Ref: ข่าวสดรายวัน (update วันที่ 06 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7251 หน้า 3)
รายงานพิเศษ "กี้ร์-อริสมันต์ เปิดใจเส้นทางหลบหนี"
จาก อัลบั้ม นสพ.ข่าวสดรายวัน |
หมายเหตุ : นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำนปช. โทรศัพท์ให้สัมภาษณ์ รายการวิทยุผ่านอินเตอร์เน็ต "คุยข้ามฟ้ากับ Shanamy" ทาง www.konthaiuk.com เมื่อ 1 ต.ค. เป็นการเปิดใจครั้งแรกหลังหลบหนีไปในเหตุการณ์ 19 พฤษภาฯ
สบายดีไหม
ไม่ค่อยมีความสุข เพราะถูกคุกคามตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็มีคนของทางการตามตลอด แต่ผมก็มีคนไทยคอยดูแลผมตลอด
ได้เจอแกนนำคนอื่นๆ เช่น แรมโบ้ (สุภรณ์ อัตถาวงศ์) หรือไม่
ยังมีชีวิตอยู่และปลอดภัย เขาฝากมาว่าเราคงต้องรักษาตัวให้รอด ให้หลบเลี่ยงการพบปะกันเพราะเขายังไม่ปลอดภัยนัก เพราะเข้า ไปประเทศหนึ่งรัฐบาลที่นั่นบอกว่าไม่ปลอดภัย ให้หลบไปประเทศ อื่นก่อน สรุปว่าเรายังเดินสายหนีการไล่ล่าอยู่
ได้พูดคุยกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีการสื่อสารกัน ทุกคนยังยืนหยัดต่อสู้ อยากพัฒนาประเทศไทย ผมยังยึดมั่นอุดมการณ์ ให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเราจะกลับไปต่อสู้ เราไม่ใช่คนผิด หรือ คิดล้มสถาบันเพียงต้องการประชาธิปไตย
ที่สำคัญตอนนี้มีการคิดข้อเสนอขึ้นมา 10 ข้อ เช่น
1. อธิปไตยอำนาจต้องเป็นของประชาชน ต้องแบ่งแยกอำนาจให้ชัดเจน
2. ขบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระต้องเป็นธรรมและทันสมัย ต้องแฟร์ องค์กรอิสระต้องมีมาตรฐาน ไม่ซ้ายไม่ขวา
3. การพัฒนาคนพัฒนาชาติ เยาวชนต้องมีการศึกษาสูงเพื่อพัฒนาประเทศได้ดี รวมทั้งการส่งคนไปเรียนต่างประเทศ
4. พัฒนาด้านการเกษตรให้ทันสมัย ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การ ตลาด เทคโนโลยี การเก็บรักษาพืชผลที่ไม่ใช่วิธีโบราณแบบเดิมที่กระทรวงพาณิชย์ทำอยู่
5. การพัฒนาอุตสาหกรรม และการเศรษฐกิจการค้า การเงินการคลังต้องทันสมัย
6. ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ หมดสมัยที่จะใช้กำลังกับเพื่อนบ้าน ตอนนี้รัฐบาลมีปัญหากับเพื่อนบ้านรอบด้าน พม่า ลาว กัมพูชา
7. การจัดการทรัพยากร ที่มีนายทุนหนุนหลังให้เกษตรกรบุก รุกป่า ต้องจัดการให้ถูกต้อง
8. เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องให้มีส่วนร่วมทุกขั้นตอน ไม่ใช่อย่างที่เป็นมา มาเรียกร้องประชาธิปไตยกลับเข่นฆ่า
