ข้อมูลโดย: โดย ปิยมิตร ปัญญา piyamitara@gmail.com
ที่มาข้อมูล: มติชนออนไลน์ วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 21:20:43 น.
หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 4 กันยายน 2553 หน้า17
อิกอร์ เซชิน รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย และวลาดิมีร์ ปูติน นายกรัฐมนตรี VS.วิคเตอร์ บูท
จาก อัลบั้มภาพ Matichon Online |
ส่วนหนึ่งของอาวุธที่หลายคนเชื่อว่าอาจเป็นชิ้นส่วนของ "แซม" // เครื่องบินลำเลียง อิลยูชิน 76 ที่ดอนเมือง
วิคเตอร์ บูท กับเครื่องบินปริศนาที่อู่ตะเภา
เรื่องราวของ วิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธระดับโลกของสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถูกทักท้วงมาว่ารวบรัดไปนิดจนไม่ได้ตอบคำถามในหลายๆ คำถามสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเด็นของการเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดกับสิ่งที่เกิด ขึ้นตามมาในเมืองไทย
ในห้วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านไปนั้น มีข้อมูลอีกหลายอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องเดียวกันนี้ส่งมาถึงมือผม 2 ชิ้น ในจำนวนนั้นน่าสนใจอย่างมาก หนึ่งนั้นเป็นบทความน่าสนใจของ ยูเลีย แลตตีนิน่า ใน มอสโก ไทม์ส เมื่อไม่นานมานี้ ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกไว้ไม่น้อย อีกหนึ่งเป็นข้อเขียนของนักเขียนนักข่าวมือเก๋าในแวดวงข่าวสารของเอเชีย อย่าง เบอร์ทิล ลินท์เนอร์ ที่ให้ภาพรวมของเรื่องไว้อย่างดีเยี่ยม
ยูเลีย แลตตีนิน่า เป็นผู้หญิงครับ เธอเป็นเจ้าของรายการทอล์กโชว์ทางการเมืองคนสำคัญในโซเวียต รายการของเธอออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุ เอ็คโค่ มอสก์วี ต่อเนื่องเป็นเวลานาน สะท้อนถึงความนิยมได้เป็นอย่างดี
เบอร์ทิล ลินท์เนอร์ เป็นอดีตผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ฟาร์อีสเทิร์น อีโคโนมิค รีวิว ที่ปิดตัวไปแล้ว เป็นเจ้าของงานเขียนหลายเล่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเขียนที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพม่า และความขัดแย้งทางการเมืองในอุษาคเณย์ งานเขียนเล่มล่าของเขาคือ "บลัดบราเธอร์ส" ที่ว่าด้วยเรื่องอาชญากรรม ธุรกิจ และการเมืองในเอเชีย ขณะยังทำงานข่าว งานเขียนเป็นประจำให้กับ เอเชีย แปซิฟิก มีเดีย เซอร์วิส
ข้อเขียนของลินท์เนอร์ เผยแพร่อยู่ใน เอเชียไทม์ส ออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาครับ
นอกเหนือจากวิคเตอร์ บูท แล้ว งานเขียนทั้งสองชิ้นนำผมไปรู้จักกับ อิกอร์ เซชิน สหายสนิทของบูท ที่โมซัมบิก ในราวทศวรรษ 1980 เป็นโมซัมบิก เดียวกับที่วิคเตอร์ บูท ปฏิเสธผ่าน ภรรยาในการแถลงครั้งล่าสุดว่า ไม่เคยไปใช้ชีวิตอยู่
และชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง วิคเตอร์ บูท กับเครื่องบินขนอาวุธปริศนา 35 ตัน ที่อู่ตะเภาครับ!
