วันศุกร์, ธันวาคม 10, 2553
วัดใจ 'ทักษิณ' เหยียบอเมริกา หรือจะลับลวงพลาด
เป็นข่าวที่สร้างความสนใจได้ไม่น้อยสำหรับการออกมาเปิดเผยของ นายนพดล ปัทมะที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ของประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้มาชี้แจงกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ ซึ่งรวมไปถึงเหตุการณ์กระชับพื้นที่คนเสื้อแดงของรัฐบาลเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
เป็นข่าวที่สร้างความสนใจได้ไม่น้อยสำหรับการออกมาเปิดเผยของ นายนพดล ปัทมะที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (ซีเอสซีอี) ของประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้มาชี้แจงกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ ซึ่งรวมไปถึงเหตุการณ์กระชับพื้นที่คนเสื้อแดงของรัฐบาลเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
ความน่าสนใจอยู่ที่จังหวะของความเคลื่อนไหวครั้งนี้ เพราะต้องยอมรับว่าระยะหลังมานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เก็บตัวเงียบพอสมควร แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์รอดจากคดียุบพรรค ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาถล่มกระบวนการยุติธรรมของไทยตามถนัด แต่นี่กลับไม่แสดงความเห็น จึงไม่แปลกใจเมื่อนพดลที่ปรึกษาส่วนตัวออกมาเปิดประเด็นเรื่องนี้ย่อมเป็น ข่าวใหญ่พอสมควร ที่สำคัญสร้างผลกระเทือนไปยังรัฐบาลด้วย เพราะประเทศสหรัฐ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปนั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทยอยู่ ซึ่งผลงานในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากพลังล็อบบี้ยิสต์ของโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความต่างชาติส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
คำถามสำคัญ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จะใจถึงพอที่จะเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาหรือไม่
เพราะทั้งสองประเทศมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันอยู่ ดูท่าทีของทางการไทยก็เอาจริงเอาจังไม่น้อย เมื่อตำรวจที่ถือว่าเป็นต้นทางแรกของการเริ่มกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ ขยับเดินหน้าเรื่องนี้ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ได้ออกคำสั่งให้กองการต่างประเทศสอบถามไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ขอรับคำยืนยันว่า มีข้อมูลยืนยันว่า พล.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้าไปในประเทศสหรัฐอเมริกาจริงหรือไม่ โดยเมื่อได้รายละเอียดก็จะส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินการต่อไป
เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยนายกษิต ภิรมย์ เจ้ากระทรวงได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้เตรียมข้อมูลชี้แจงต่อซีเอสซีอีเช่นกัน พร้อมกับประสานงานกับตำรวจสากลตลอดเวลาเพื่อหาความเคลื่อนไหวและแหล่งพักพิง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่ากับว่าหากปรากฏเงา พ.ต.ท.ทักษิณ ในประเทศสหรัฐเมื่อไหร่ทางการไทยก็พร้อมจะส่งเรื่องขอให้ทางการสหรัฐคุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อดำเนินกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนทันที
“ที่ผ่านมาเราได้ส่งข้อมูลของ พ.ต.ท.ทักษิน ไปยังสถานทูตต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และโดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เป็นพิเศษ เนื่องจากไทยมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ได้ทำร่วมกันอยู่แล้ว ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปทางสหรัฐอเมริกา เชื่อว่าคงมีการส่งตัวกลับมายังประเทศไทยทันที” ท่าทีอย่างเป็นทางการจาก รมว.ต่างประเทศ
การตื่นตัวของทางการไทยกับความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ ทำให้ความมั่นใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจะสามารถเดินทางเข้าประเทศมหาอำนาจได้อย่างสง่างาม เริ่มมีความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับก่อนหน้านี้ที่นพดลยืนยันแบบหัวชนฝายังไงก็จะเดินทางไปตามคำเชิญอย่าง แน่นอน สะท้อนได้จากท่าทีล่าสุดของนพดล
“ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยัน 100% ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไป ในขั้นตอนแรกต้องรอให้ได้วีซ่าก่อน จากนั้นจึงจะดูเรื่องความปลอดภัย ทั้งทางร่างกาย และกฎหมาย ต้องประเมินความปลอดภัยเป็นระยะ จนวินาทีสุดท้าย และถ้าหากไม่สามารถเข้าสหรัฐอเมริกาจริงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเดินทางไปประเทศอื่นไม่ได้”
นอกจากนี้ กรณีการส่งตัวนายวิกเตอร์ บูตผู้ต้องหาค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซียไปให้ทางการสหรัฐก่อนหน้านี้ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ฝั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เกรงว่าจะเป็นการยื่นหมูยื่นแมว หรือเป็นมาตรฐานที่ทางการสหรัฐต้องปฏิบัติกับไทยเช่นเดียวกับที่ทางการไทย เคยปฏิบัติให้กับสหรัฐ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่าทีของนพดลดูเริ่มอ่อนลง
ขณะเดียวกัน ใช่ว่าถ้าในวันที่ 16 ธ.ค.พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เข้าสหรัฐจริง ก็ไม่ได้หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะจะแน่ใจได้อย่างไรว่าบนเวทีการประชุมซีเอสซีอี พ.ต.ท.ทักษิณ จะควบคุมประเด็นในการซักถามได้
ถ้ามีกรรมาธิการคนใดข้องใจเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยที่เกิด จากนโยบายรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ สมัยดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ เช่น สงครามฆ่าตัดตอนยาเสพติด 2,500 ศพ เหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือกรณีตากใบที่คนมุสลิมตายเกือบร้อย หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สามารถชี้แจงประเด็นเหล่านี้ได้ ย่อมทำให้เจ้าตัวเสียหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งหมดเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มไม่มั่นใจว่า ควรจะไปปรากฏตัวต่อที่ประชุมซีเอสซีอีหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองจากทางภาควิชาการแล้ว ยังมีความเห็นออกเป็นสองทางอยู่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะเข้าและไม่เข้าสหรัฐ โดยนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นักวิชาการฝั่งเสื้อแดงจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางไปตามคำเชิญของซีเอสซีอี เพราะเป็นโอกาสดีที่จะได้เปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด
“ในทางการเมืองระหว่างประเทศเป็นเรื่องเสียหายอย่างมากถ้าสหรัฐจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และส่งตัวให้ไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพราะการเดินทางในครั้งนี้มาจากการเชิญของทางซีเอสซีอี ไม่ใช่อยู่ดีๆ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปเอง จึงคิดว่าไม่เข้าเงื่อนไขส่งผู้ร้ายข้ามแดน”
ขณะที่แกนนำเสื้อแดงอย่าง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อาจถูกสหรัฐและรัฐบาลไทยสมคบคิด จนนำมาสู่การส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนให้ไทย
เช่นเดียวกับนายสุรชัย ศิริไกร นักวิชาการที่มีจุดยืนต้านระบอบทักษิณ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เดินทางไปสหรัฐตามคำเชิญดังกล่าว เพราะติดเรื่องที่ไทยกับสหรัฐมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน เว้นเสียแต่ว่าทีมงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้รับหลักประกันที่แน่นอนว่า ถ้าเข้าสหรัฐแล้วจะไม่ถูกส่งตัวให้กับทางการไทย
“ทางเลือกที่ดีที่สุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ คงใช้การให้สัมภาษณ์ผ่านช่องทางอื่นๆ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ดีที่สุด ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้รับหลักประกันดังกล่าว ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งทำความเข้าใจ โดยไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สื่อสารทางเดียว” นายสุรชัย กล่าว
ถึงที่สุดแล้วไม่ว่าปัจจัยแวดล้อมจะเป็นอย่างไร และอดีตนายกฯ ของไทยรายนี้ จะเดินทางเข้าสหรัฐหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว
จะตัดสินใจอย่างไรต้องได้บวกเท่านั้น
ที่มา: posttoday บทความโดย...ทีมข่าวการเมือง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น