นี่เป็นประเด็นหลักๆ ที่เราต่อสู้อยู่ เพื่อจะนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
พูดถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่ผ่านมา
ผมไปปราศรัยทั่วประเทศมาหลายร้อยครั้ง ทุกที่ทั่วประเทศไม่เคยเกิดเหตุ เพราะเราไม่มีอาวุธ แต่ที่มีเหตุเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลให้ทหารออกมา มีอาวุธหนัก
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมีทหารถูกสังหารในวันที่ 10 เม.ย. ด้วย
ส่วนเรื่องการปรองดอง เราไม่คิดปรองดองกับฆาตกร คุณไม่อายหรือฆ่าคนแล้วมาบอกว่าเรามาปรองดองกัน แต่หากคุณยอมให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีสันติภาพ มีเสรีภาพ และยอมรับ 10 ข้อเสนอคนเสื้อแดงก็ปรองดองกันได้
ที่สื่อหลักว่าอริสมันต์เป็นฮาร์ดคอร์
ต้องมาดูความจริงว่าผมโดนอะไรบ้าง
1.เหตุการณ์แรก ผมโดนจับตัวที่บ้านในช่วงการชุมนุมเมื่อเดือน เม.ย.2552 จับผมแล้วเปลี่ยนรถ 3 คัน พาไปขึ้นฮ. จะพาไปไหนไม่รู้ พอฮ.ขึ้นไป คุณคิดจะเอาผมไปถีบที่ไหนก็ได้
ผมก็เลยบอกว่าหากตายก็ต้องตายกันทั้งหมด เขาถึงเอาฮ.ลงมา แล้วมาบอกว่ามีหมายจับอะไร จะพาไปที่ไหน แล้วทำไมไม่ยอมบอกสิทธิผมตั้งแต่ต้นให้ทนายความรับรู้ ให้ครอบครัวผมทราบ
2.เหตุการณ์ที่พัทยา เม.ย.2552 ผมไปยื่นหนังสือที่ประชุม เอเปก ตามปกติ แต่ส.ส.ประชาธิปัตย์พาคนมาทำร้ายพวกเรา ผมก็เลยจะไปยื่นหนังสือฟ้องผู้นำโลก ก็มีชายฉกรรจ์ใส่เสื้อสีน้ำเงินยิงคนของเราบาดเจ็บสาหัส ต้องปั๊มหัวใจ เกือบเสียชีวิต
คนก็บุกเข้าไปในโรงแรม ผมเป็นผู้นำก็ตามไปด้วยเพื่อห้ามการ ทำร้าย ห้ามการเผา แถลงข่าวว่าไม่มีประสงค์จะทำลายการประชุม เพราะทราบว่าเลิกไปแล้ว รัฐบาลเสียหน้าจึงสั่งคนมาทำร้ายเสื้อแดงที่ไปชุมนุม
3.เหตุการณ์ที่ 3 แล้วก็มีสำนักข่าวกรองขึ้นรถไล่ผมกลางวันแสกๆ ที่ถนนรัชดาฯ ผมหลบเข้าเส้นทางลัด มีมอเตอร์ไซค์ตามมาคันเดียว ผมเลยลงมาล็อกคอคนนั้นแล้วจับไว้ เขาสารภาพว่านายสุเทพให้มาล็อกตัวผมไป บอดี้การ์ดผมก็เลยเอาปืนจ่อค้นตัว ก็สารภาพหมดเลยว่าสุเทพสั่งมา
4.เหตุการณ์เขาส่งคนไปชาร์จตัวผมที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เอาระเบิดไปโยนใส่ห้องพักผม ผมรอดตอนนั้นเพราะตำรวจที่มาเป็นการ์ดให้สอนว่า เขาต้องการชีวิตผม หากมันบุกให้จับตาดูตรงประตู ก็จริงๆ มันถีบประตูแล้วโยนระเบิดเข้ามา