คนที่บอกว่าวิคเตอร์ บูท เคย "รับราชการ" อยู่ในโมซัมบิก ในช่วงทศวรรษ 1980 ก็คือ ยูเลีย แลตตีนิน่า เธอชี้ให้เห็นว่า รัสเซียนอีกคนที่อยู่ที่นั่นในห้วงเวลาเดียวกันคือ อิกอร์ เซชิน เหตุผลประการหนึ่งนั้นเนื่องเพราะทั้งคู่พูดคล่องทั้งภาษาฝรั่งเศส และปอร์ตุกีส นอกเหนือจากภาษารัสเซียที่เป็นภาษาแม่
อิกอร์ เซชิน สูงวัยกว่า บูท 7 ปี หน้าที่อย่างเป็นทางการของเขาในเวลานั้นก็คือ การทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับคณะผู้แทนทางการทูตและการค้า ของสหภาพโซเวียตที่ประจำอยู่ในประเทศซึ่งใช้ภาษาปอร์ตุกีสประเทศนี้ในเวลา นั้น
แต่ข้อมูลที่ปรากฏใน http://rt.com บอกเอาไว้อย่างนี้ครับ
"มีบางคนเชื่อว่า เพราะการเดินทางไปประจำอยู่ในโมซัมบิกนี่เอง ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เซชิน กลายเป็นมืออาชีพคนหนึ่งของเคจีบี (หน่วยสืบราชการลับของสหภาพโซเวียตในเวลานั้น) และถูกพาดพิงถึงในฐานะ "ตัวแทน" หรือ "นายหน้า" สำหรับการลักลอบจนอาวุธเข้าไปขายในตลาดมืดทั้งในละตินอเมริกา และตะวันออกกลาง"
ข้อมูลเพียงเท่านั้นอาจสะท้อนอะไรออกมาให้เห็นได้ไม่มากมายนัก ถ้าหากไม่ประกอบเข้ากับข้อเท็จจริงสำคัญอีกประการที่ว่าอิกอร์ เซชิน ในเวลานี้คือ รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย
และเป็นคนที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของรัสเซียในเวลานี้รองจาก วลาดิมีร์ ปูติน นายกรัฐมนตรี
ถ้าข้อมูลที่ว่าเหล่านี้เป็นความจริง นั่นไม่เพียงอธิบายได้ว่า ทำไมวิคเตอร์ บูท ที่ถูกหลายประเทศขึ้นบัญชีดำในฐานะพ่อค้าอาวุธคนสำคัญ แถมยังถูกแซงค์ชั่นโดยสหประชาชาติ ถึงยังใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างหรูหราและลอยนวล ในฐานะ "นักธุรกิจ" ที่ประสบความสำเร็จ ในกรุงมอสโก หากแต่ยังอธิบายได้ด้วยว่า เพราะเหตุใด ทางการรัสเซียถึงออกอาการ "หัวฟัดหัวเหวี่ยง" เมื่อศาลไทยตัดสินชี้ขาดให้ส่งตัววิคเตอร์ บูท ไปดำเนินคดีในสหรัฐอเมริกา
และเพราะเหตุใด ทางการสหรัฐอเมริกาถึงต้องการตัววิคเตอร์ บูท มากมายนักหนา เพราะมันสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า "วิคเตอร์ บูท" คือตัวเชื่อมโยงสำคัญอย่างยิ่งยวด ที่อาจนำไปสู่โครงข่ายค้าอาวุธในตลาดมืดขนาดใหญ่โตกว่าที่หลายคนคาดคิด
ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการทำลายเครือข่ายค้าอาวุธของวิคเตอร์ บูท เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
ในช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา มีนักค้าอาวุธ "ตัวเอ้" หลายคนถูกจับกุม
เดือนกันยายน 2006 ฮัดจา ซูบันดี้ พ่อค้าอาวุธรายใหญ่ชาวอินโดนีเซีย ถูกจับกุมพร้อมเพื่อนร่วมก๊วนชาวศรีลังกาและสิงคโปร์ ที่เกาะกวม ซึ่งเป็นดินแดนใต้อาณัติของสหรัฐอเมริกา รูปแบบของการจับกุมเป็นการล่อซื้อทำนองเดียวกันกับกรณีของวิคเตอร์ บูท
