สัมภาษณ์พิเศษ วราทิต ไชยนันทน์ ทายาท เทอดพงษ์ ไชยนันทน์ บิ๊กประชาธิปัตย์ ที่คิดต่างทางการเมืองกับบิดา จนนำมาสู่การลงสมัคร สส. ในพรรคเพื่อไทย
ที่มาบทความ: โพสต์ทูเดย์วิเคราะห์
บทความโดย: ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
พรรคเพื่อไทยสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “วราทิต ไชยนันทน์” หรือ “ด๊อย” ทายาทคนโต “เทอดพงษ์ ไชยนันทน์” บิ๊กประชาธิปัตย์
เมื่อ ลูกคนโต “แตกหัก” ทางความคิดกับพ่อ จนต้องแยกทางกันเดิน มาอยู่คนละขั้วทางการเมือง ในพรรคเพื่อไทย โดยลงชนกับ ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม ส.ส.ตาก ประชาธิปัตย์
ตระกูลไชยนันทน์ก่อร่างร่วมสร้างประชาธิปัตย์ตั้งแต่ “เทียม ไชยนันทน์” รุ่นปู่ เรื่อยมาถึงรุ่นพ่อเทอดพงษ์ และรุ่นเขาที่น้องชาย “ธนิตพล ไชยนันท์” เป็น ส.ส.ตากมา 3 สมัยตั้งแต่ปี 2544
“ด๊อย” ยอมรับว่า พ่อเขาย่อมไม่พอใจแน่นอนกับการตัดสินใจเช่นนี้ ซึ่งก่อนหน้าเขาเคยคุยตรงๆ กับพ่อว่า ต้องการลงสมัคร ส.ส. โดยได้วางแผนมานานกว่า 3 ปี เขาเปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ถึงเหตุผล และอุดมการณ์ทางการเมือง
ตัดสินใจอย่างไรเรื่องนี้
คุณพ่อไม่ค่อยแฮปปี้อยู่แล้ว แต่มันต้องเลือกกันระหว่างอุดมการณ์กับชีวิตครอบครัว ความจริงครอบครัวไชยนันท์ คณปู่เราก็เป็นผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ มาสู่คุณพ่อ และน้องชายก็เข้าทำงานการเมือง ผมมีแนวคิดไม่ค่อยเหมือนที่บ้าน แต่ในด้านการเมืองผมเชื่อว่า อุดมการณ์จะมาซื้ออะไรกันไม่ได้ ผมมองว่าการที่เราเป็นตัวเลือกให้กับประชาชนที่หลากหลาย แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นส.ส.ในพื้นที่จ.ตาก แต่การที่มีหลายพรรคก็ทำให้ชาวบ้านได้รู้ว่า ประชาธิปไตยมันมีหลายความหมาย
วราทิต
ซึ่งการที่ผมมาลงพรรคนี้มีปัจจัยที่เข้ามาจูงใจหลายอย่าง เช่น ผมได้เข้าไปเสนอโปรเจคท์เรื่องการพัฒนาในพื้นที่เลือกตั้ง อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.อุ้มผาง ที่ผมอาสาวางกลไกการพัฒนา แต่เสียดายที่ทรัพยากรในจังหวัดนั้นถูกละเลย ทำให้การพัฒนาอยู่กับที่ แต่คุณพ่อเป็นนักการเมืองตัวอย่างสำหรับผมนะ
อย่างไร
คุณพ่อเป็นนักการเมืองคนเดียวที่ผมรู้จัก แล้วแกทำงานการเมืองด้วยการสร้างกลไกในจังหวัด อย่างที่จ.ตาก ถ้ามีใครซื้อเสียงก็อย่าหวังว่าจะได้ นี่คือ จุดหนึ่งตั้งแต่คุณปู่ คุณพ่อ หรือ ธนิตพล ผมเชื่อว่า กลไกนี้มันใช้สำเร็จสำหรับคนที่ทำงานเข้าถึงชาวบ้าน แต่ผู้ที่ฉาบฉวยเพื่อลงเลือกตั้งรับเงินทอง ผมเชื่อว่าจะไม่สำเร็จ
ในเมื่ออุดมการณ์ของคุณพ่อดี ทำไมไม่สวมเสื้อประชาธิปัตย์ หรือ เพราะพื้นที่จ.ตาก ส.ส.ปชป.แน่นครบแล้ว
ผมทำงานรัฐสภาในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิคและได้ไปสัมภาษณ์นักการเมืองหลายพรรค เราได้ออกพื้นที่ถ่ายทำเพื่อมาออกทีวีดาวเทียมรัฐสภา ผมเห็นความเป็นไปของแต่ละจังหวัด ไม่ว่า ท่านไชยา สะสมทรัพย์ ท่านอุทัย พิมพ์ใจชน ท่านเสนาะ เทียนทอง ผมเห็นว่า นโยบายของพลังประชาชนจนถึงเพื่อไทย ด้วยกลไกของพรรคเขาสามารถผลักดันสิ่งที่อยู่ใต้ดินให้ขึ้นมาบนดินได้ เหมือนที่ทำให้ภาคอีสานเจริญ
แต่ปชป.ก็มี เรื่องสวัสิการนิยม เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ดีหรือ
ตระกูลไชยนันท์อยู่ปชป.จริง แต่ตระกูลเราก็มีความเป็นประชาธิปไตย แต่ละท่านในตระกูลก็ไม่ได้มาบังคับ ว่า ผมต้องเดินตามประชาธิปัตย์ เขาแค่อิสระทางความคิด แต่เขาก็บอกว่า ก็รอปชป.ว่าง รอที่ตากว่าง แล้วถึงค่อยเข้ามา แต่ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น คือ ผมเชื่อในการเดินของผมเอง เวลาผมจะทำอะไร ผมจะปรึกษากับคนที่เราเชื่อใจ อย่างคุณพ่อ ผมก็ปรึกษาเรื่องนี้นะครับ แต่ว่าท่านก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ไอ้นู้นไอ้นี่ก็ยังไม่ครบ จังหวะไม่ดี ไม่มีโอกาส ผมเลยว่า การที่เราอยากจะช่วยเหลือประชาชน มันต้องเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ว่า ต้องรอเท่านั้นเท่านี้
เห็นคุณพ่อบอกว่า ไม่เคยพื้นที่จ.ตากเลย
ผมไปแม่สอดมาหลายครั้งมาก แต่ไม่ได้บอกคุณพ่อ และ น้องชายเพราะเห็นท่านกำลังวุ่นเรื่องงาน ผมลงพื้นที่พบชาวบ้านกลุ่มใหญ่เขาแนะนำว่า ถ้าคุณอยู่ปชป. งานที่จะออกมาก็จะเหมือน 40 ปีที่แล้ว คุณพ่อผมตอนนี้เป็นรองที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ท่านก็ทำงานในแนวทางของท่าน ธนิตพล ก็ทำงานในแนวทางของธนิตพล ซึ่งส่วนตัวผมก็อยากจะใช้แนวทางของตัวเองที่จะใช้กลไกพรรคการเมืองที่ผมเชื่อ เพราะผมมีเพื่อนในเพื่อไทยหลายคนเยอะมาก เขามีกลไกที่พร้อมจะผลักดันทำให้การพัฒนาไม่สะดุด
ตอนปรึกษาคุณพ่อบอกหรือไม่ว่า จะไปพรรคเพื่อไทย
ไม่ๆๆ... ผมไม่ได้บอกอย่างนั้น เพราะผมเชื่อว่า สิ่งหนึ่งของการเป็นนักการเมืองก็คือ คุณต้องรู้จัก..จะบอกว่า “ลับลวงพราง” ก็ได้
ปรึกษามากี่ปีแล้ว
เร็วๆ นี้ครับ แต่ผมวางแผนจะเข้าทำงานการเมืองมา 3 ปีแล้ว ตั้งแต่มีการปฏิวัติ ขณะนั้นผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต
วางแผนตั้งแต่ตอนเรียน
ผมเริ่มเรียนช้าเพราะไปอยู่ฝรั่งเศส ผมเรียน เทคคลอส 6 เดือน ไปอยู่ฝรั่งเศสประมาณ 10 ปี ผมก็มีพรรคพวกที่นู้นหลายคน ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อนายทุนที่ฝรั่งเศสที่เขาจะสนับสนุน โครงการของผมที่ผมเสนอในพรรคเพื่อไทย และ ผู้ใหญ่หลายท่านที่ผมนับถือ เขารับปากผมแล้วว่า โปรเจคท์ที่วราทิตเสนอ เขาทำได้ เพราะมันส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว และ เสริมด้านการเดินทาง
ช่วยเล่าประวัติการเรียนให้ฟังหน่อย
ผมเรียนจบนิเทศศิลป์ ผมจบศิลปะ อย่างธนิตพลก็เรียนศิลปะ คนเรียนศิลปะก็จะชอบจินตนาการ เราจะจินตนาการในเรื่องที่บางอย่างเป็นไปไม่ได้ แต่เราจะทำให้เป็นไปได้ และบางเรื่องที่มันเพ้อฝัน เราก็สามารถจะทำให้มันออกมาเป็นรูปธรรมต้องได้ ผมเรียนจบที่ราชภัฎสวนดุสิต ได้เกียรตินิยมอันดับสอง จากนั้นผมก็มุ่งมั่นจะเข้าทำงานในองค์กรที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองทุกพรรค
เพื่ออะไร
เพื่อจะได้เรียนรู้การทำงานในระบบรัฐสภา เราอยากจะมาเรียนรู้ข้างล่างก่อนแล้วถึงค่อยขึ้นบน อย่างผม เป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่งผม โดยเฉพาะถ้าสิ่งที่เขาสั่งผม มันขัดแย้งกับอุดมการณ์ผม ผมก็จะไม่ทำ หลังจากเรียนจบ ผมเข้ามาสอบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐสภา ทำงานในสถานีโทรทัศน์ส่งผ่านดาวเทียม โอกาสที่ได้เจอ ส.ส.ก็มีมาก
มันไม่ใช่ว่า การที่ผมมาพรรคนี้ มันต้องขัดแย้งกับตระกูลอันนี้มันเป็นอุดมการณ์ส่วนตัว ซึ่งผมมีมุมมองอย่างเดียว คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด
ขออธิบายต่อว่า หลังจากผมเรียนจบปริญญาตรี ผมมาทำงานรัฐสภา ช่วงนั้นผมก็ไปเรียนต่อโท ที่ม.เกริก ด้านรัฐศาสตร์ สื่อสารการเมืองซึ่งมันก็อยู่ในแผนชีวิตของผมที่ผมวางไว้ว่า ต้องเข้ารัฐสภา ผมจะต้องมาเข้าเรียนปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ สื่อสารการเมืองเพราะผมเชื่อว่า นักการเมืองกับเรื่องสื่อมันมาด้วยกัน การทำการเมือง ถ้านักการเมืองใช้สื่อไม่เป็น ก็จะเป็นเหมือนรัฐมนตรีหลายๆ ท่านที่ทำงานแทบตายแต่ผลงานไม่ออก อย่างตอนนี้ผมมีพร้อมหมดแล้ว ผมสมบูรณ์และพร้อมสู้สนามเลือกตั้ง ผมพร้อมแล้ว และในหลายอย่างที่ว่า เรารับสตางค์รับอะไร เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อุดมการณ์กับปัจจัย กับ เรื่องเงิน มันสามารถจะเดินไปด้วยกันได้ไหม
แสดงว่า คิดวางแผนเล่นการเมืองมานานมาก แต่ไม่มีโอกาสรับใช้
นานมาก... ผมเป็นคนคิดแปลก ผมชอบอยากทำอะไรบางอย่างให้มันต่าง ผมอยากทดสอบนโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า ที่ทำที่อีสานสำเร็จมาแล้ว จะมาทำให้ภาคเหนือสำเร็จด้วยหรือไม่ ผมสนใจนโยบายทำบัตรเครดิตให้ชาวนา ผู้ใหญ่ในพรรคก็คิดนโยบายมา ใช้นักวิชาการมาวิเคราะห์เรื่องนี้ ผมว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเสีย
กรณีที่คุณพ่อสัมภาษณ์ว่า มีแรงจูงใจที่ทำให้คุณไปคือ คำพูดที่ของคุณที่เคยบอกว่า เห็นทำการเมืองมานานแล้วยังจนอยู่ เหมือนกับว่าไปเพราะมีแรงดูด เรื่องเงิน
(หัวเราะ) ไม่ใช่ ครับ... เรื่องเงินไปถามผู้ใหญ่พรรคคนไหนก็ได้ ผมไม่เคยไปพูดเรื่องงบประมาณเลย ผมแค่บอกว่า โครงการอย่างนี้ พวกท่านทำให้ผมได้ไหม เขาก็รับปากเราว่า ทำได้ และผมก็ยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าทำไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น แล้วผมก็ยื่นเงื่อนไขบางส่วนไว้โดยย้ำว่า โปรเจคท์นี้ต้องสำเร็จ เพราะมันเป็นทางเดินที่ผมเลือกแล้ว ผมยอมที่จะออกมาจากตระกูล ซึ่งตรงนี้ผมเชื่อว่า ระยะเวลาจะพิสูจน์กับคนในตระกูลผมว่า คนอย่างวราทิต ไชยนันทน์ มีการคิด กระบวนการทำงาน หรือ มี ความซื่อสัตย์ อะไร ที่ต่างจากตระกูลไหม ผมจะไม่ยอมเป็นลูกไม้ที่หล่นใกล้ต้น ผมแค่ยอมเป็นลูกไม้ที่อาจจะหล่นไกลต้น แต่ว่า ทำให้ป่าแถวนั้นชุ่มชื้นขึ้น คือ เราต้องการแค่ตรงนั้น