ลูกน้องผมบอกว่าหากเขาโยนระเบิดมาให้ไปที่ประตูก่อน อย่าไปสนใจระเบิดเพราะเป็นระเบิดเสียง ผมก็ไปล็อกประตู ทำให้ผมรอดเพราะเขายิงปืนตามมา 30 กว่านัด ประตูพรุน ผมก็หลบออกทางหน้าต่างแล้ววิ่งหนี แล้วโรยตัวลงมา
ผมไม่ได้เป็นฮาร์ดคอร์เพราะผมอยากเป็น แต่ผมถูกไล่ล่า ผมก็น้อยใจเหมือนกันที่สื่อว่าผมฮาร์ดคอร์ ที่บอกว่าผมพูดปราศรัยเรื่องเผากรุงเทพฯ มันก็เป็นเพียงวาทะที่ผมบอกว่าให้เอาน้ำมันมาคนละ 1 ลิตร กรุงเทพฯ จะเป็นทะเลเพลิงหากมีการปฏิวัติยึดอำนาจ
มันเป็นเงื่อนไข แต่ความจริงอีกฝ่ายเป็นคนทำ เป็นคนวาง แผนหมด
ความจริงเรามาเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องยุบสภาเลือกตั้ง ใหม่ ไม่ได้มีใครเตรียมมาเผาอย่างที่ให้ร้ายกล่าวหาผม
ทำไมไม่ยอมถูกจับ
ผมคิดไม่เหมือนเพื่อน เพื่อนยอม แต่ผมไม่ยอม คุณจับผมขึ้น ฮ. ผมก็สู้ คุณยิงผมที่เอสซีปาร์คผมก็สู้
คุณมาจัดการผมที่ราชประสงค์ ผมก็บอก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าผมขอกำลัง 2,000 คน ออกไปจากราชประสงค์ หลายคนก็บอกว่าไม่ได้จะเกิดการสูญเสียมาก แต่ผมว่าไม่สู้ก็สูญเสียเพราะตอนนั้นเช้าวันที่ 19 พ.ค. ก็เสียชีวิตไป 10 กว่าศพ เราน่าจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่จตุพร (พรหมพันธุ์) กับณัฐวุฒิ ว่าเราคงต้องใช้กฎหมาย ใช้เวทีโลกจัดการกับรัฐบาล ณัฐวุฒิก็กังวลว่าจะมีคนเสียชีวิตมาก แต่ผมเชื่อว่าเขาจะฆ่าผมแน่ ผมก็เลยตัดสินใจว่า ณัฐวุฒิ-จตุพร ก็สู้ในแนวทางของคุณ ผมก็ในแนวทางผม
ทั้งคู่ก็ขึ้นเวทีพูดสลายการชุมนุม ผมก็ออกจากที่ชุมนุมมาท่าม กลางเสียงกระสุนปืน จนเกิดข่าวลือว่าผมถูกจับ ถูกฆ่าที่นั่นที่นี่ แล้วคนก็มาบอกว่าผมเป็นฮาร์ดคอร์ ที่ผมรอดชีวิตจากการยิงขนาดนั้นไม่ใช่ผมเก่ง แต่ผมมีคนช่วยเหลือ
ความจริงผมไม่น่ารอด ณัฐวุฒิพูดกับผมก่อนจากกันว่า "พี่ผมเสียพี่ไม่ได้นะ ผมกลัวว่าพี่เดินออกไปหากพี่ไม่รอดผมจะเสียใจ" เขาพูดไปน้ำตาไหล ให้มอบตัวด้วยกัน ผมก็บอกผมยอมไม่ได้ ผมไม่ยอมจำนน
ผมใส่เสื้อใหม่ ใส่แว่นตา ใส่วิกผม เดินไปแถวหน้าพระพรหม บอกท่านว่าหากผมทำผิดให้ทหารฆ่าผมให้ตาย หากผมไม่ผิดให้ผมรอดไปได้ แล้วเดินออกไปบอกคนขายเสื้อแถวนั้นให้เขาพาไป เพราะเขารู้จักพื้นที่ดี หากผมตายก็จะมีพยาน
ผมเลือกจุดหนีที่อันตรายที่สุด เพราะที่อันตรายที่สุดย่อมเป็นที่ปลอดภัยที่สุด ทหารจะได้ไม่สงสัยว่าผมจะไปตรงนั้น ตอนหลังมีข่าวว่าจับผมได้ในรถยาริส สีขาวบ้าง ศาลาแดงบ้าง บนบีทีเอส บ้าง ซึ่งนั่นเป็นอริสมันต์ตัวปลอม