ที่น่าสนใจก็คือ ฮัดจา ซูบันดี้ พร้อมพวก ถูกกล่าวหาว่า พยายามที่จะขาย "แซม" และอาวุธทันสมัยอานุภาพสูงอีกจำนวนหนึ่งให้กับกองกำลังพยัคฆ์ทมิฬอีแลม กลุ่มกบฏในศรีลังกา มูลค่ารวม 900,000 ดอลลาร์
เกือบปีให้หลัง คือในปี 2007 มันเซอร์ อัล-คัสซาร์ มหาเศรษฐีพันล้านชาวซีเรีย ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อค้าอาวุธระดับโลกคนสำคัญอีกคน ถูกจับกุมด้วยแผนล่อซื้อแบบเดียวกันกับกรณีของวิคเตอร์ บูท ขณะนี้อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่ในสหรัฐอเมริกา ในข้อหาพยายามขายอาวุธมูลค่ามหาศาลให้กับกองกำลังกองทัพปฏิวัติแห่ง โคลัมเบีย หรือฟาร์ค เช่นเดียวกัน
จาก อัลบั้มภาพ Matichon Online |
อาวุธที่ขายมี "แซม" รวมอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
ในเอกสารบรรยายฟ้อง ซึ่งสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ดีอีเอ) ยื่นต่อศาลเพื่อให้พิจารณาประทับรับฟ้องคดีของวิคเตอร์ บูท ซึ่งถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2008 ที่กรุงเทพฯ ระบุเอาไว้อย่างนี้ครับ
"บูทแสดงท่าทีชัดเจนว่าสามารถส่งมอบจรวดชนิดยิงจากผิวพื้นสู่อากาศ (แซม) ให้กับฟาร์คได้ระหว่าง 700-800 ลูก, ปืน เอเค-47 (คาลาชนิคอฟ) 5,000 กระบอก, กระสุนอีกหลายล้านนัด, อะไหล่หลายชนิดสำหรับใช้กับไรเฟิลของรัสเซีย, กับระเบิดสังหารบุคคล, ระเบิด ซีโฟร์, อุปกรณ์มองกลางคืน, เครื่องบิน ชนิดเบาพิเศษ ที่สามารถติดตั้งเครื่องยิงระเบิดและจรวดได้, เครื่องบินไร้นักบิน ที่มีพิสัยปฏิบัติการระหว่าง 200-300 กิโลเมตร"
ข้อสังเกตที่น่าสนใจก็คือ หนึ่งในบรรดาสรรพาวุธที่บูทเสนอขาย มี "แซม" จำนวนมากรวมอยู่ด้วย
แอนโธนี่ ดาวิส นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของ "ไอเอชเอส เจน" กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่มีข้อมูลข่าวสารด้านการทหารและความมั่นคงมากที่ สุดกลุ่มหนึ่งในเวลานี้ ชี้ให้เห็นว่า นอกจากรูปแบบของการจับกุมอย่างน้อย 3 ครั้ง จะเป็นทำนองเดียวกันแล้ว อาวุธหลักที่ถูกระบุไว้ในการจับกุมทั้ง 3 ครั้ง เป็นจรวดชนิดยิงจากผิวพื้นสู่อากาศ หรือ "แซม" นั่นเอง
ดาวิสบอกว่า สหรัฐอเมริกากำลังกังวลอย่างหนักกับการแพร่ระบาดอยู่ในตลาดมืดของจรวดแซมที่ ผลิตในรัสเซีย มีชื่อรหัสอย่างเป็นทางการว่า 9 เค 38 อิกลา หรือที่ทางการทหารอเมริกันเรียกว่า เอสเอ-18 ที่เป็นรุ่นซึ่งพัฒนาขึ้นมาจาก 9 เค 310 อิกลา-1 หรือ เอสเอ-16 กิมเล็ต
เอสเอ-18 นั้น ดาวิสระบุว่า มีขีดความสามารถในการหลบเลี่ยงอาวุธที่ยิงเข้าใส่จากเครื่องบินเป้าหมายได้สบายๆ
ลองคิดดูว่า ถ้าหาก "เฮซบอลเลาะห์" ครอบครองอาวุธนี้ หรือ "ทาลีบัน" มีมันไว้อยู่ในมือ ยอดสูญเสียของทหารอิสราเอลและอเมริกันจะมีมากเพียงใด?