คุณพ่อไม่ไว้ใจเราหรือเปล่า จึงไม่ได้ลง
อึม.. ไม่ใช่เรื่อง... อาจจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้คุยกับท่านนะ เพราะผมชอบใช้ชีวิตคนเดียว ออกจากมาตระกูล ออกจากครอบครัวมานานแล้ว ผมจะมีความคิดของผมเองและอีกอย่างคือ ผมค่อนข้างจะดื้อเล็กน้อย เพราะถ้าผมเชื่อว่า อะไรที่ผมทำได้ ผมจะทำ
ออกจากครอบครัวมานานยัง
เทอดพงษ์ บิดา วราทิต
ก็อยู่ที่บ้านครับที่กรุงเทพ ผมเกิดที่กรุงเทพ ผมทำงานและเรียนอยู่ที่กรุงเทพ แต่ว่า ถ้าจะเอาเงื่อนไขมาบอกว่า ผมไม่ไปลงพื้นที่ ผมทเกิดกรุงเทพ ในเงื่อนไขตรงนี้ ธนิตพล ก็เป็นเหมือนกัน ก็ต้องไปถามธนิตพลเอง คือ ผมกับน้องนี่อยู่ด้วยกันมาตลอด ที่กรุงเทพ คือ ไปเรียนฝรั่งเศสก็ไปด้วยกัน ไปเรียนม.รังสิต เขาก็ตามไปเรียน คือ เราไปด้วยกันตลอด แต่ว่าผมอาจจะขัดแย้งในเรื่องมุมมองด้านพรรคการเมือง และในหลายๆ ด้าน
เช่น อย่างไรบ้าง
อืม...เรื่องการเรียนศิลปะมั้งครับ อย่างการเรียนศิลปะ เขาจะชอบไป ภาพแอบสแตรค ส่วนผมจะมาทาง โปรดักดีไซน์ เป็นงานที่ทำเป็นชิ้นขึ้นมา งานทำโมเดล แต่เขาชอบงานเพ้นท์ แนวสี คือ ศิลปะคนละแขนง แม้แต่ไปเรียนที่ฝรั่งเศส เราก็ยังแยกเมืองกันเรียน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างเวลาเรามาคุยเรื่องศิลปะก็ขัดแย้งกันนิดหน่อย แม้แต่การชอบศิลปิน ศิลปะก็ต่างกัน ของเขาชอบแวนโก๊ะ แต่ผมมาพวกที่ทำในโปรดักท์ คือ มันขัดแย้งกัน แต่บนความขัดแย้ง ผมเชื่อว่า ถ้าจังหวัดได้ ส.ส.ที่มาจากนามสกุลเดียวกัน แต่สองพรรคการเมืองผมเชื่อว่า จะได้ประโยชน์จากตรงนี้มากมหาศาล
ที่พี่น้องขัดแย้งกัน มันสะท้อนอะไร (ชวนตีความ)
ผมว่า มันสะท้อนมุมมองเรื่องขบวนการคิด และเรื่องการใช้ชีวิต คือ แต่ละคนมันไม่สามารถจะให้เหมือนกันได้ อย่างลูกหมูออกมาจากฟาร์มเดียวกัน จากพ่อแม่เดียวกัน มันก็ยังเป็นลูกหมูที่ไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ต้องออกไปผจญโลกแตกต่างกัน อาจจะอยู่คนละฝั่งของฟาร์มก็ว่าไป
ครอบครัวมีกี่คน
มีพี่น้องสองคน (พ่อแม่เดียวกัน)
แต่ถ้าวันข้างหน้า ปชป.มีพื้นที่ให้เรา
อ๋อ...ไม่ๆๆ ผมๆ เดินเส้นนี้แล้วครับ ผมขอทำการเมืองเส้นขนานที่พร้อมจะพัฒนาจ.ตาก คู่กัน แต่จะไม่ไปพัฒนาบนนโยบายเดียวกัน อย่างนโยบายพรรคเพื่อไทยหลายอันที่จะมาใช้กับโครงการผม ผมอาจจะหยิบยืมจากพรรคประชาธิปัตย์มาบ้างเพื่อมาช่วยเหลือประชาชน
หลังจากไปเปิดตัวกับพรรคเพื่อไทย ได้โทรศัพท์เคลียร์ใจกับพ่อยัง
อ๋อๆๆ... ผมยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลย
จะโทรคุยกันไหม
ผมว่า เมื่อไรที่จังหวะเวลามันพร้อม มันก็ต้องคุย แต่ว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ..