ตอนหลบออกมามีเสียงปืนดังมาก คนขายเสื้อบอกก้าวขาไม่ออก ผมเลยให้เขากลับแต่เขาขอไปด้วยบอกว่าอย่างน้อยประวัติ ศาสตร์หน้านี้มีเขาอยู่ด้วย
เขาชื่อสมภพ จะไปส่งอัศวินของเขาให้ปลอดภัย พาไปถนนเพชรบุรีและประตูน้ำคอมเพล็กซ์ ลูกน้องผมขับมอเตอร์ไซค์มาเรียกผม นายๆ ผมบอกเอ็งไปก่อน เสียแผนหมด
ผมก็ไปกับคนขายเสื้อที่ประตูน้ำคอมเพล็กซ์ นอนหมอบมองขึ้นไปเจอสไนเปอร์เป็นร้อย พอเขาหมอบลงผมก็เดินไปเจอศาลเจ้า มีทหารตำรวจมาก ลูกน้องก็เอามอเตอร์ไซค์มารับแล้วออกไป
ไปเจอ 2 ด่านที่มักกะสันกับรัชดาฯ แต่เหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ รถคันอื่นโดนเรียก คันผมผ่านได้ ไปถึงรัชดาฯ มีรถ ยาริส ตามมา แต่ผมนั่งนิ่งไม่เป็นพิรุธ ก็หลบไปได้
จากนั้นมีเสธ.ทหารนำรถเบนซ์มารับ แล้วมีรถตู้มารับต่อ ตอนนั้น เหมือนในหนังมาก เคว้งคว้าง หลบๆ ใช้วิธีการใช้สามัญสำนึก ออกนอกประเทศได้ก็เดินทางรอบๆ ประเทศไทย และล่องเรือไปประเทศอื่นๆ อีก ใช้เวลาเป็นเดือน แล้วก็มีคนไทยโครงข่ายของเราช่วย ก็ไปอยู่ในที่ปลอดภัย
จากนั้นก็ติดต่อกลับมายังมวลชนว่าผมปลอดภัยและยังยืนหยัดต่อสู้ จะปรับเปลี่ยนการต่อสู้อย่างไร มีข้อเสนอของคนเสื้อแดงอย่างไร
ที่ผมหลบมาได้นั้นอยากกราบขอบพระคุณหลายท่าน ที่อยากเล่าคือมีคนนำพระมาให้ ตอนผมรอดจากเอสซีปาร์คมีคนนำพระ 3 องค์มาให้พร้อมสายสร้อยสแตนเลส แต่ผมไม่ค่อยเชื่อถือวางพระไว้เกะกะ
วันหนึ่งก่อนเสธ.แดงโดนสังหาร พระท่านมาเข้าฝันว่าทำไมมึงไม่แขวนกูไว้ ตั้งแต่วันนั้นก็แขวนพระองค์นี้ ปลอดภัยมาถึงวันนี้ เลยแขวนมาตลอด
ที่เขายัดเยียดให้ผมเป็นฮาร์ดคอร์ ผมเองไม่เคยจะทำอะไรใครเลย มีแต่โดนไล่ล่าไล่ฆ่า แต่มีคนช่วยเหลือ กับอาศัยความสามารถของตัวเอง และพระคุ้มครองจึงหนีมาได้
ทหารอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยก็มี วันนั้นมีทหารมารอรับผม 20 คน วันที่ผมหนีออกมาได้ ผมบอกจะกลับไปสู้ ทหารห้ามผมไว้ เขาบอกว่าอย่าเลย
กลับไปสู้แล้วตายเป็นแสนก็ไม่มีทาง เพราะตายเขาก็ใส่ร้ายเป็นผู้ก่อการร้าย ให้หนีเถอะ วันหน้ายังมีโอกาสกลับมาอธิบายว่าความจริงเกิดอะไรขึ้น ทหารตำรวจที่เคียงข้างเราบอกว่าหากท่านตายไปอีกคน จะสูญเสียกำลังใจมาก วันที่ท่านกลับมาเรายังร่วมต่อสู้กับประชาชนได้
เขาก็จับผมขึ้นรถ ส่งผมออกไป ขอบคุณในน้ำใจที่นาทีนั้นเขายังเลือกจะอยู่ข้างเรา แทนที่เขาจะกลับลำพาผมไปส่งรัฐบาลเป็นผลงานโบแดงของเขา
