฯ แล้ว

ขณะที่นายวีรพงษ์ แม้จะมีจุดเด่นเรื่องมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจสูงสุด แต่ห่างเหินกับส.ส.ในพรรค แต่ได้ความสัมพันธ์กับคนในสังคม โดยเฉพาะจากบ้านสี่เสาเทเวศร์

นายปานปรีย์ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และมีความสัมพันธ์กับภาคส่วนในสังคม

ดังนั้น ทั้ง 4 มีความรู้ความสามารถหมด ใครจะมาเป็นก็ได้ แต่จะให้บอกว่าใครดีที่สุด คงไม่ใช่หน้าที่ของผม


เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล

แกนนำนปช. กลุ่มรักเชียงใหม่ 51

ได้รับการยืนยันจากผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยว่า จะส่งผมลงสมัครเลือกตั้งแน่นอน ส่วนจะเป็นจังหวัดไหน หรือเขตอะไร หรือจะลงแบบปาร์ตี้ลิสต์หรือไม่ ยังต้องรอความชัดเจนก่อน แต่จะอยู่ในเขตทางภาคเหนือ

หรือถ้าผมไม่ได้ลงส.ส. ก็ได้รับการยืนยันว่าจะได้เป็นนักการเมืองแน่นอน

ที่แน่ๆ ผู้ใหญ่ไฟเขียวแกนนำเสื้อแดงที่จะลงเลือกตั้ง ประกอบด้วย ผม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง โดยเราจะทำงานแบบ 2 ขา คู่ขนานกันไประหว่างภาคประชาชน และนักการเมือง

ทั้งนี้ การคัดเลือกบุคคลของผู้ใหญ่ ต้องคัดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ที่ไม่ใช่ปราศรัยเก่งอย่างเดียว

ยอมรับว่าจากที่เคยเป็นนักปราศรัย ผมคงต้องเปลี่ยนบทบาท เป็นนักสังคมมากขึ้น ต่อไปจะเร่งลงพื้นที่ นำข้อเปรียบเทียบ นโยบายที่เป็นความจริง ระหว่างการทำงานของอดีตพรรคไทยรักไทย กับการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ว่าเป็นอย่างไร ให้ประชาชนนำข้อเปรียบเทียบไปพิจารณา

ส่วนนโยบายการหาเสียงนับจากนี้ ยังต้องรอนโยบายของพรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 เม.ย.นี้ก่อน แต่คาดว่าน่าจะเป็นในทางเดิมคือ นโยบายของไทยรักไทย เพียงแต่เรามาต่อยอด

ที่สำคัญเราจะชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เหมือนเดิม หรือพูดง่ายๆ ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยก็จะได้ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะกระแสของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีตก

ส่วนที่การวิจารณ์ว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีหัว มีแคนดิเดตคนนั้นคนนี้นั้น ตรงนี้ไม่ต้องกังวล เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ มีบุคคลในใจอยู่แล้ว ขอให้มีความมั่นใจในพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อถึงวันนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดเผยเอง

มั่นใจว่าการเลือกตั้งที่จะถึง พรรคเพื่อไทยชนะขาดแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ดีว่าเขาอยู่ในขาลง

แต่ถ้าหลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยชนะ แล้วมีทหารเข้ามาบีบตั้งรัฐบาลอีก มั่นใจว่าครั้งนี้คนเสื้อแดงจะออกมามากกว่าครั้งก่อนแน่ และจะแรงกว่าทุกครั้งด้วย


ที่มา: ข่าวสดรายวัน วันที่ 02 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7429

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น