ในช่วงเวลาที่เครื่องบินลำเลียงทางอากาศ "อิลยูชิน 76" ผลิตในรัสเซีย เดินทางจากเกาหลีเหนือ ผ่านมายังดอนเมืองและถูกจับกุมด้วยอาวุธหนัก 35 ตันบนเครื่องก่อนหน้าที่จะบินไปตามเส้นทางบินของตนเองสู่จุดหมายปลายทางที่ อิหร่าน เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2009 นั้น วิคเตอร์ บูท ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำที่กรุงเทพฯ
บูทคงไม่มีปัญญาจัดการรวบรวมและจัดระเบียบการขนส่งอาวุธล็อตใหญ่อย่างนั้นจากในเรือนจำได้แน่?-หรือไม่ใช่?
ถึงจะทำไม่ได้ ยูเลีย แลตตีนิน่า ก็มีข้อมูลบ่งชี้ให้เห็นว่า วิคเตอร์ บูท อย่างน้อยที่สุดก็พัวพันอยู่กับการจัดส่งอาวุธปริศนาล็อตนั้น เธอระบุเอาไว้ในข้อเขียนในมอสโก ไทม์ส ชัดเจนว่า อาวุธ 35 ตันล็อตนั้น "เป็นของบริษัทที่ควบคุมโดยวิคเตอร์ บูท"
แลตตีนิน่าแกะรอย "แอร์ เวสต์ จอร์เจีย" ที่เป็นเจ้าของเครื่อง อิล-76 ลำนั้นไปจนได้ที่อยู่จดทะเบียนของบริษัทในจอร์เจีย อดีตรัฐของสหภาพโซเวียตใกล้กับ "วีนูโคโว แอร์พอร์ต" ในกรุงมอสโก
นอกจากนั้น "แอร์เวสต์" ยังมีชื่ออยู่ในระเบียนรายชื่อบริษัทธุรกิจในเว็บไซต์ Gde24.ru ให้รายละเอียดที่ตั้งมากขึ้นไปอีกว่า "อยู่ใกล้ สถานีรถไฟใต้ดินถนนโอคอตนีย์ และห่างจาก พระราชวังเครมลิน (ที่ทำการรัฐบาลรัสเซีย) และ สำนักงานความมั่นคงแห่งรัฐ (เอฟเอสเอส-ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบด้านข่าวกรองและความมั่นคงของรัสเซีย ที่สืบทอดมาจากเคจีบี) เพียงชั่วขว้างก้อนหินถึง บนถนน ลู้บนันสกายา พล็อดช้าด"
อีกครั้งที่ข้อมูลทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า วิคเตอร์ บูท ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักธุรกิจ "ที่ประสบความสำเร็จ" ดาดๆ ธรรมดา
เครือข่ายของเขาไม่ใช่เครือข่าย ดาดๆ ธรรมดา เส้นสายของเขายิ่งไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
ดักลาส ฟาร์ราห์ เจ้าของหนังสือ เมอร์ชานท์ ออฟ เดธ บอกเอาไว้ว่า วิคเตอร์ บูท อายุแค่ 43 ปีก็จริง แต่ข้อมูลที่เขามีอยู่กับตัว ย้อนหลังกลับไปมากกว่า 2 ทศวรรษ
ที่สำคัญก็คือ มันสามารถเชื่อมโยงไปถึง "ใจกลาง" ของมอสโกในเวลานี้อีกต่างหาก
ผมถามตัวเองเป็นการทิ้งท้ายในการเขียนข้อเขียนชุดนี้เอาไว้ว่า ถ้าผมมีคนอย่าง วิคเตอร์ บูท ที่มีปูมหลังมากมายมหาศาลนั่งทับไว้อยู่ในมือ ผมจะทำอย่างไร?