เมื่อต้องเจอสถานการณ์ตอนนี้ ครอบครัวเป็นอย่างไร
เป็นปัญหาใหญ่ของผม ผมมีเพลงหนึ่งคือเพลงปาป๊า ผมเป็นพ่อที่ปกติกลับบ้านก็หอมแก้มลูก 3 คน ตอนนี้ผมไม่ได้ทำหน้าที่นั้น ไม่กล้าติดต่อไปเพราะกลัวเจอดักฟัง 2 เดือนแรกเขายังไม่รู้ผมไปไหนก็ไปแจ้งความว่าผมหายตัวไป
ผมอยู่กับครอบครัวมา 10 กว่าปีไม่เคยห่างกัน เป็นห่วงลูกๆ แต่ภรรยาผมเป็นคนเข้มแข็งคงจัดการปัญหาต่างๆ ได้ดี แต่ผมก็ยังไม่บอกว่าผมอยู่ไหน เพราะอยู่ไม่เป็นที่อยู่แล้ว
การเดินสายปรองดองของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เห็นอย่างไร
คุณก็มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการเข่นฆ่าประชาชน แล้วมาเรียกร้องปรองดอง มันก็คงยากที่จะปรองดองกันได้ ปรองดองแล้วรัฐบาลจะคืนประชาธิปไตยให้ประชาชนไหม คนที่เสียชีวิต บาดเจ็บจะเยียวยาอย่างไร คนที่บริสุทธิ์แต่ถูกจับกุมคุมขัง คนที่ถูกไล่ล่าเสียโอกาสในชีวิต ใครรับผิดชอบ
การปรองดองไม่ใช่แค่คำพูด แต่อยู่ที่การกระทำ หากจะปรองดอง
1.หยุดไล่ล่า
2.หยุดองค์กรอิสระ ทหาร ตำรวจ คุกคามประชาชน
3.จากนั้นกำหนดว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อ ต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และกลับไปเรื่องข้อเสนอ 10 ข้อที่ว่าไปแล้ว
4.ส่วนการสังหารประชาชน ต้องไปถามญาติวีรชนว่าเขารู้สึกอย่างไร อยากให้เป็นแบบไหน หากเห็นว่าคุณปรองดองจริงๆ เขาอาจมีความเมตตา เสธ.หนั่นคงต้องไปถามเจ้าทุกข์ตัวจริงเหล่านั้น ไม่ใช่ถามแค่นักการเมือง
เมื่อไหร่จะกลับเมืองไทย
วันนี้ผมก็ไม่ได้อยู่ไหน อยู่ในประเทศไทยนี่เอง ใกล้กรุงเทพฯ ด้วย บางทีก็เข้ากรุงเทพฯ ตำรวจก็เห็นแต่เขาไม่จับ บอกว่าให้ออกไปก่อนยังไม่สงบ ผมไปเชียงใหม่เขาก็บอกว่าให้หลบไปทางอื่นก่อน ผมก็เดินทางเข้าออกประเทศสบายๆ
มีเงื่อนไขจะเปิดเผยตัวกับสาธารณชนอย่างไร
1.อภิสิทธิ์ยุบสภา 2.นำข้อเสนอเสื้อแดง 10 ข้อไปปฏิบัติ
รูปธรรมก็เช่น สอบสวนการกระทำของเสื้อแดงกับรัฐบาลคน ละชุด ให้เวลา 6 เดือน หากสรุปว่าคนเสื้อแดงไม่มีความผิดก็ต้องปลดปล่อย เยียวยา หากผิดก็ขึ้นศาลยุติธรรม และหากสอบ สวนว่ารัฐบาลผิด-ไม่ผิด ก็นำขึ้นศาลว่ากันไปเต็มที่
คณะกรรมการนี้ต้องเป็นกลาง ปราศจากการแทรกแซง มีการเลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนตัดสิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น