ขณะคนไทยไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนกำลังชื่นชมกับความเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจ แต่ปัจจัยทางการเมืองเริ่มส่งสัญญาณการเคลื่อนไหวในลักษณะเป็นปฏิปักษ์กับ รัฐบาล และมีแนวโน้มนำไปสู่การเผชิญหน้าค่อนข้างสูง
ขณะคนไทยไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนกำลังชื่นชมกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างผิดคาด แม้ต้องผ่านขวากหนามจากความขัดแย้งทางการเมืองจนบ้านเมืองลุกเป็นไฟและภัย ธรรมชาติ ว่ากันว่า เศรษฐกิจปีนี้ โตไม่ต่ำกว่า 7% หากแต่ประเทศไทยจะยังสามารถฝันหวานได้หรือ เมื่อปัจจัยทางการเมืองเริ่มส่งสัญญาณการเคลื่อนไหวในลักษณะเป็นปฏิปักษ์กับ รัฐบาล และมีแนวโน้มนำไปสู่การเผชิญหน้าค่อนข้างสูง
กลุ่มที่ 1 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง อดีตแนวร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่เคยผ่านศึกร่วมต่อกรกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลนอมินีของทักษิณมาด้วยกัน
กลุ่มที่ 2 แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง ที่มีการเคลื่อนไหวในหลายรูปแบบเพื่อโค่นล้มรัฐบาล
กลุ่มที่ 3 กลุ่มนิยมความรุนแรง ที่พร้อมฉกฉวยโอกาสจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่1 และกลุ่มที่ 2 เพื่อซ้ำเติมสถานการณ์
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแนวร่วมได้แสดง บทบาทการเคลื่อนไหวอย่างเด่นชัดในการปฏิเสธรัฐบาลอภิสิทธิ์ อาทิ ปัญหาพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหาร การให้การสนับสนุนการต่อสู้กรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
ล่า สุด คือคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประกาศชุมนุมใหญ่หน้ารัฐสภาในวันที่23-25 พ.ย. เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ2 ฉบับ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง มาตรา 93-98 และการทำหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา มาตรา 190
"เรา เห็นว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำลังเล่นเกมการเมืองอำมหิต ด้วยการกลับลำยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ"นายสนธิลิ้มทองกุล แกนนำสำคัญของ พธม. ระบุ
นายสนธิ วิเคราะห์ว่า เรื่องนี้เป็นเกมที่นายกฯ สร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดการชุมนุมต่อต้านจากฝ่าย พธม. และให้ประชาชนอีกฝ่ายหนึ่งที่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินออกมาเผชิญ หน้ากันบนท้องถนน หวังเอาความวุ่นวายทั้งในสภาและนอกสภามาเป็นเหตุประกาศยุบสภา ให้ตัวเองออกจากตำแหน่งแบบเป็นพระเอก
"ถ้ามีการทำประชามติ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากประชาชนก่อน พธม.จะไม่คัดค้านเลยไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร"นายสนธิ กล่าว พร้อมตอบโต้ว่า การเคลื่อนไหวของ พธม. ไม่ใช่เป็นการยั่วยุเพื่อสร้างเงื่อนไขให้ทหารออกมาปฏิวัติ ดังที่นายกฯประเมิน แต่ทว่า...หากทหารปฏิวัติ ก็เป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ต้องรับผิดชอบ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกน นำสำคัญยิ่งอีกคนหนึ่งของ พธม. สำทับอย่างหนักแน่นถึงการหันหลังให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่า เห็นชัดว่านายกฯ รัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้จริงใจกับประชาชน
"นอกจากจะมีการชุมนุมวันที่ 23-25 พ.ย.แล้ว พธม.ยังยืนยันการชุมนุมใหญ่วันที่ 11 ธ.ค. บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนน ราชดำเนิน เพื่อคัดค้านการผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดน ร่วม JBC ไทย กัมพูชา และเป็นการชุมนุมแบบปักหลักพักค้าน ไม่ถอนญัตตินี้ออกจากสภาก็จะไม่เลิกการชุมนุม" พล.ต.จำลอง กล่าว
หันไปมองทางด้านแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ สส.สัด ส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. กล่าวถึงการจัดกิจกรรมรำลึก 6 เดือนเหตุการณ์ชุมนุมพฤษภาเลือดที่ผ่านไปเมื่อวันศุกร์ที่ 19 พ.ย.ว่า ขณะนี้ไม่มีความคิดจะชุมนุมใหญ่ เพราะไม่อยากให้ นปช.ถูกสวมรอยหรือลอบฆ่า
น่าสนใจในสิ่งที่แกนนำคนเสื้อแดงผู้นี้วิเคราะห์ถึงสิ่งบอกเหตุในเรื่องการลอบฆ่าหรือจุดชนวนความรุนแรง หากคนเสื้อแดงมีการชุมนุมใหญ่
"ดัง นั้น ขอให้ประชาชนมุ่งหน้าเข้าสู่วาระของการเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งนั้น ผลการเลือกตั้งจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้" นายจตุพร กล่าว
คำ กล่าวเช่นนี้อาจมาจากการที่นายจตุพรมั่นใจว่าสถานการณ์ทางการเมืองกำลังเป็น ใจให้คนเสื้อแดง และเป็นแรงกดดันให้นายกฯ ต้องตัดสินใจยุบสภาในเร็ววัน
"ขณะนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะว่าข้อมูลที่ได้มานั้นตรงกับข้อมูลของนายกฯ ที่ระบุว่าจะมีการปฏิวัติโดยกลุ่ม พธม.และทหารบางกลุ่มซึ่งใครอยากจะทำก็เชิญ ผมคงไม่ต้องบอกว่าประชาชนจะออกมาต่อต้านหรือไม่ เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจ" นายจตุพร กล่าว
อย่าง ไรก็ตาม สิ่งที่นายจตุพรกล่าวว่าจะไม่มีการชุมนุมใหญ่ ยกเว้นเกิดการปฏิวัตินั้นอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมดโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาคำ พูดของแกนนำเสื้อแดง อย่าง สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่ม 24 มิ.ย. ประชาธิปไตย
"กรณี ที่กลุ่ม พธม. จะชุมนุมวันที่ 11 ธ.ค.นั้น คนเสื้อแดงก็จะรวมตัวให้มีการชุมนุมคู่ขนานในวันนั้นด้วยเช่นกัน เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่าคนเสื้อเหลืองชุมนุมได้ คนเสื้อแดงก็ชุมนุมได้เช่นกัน ถ้า พธม.จัดชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯเราก็จะจัดชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ"หากกลุ่มคนเสื้อแดงดำเนินการตามที่นายสมยศพูดออกมา...สถานการณ์ทางการเมืองหลังจากนั้นคงยากที่จะคาดเดาถึงจุดจบ
เพราะ นั่นคือการเผชิญหน้าของคนสองสี สองอุดมการณ์ทางการเมือง แต่คราวนี้ แดง และ เหลือง กลับมีเป้าเดียวกันนั่นคือ ไม่เอารัฐบาลอภิสิทธิ์!
20 พฤศจิกายน 2553 เวลา 08:00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น