ผมบอกกับตัวเองว่า ผมคงอดไม่ได้ที่จะหาโอกาสไปนั่งสอบถาม รับฟัง และคุ้ยแคะแกะเกาอะไรก็ตามที่อาจจะแสวงหาได้จากคนอย่างนี้แน่นอน
ถึงแม้ว่า จนถึงขณะนี้ วิคเตอร์ บูท ยังคงเป็น วิคเตอร์ บูท เป็นคนที่ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่า ไม่เคยมีมือเปื้อนเลือด ไม่เคยมีบทบาทด้านมืดแม้แต่นิดเดียวก็ตามที
แต่ที่สำคัญ ผมคงเข้าไปสอบถามในท่วงทำนองที่เนียนลออ ไม่หยิบโหย่งโฉ่งฉ่าง เหมือนอย่างที่บางคนทำแน่นอนอีกเหมือนกันครับ
*************
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
ปะทะคารมเดือด "ต่อพงษ์-ศิริโชค" ออกอากาศสดทางทีวี กรณีการเข้าเยี่ยม"วิคเตอร์ บูท"ในเรือนจำ
ที่มา: มติชนออนไลน์(วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 09:39:16 น.)
เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 6 กันยายน รายการข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางทีวีช่อง 3 ในช่วงเจาะข่าวเด่น ของ"สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ได้นำ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ต่างประเทศ และนายศิริโชค โสภา ส.ส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรี มาออกในรายการ
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
กรณี นายศิริโชคเข้าเยี่ยมนายวิคเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธชาวรัสเซีย เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างประเทศ ที่มีนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น จากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน ต้องรุดไปไปเยี่ยมนายวิคเตอร์บูทเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมาบ้าง จนมีการแถลงข่าวตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ฝ่าย เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา
ต่อพงษ์ : ข้อมูลจากการแถลงของคุณศิริโชค โสภา กับข้อมูลจากการแถลงของภรรยานายวิคเตอร์ บูธออกมาไม่ตรงกัน ซึ่งประเด็นนี้ก็ตั้งประเด็นได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมืองหรือไม่ เพราะเราเป็นนักการเมืองและคนที่เกี่ยข้องก็เป็นนักการเมือง แล้วข้อมูลที่ล่องลอยต่างๆนั้นอะไรจริงอะไรเท็จ
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
ส่วนตรงนั้นกรรมาธิการก็ตั้งคำถามว่าควรนำความจริงมาสู่สาธารณชน จึงเข้าไปพบวิคเตอร์ บูธ ซึ่งก็ได้มีการซักถามอย่างตรงไปตรงมา ตามที่เป็นข้อมูลตามสาธารณะที่คุณศิริโชคได้บอกว่าไปในนามสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร ทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามที่วิคเตอร์ บูธได้นำเสนอตอนท้าย แต่ตอนแรกเป็น"ผู้ช่วยส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี"