แต่มันต้องชี้แจงกันไหม ระหว่างพ่อกับลูก
ธนิตพล น้องชาย วราทิต
ก็ท่านได้ชี้แจงในสื่อแล้วครับ ผมก็ไม่อยากโต้ตอบ ส่วนตัวผมรักคุณพ่อมากนะ รักน้องด้วย เราอยากให้ท่านสบายใจ แต่ว่า อุดมการณ์ผม ผมคงมีชีวิตอยู่ลำบาก ถ้าต้องมานั่งอดทนกับความต้องการที่อยากจะทำอะไรที่มันอยู่ข้างใน คือ มันอยากจะทำอะไรให้ชาวบ้าน
กับน้องชาย เดี๊ยบ ธนิตพล ได้คุยกันไหม
อ่อ ไม่ครับ เขาก็งานยุ่ง ทำงาน มีการทำ เขาก็ลงพื้นที่
เห็นเขาทำงานในสภาเป็นไงบ้าง
อ๋อ..ก็ดีๆๆครับ เขาก็ทำงานเก่ง เป็นที่จับตา อนาคตเขาคงไปได้ไกล แต่ว่ามุมมองของผม เราก็เดินเส้นทางนี้แล้ว (น้ำเสียงแผ่วเบา) เราพร้อมรับสภาพทุกอย่าง
คุณปู่เป็นผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ คุณพ่อเป็นผู้ใหญ่ของพรรค เราไม่ถือว่า เราแหกออกไปหรือ
การเมืองควรจะมีหลายๆ ด้านให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเลือก ถ้าผมทำด้วยตัวเอง ผมก็รอเข้าประชาธิปัตย์ แต่ถ้าผมจะทำเพื่ออย่างอื่นผมก็เข้ามาอยู่พรรคที่มีศักยภาพที่สามารถจะผลักดันงานผมได้
คิดอย่างไรที่พ่อบอกว่า เราไม่ลงพื้นที่จ.ตากมาก่อน
อ่อ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าผมมีลูก และลูกผมไปทำอย่างนี้ โดยที่ลูกผมไปทำอย่างนี้ มันไม่มาอธิบายให้เราฟังว่า อุดมการณ์อะไรเพราะมันคงกลัวว่า ถ้าอธิบายแล้วจะโดนเบรก แต่ถ้าเป็นผมนะ ผมอาจจะรอดูซิว่าลูกเรา ถ้ามันทำดี โอเคทุกอย่างก็ค่อยๆ จางหายไป
ช่วงที่คุยกับพ่อนานไหม
ผมมาคุยที่นี่เลย(รัฐสภา) ผมนัดคุณพ่อ ว่าผมอยากทำงานท้องถิ่น อยากลงการเมืองท้องถิ่น อยากทำงานที่ไปช่วยเหลือด้านความเดือดร้อนของประชาชน แต่คุณพ่อก็เปรยมาว่า ยิ่งการเมืองเดินแคบเท่าไร ยิ่งยากเท่านั้น จะลง อบจ. สจ. มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเรา
ต้องระดับชาติอย่างเดียว
คุณพ่อบอกว่า มันก็ยังง่ายกว่า แต่ผมก็คิดในใจนะว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะหาทางเดินของผมเอง ทางเดินซึ่งมันอาจจะเหนื่อย ลำบาก อาจจะต้องมีอะไรที่กระทบเยอะแยะ แต่ก่อนที่ผมจะทำอะไร
เหมือนเราจะเข้าไปอาบน้ำร้อน เราต้องแสร้งรู้สึกร้อนก่อน เพื่อที่เราจะได้ไม่ตกใจ และที่พ่อผมบอกว่า ผมไม่เคยช่วยอะไรในพื้นที่เลย จริงๆ ผมอยู่เบื้องหลังท่านหลายเรื่อง เช่น เรื่อง สคส.ที่ท่านส่งให้ชาวบ้านทุกปี ผมก็ช่วยให้หลายปี ผมช่วยท่านทำ ขับรถไปรับซองสคส. ตอนเดี๊ยบหาเสียง ผมก็ขนไปปลิวไปให้ บางทีก็ไม่ได้รับได้นอนเลยผมก็ทำข้ามวันข้ามคืน เราก็ช่วย เพราะเราถือเป็นเรื่องที่ต้องช่วยเหลือกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น