ถ้าบอกในลักษณะแบบนั้นก็คือเป็นส่วนของรัฐบาล ถ้าบอกว่ารัฐบาลเกี่ยวข้องแล้วจะกลายเป็นก้าวก่ายอำนาจศาลหรือไม่ ซึ่งประเด็นคำถามคือเจตนาของคุณศิริโชคเข้าไปเพื่ออะไร
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
ศิริโชค : ถ้าบอกว่าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวก็หมายถึงเป็นในนามส่วนตัวอยู่แล้ว ถ้าสมมติพูดแบบนั้นจริง แต่พอดีผมไม่ได้พูด ผมเข้าไปแนนะตัวในฐานะส.ส. ต้องเข้าใจว่าคุณวิคเตอร์ บูธเป็นผู้ต้องหาระดับโลก เขาจะไปบอกคุณต่อพงศ์ทุกอย่างที่เป็นความจริงหรือเปล่า ผมยืนยันว่าผมไปพบข้อมูลที่ฝ่ายค้านศรีลังกากล่าวหาคุณทักษิณไปมีส่วนเกี่ยว ข้องกับการค้าอาวุธ
ผมก็เข้าไปเพื่อเอาข้อมูล แต่คุณต่อพงษ์เข้าไปแล้วใช้กรรมาธิการต่างประเทศอ้างเพื่อเข้าไปป้องความ จริงให้กับคุณทักษิณ ต่อมาก็พิสูจน์ให้เห็นชัดว่าตกลงสิ่งที่เกิดขึ้นคือแก้ตัวให้กับคุณทักษิณ และพ่อค้าความตาย
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
ต่อพงษ์ : ถ้าคนที่ถูกกล่าวอ้างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ โดยท่านจตุพรถามในที่ประชุมงบประมาณว่าท่านศิริโชคเข้าไปจริงหรือไม่ แต่คุณศิริโชคก็ต่อความยาวสาวความยืดออกไปไปเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ซึ่งท่านไม่ได้อยู่ในที่นั้น และท่านก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เลย ประเด็นมันเกิดขึ้นเมื่อโดนพาดพิงแต่บุคคลที่ถูกพาดพิงไม่สามารถมาชี้แจง แล้วใครจะให้ความเป็นธรรม
ศิริโชค : จริงๆแล้วคุณทักษิณมีโอกาสชี้แจง เพราะฝ่ายค้านศรีลังกาแถลงตั้งแต่เดือนเมษายน ผมเอาข้อเท็จจริงของฝ่ายค้านมาพูด ตนจึงต้องเข้าไปหาข้อเท็จจริงจากนายวิคเตอร์ บูธ
สำหรับข้อเท็จจริงประเด็นเรื่องที่จะพิสูจน์คำถามว่า นายศิริโชค เข้าไปเพื่อต่อรองว่าถ้าให้ร้ายคุณทักษิณจะไม่ถูกดำเนินการ หรือไม่ นายต่อพงศ์ กล่าวว่า ประการแรกนายวิคเตอร์ บูธเขาบอกว่าคุณศิริโชคให้อ่านรายงานที่คุณศิริโชคกล่าวอ้างมาหรือก็คือ ข้อมูลของฝ่ายค้านศรีลังกา เมื่อวิคเตอร์ บูธอ่านแล้วจึงถามว่า "มันเกี่ยวอะไรกับผม"
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
ถ้าถามว่าต้องลำเลียงสินค้า เขาก็วาดแผนที่ให้เลยจากเคฟ ถ้าจะไปเปียงยาง มัน 1 หมื่นไมล์ คุณก็บินจากเคียฟไปเปียงยางแล้วลงมาจำหน่ายตามสินค้านั้นๆไม่ดีกว่าหรือ ทำไมเครื่องบินลำนั้นต้องบินจากเคียฟแล้วมายูเออี จากยูเออีมาไทยเพื่อเติมน้ำมัน แล้วไปเปียงยาง แล้วจากเปียงยางจึงมากรุงเทพฯ แล้วจากนี้จะไปไหนก็เรื่องของเขา
แต่การที่ต้องย้อนลงมามันใช้ระยะทางถึง 25,000 ไมล์ สื่อความหมายว่า ถ้าลงทุนทางธุรกิจก็เจ๊ง นัยยะของคนที่ดำเนินการก็ต้องมีเบื้องหลัง เขาก็ตั้งคำถามว่าไม่รู้ว่าใคร แต่คนที่ทำต้องมีอำนาจแน่ คือคุณวิคเตอร์ บูธบอกว่าคุณศิริโชคถามว่า คุณรู้จักคุณทักษิณหรือไม่ เคยทำธุรกิจหรือไม่ แม้กระทั่งเคยคิดจะทำธุรกิจด้วยกันไหม ซึ่งคุณวิคเตอร์ก็บอกว่าไม่รู้จัก ตรงนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
ศิริโชค : การที่จะเข้าไปคุยกับผู้ค้าอาวุธระดับโลกต้องมีข้อมูลให้ดี ไม่อย่างนั้นก็โดนเขาต้ม ที่เขาบอกว่าเครื่องบินบินจากเคียฟนี่ไม่จริง ในแผนการบินแสดงว่าบินมาจากอาเซอร์ไบจัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณวิคเตอร์ บูธบอกนั้นไม่จริง และในแอร์เวย์ บิลล์นั้นเขาไม่ได้ลักลอบสินค้า แต่เขายัดไส้สินค้า คือทำเป็นว่าเป็นเครื่องบินพาณิชย์ ก็เลยต้องบินตามจุดต่างๆ ซึ่งต้องตรวจข้อมูลมาก่อนไม่อย่างนั้นก็จะโดนเขาหลอกว่ามาจากเคียฟ
ต่อพงษ์ : ตั้งคำถามต่ออีกว่า
ถ้า บอกว่ามีการยัดไส้ แล้วทำไมไม่จับนักบินทั้ง 5 คนและเครื่องบิน ทำไมถึงปล่อยไปและยึดแค่อาวุธซึ่งตรงนี้เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่ามันมี อะไรอยู่เบื้องหลัง พยายามโยงใยให้เห็นว่ามีบุคคลเกี่ยวข้อง โดยกระบวนการทั้งหมดเป็นการสร้างขึ้นมาและนำไปพูดโดยไม่ตรงความเป็นจริง อยากให้สาธารณชนรับทราบว่าให้หยุดการใส่ร้ายกัน
ศิริโชค : ต้องดูว่าเครื่องบินเป็นของใคร จดทะเบียนชื่ออะไร เช้าต่ออย่างไร ซึ่งมันเป็นปัญหาที่หลบซ่อนเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเครื่องบิน ตนเห็นเครื่องบินลำนี้มีส่วนเกี่ยวกับวิคเตอร์ บูธ
ต่อพงษ์ : ขอตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า คุณศิริโชคจะจับกุมึณทักษิณ ทำไมคุณศิริโชคไปถามกับนายวิคเตอร์ บูธ
ศิริโชค : คุณต่อพงษ์ไม่รู้เรื่องที่ผมไปคุยมา นายวิคเตอร์ บูธถามกล่าวว่า สหรัฐไม่มีความจริงใจกับเราเลย ซึ่งผมไม่อยากจะพูดเพราะมันกระทบประเทศที่ 3 นายวิคเตอร์กล่าวว่า ถ้าสหรัฐมีความจริงใจจริงป่านนี้ก็ต้องจับคุณทักษิณให้เราได้แล้ว ผมถามว่าถ้าผมมีหมายเลขเครื่องบินของคุณทักษิณแล้วเราจะทำอย่างไร ซึ่งตรงนี้มันเป็นคำถามต่อเนื่องที่สนทนาต่อกัน
ต่อพงษ์ : ประเด็นคือสิ่งที่นายศิริโชคกล่าวมามันไม่ตรงกันกับข้อมูลในสาธารณะ ผมจึงมีหน้าที่ถามว่า สิ่งที่นายศิริโชคพูดจริง เท็จอย่างไรเพราะคำแถลงการณ์ภรรยานายวิคเตอร์ออกมาไม่ตรงกัน
จาก อัลบั้มมติชน ออนไลน์ |
นอกจากนี้ ในประเด็นข้อคำถามว่า นายศิริโชคไปหานายวิคเตอร์ บูธเพียงคนเดียวจริงหรือไม่
ศิริโชค : ยืนยันว่า ผมไปพบนายวิคเตอร์เพียงคนเดียวจริง
ต่อพงษ์ : นายวิคเตอร์ บูธกล่าวว่า มีคนมาเยี่ยม 2 คนแต่งตัวคล้ายกันใส่กางเกงสแลคสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว และแจ็คเก็ตสีดำ และมาโดยไม่แจ้งสถานะตัวเอง
ศิริโชค : เวลาผมไปหานายวิคเตอร์ ผมไปนั่งรอประมาณ 5 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นั่งฟังอยู่ข้างใน แต่ผมไม่แน่ใจว่านายวิคเตอร์ บูธพูดถึงเรื่องอะไร เพราะเขาเป็นพูดต้องหา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น