Ref: ข่าวสดรายวัน หน้า 6 (updateวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7242)
บทความโดย: เหล็กใน ชื่อบทความ: หลักฐานโผล่
จาก อัลบั้ม นสพ.ข่าวสดออนไลน์ |
ตลอดเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการคลี่คลายคดี 91 ศพเหยื่อปืนจากเหตุการณ์สลายม็อบแดง ไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย
ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯในฐานะผอ.ศอฉ. ไม่เคยให้ความสำคัญกับคดีความที่คนเสื้อแดงตกเป็นผู้เสียหาย
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้คลี่คดี 91 ศพโดยตรงก็ทำงานแบบอืดอาด
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต
ทวงถามความคืบหน้าในการชันสูตรศพไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยจากปากนายธาริต ไม่ว่าจะเป็นคดีสังหารหมู่ 6 ศพในวัดปทุมวนาราม
หรือคดีสังหารนักข่าวญี่ปุ่นและอิตาลี นายธาริตกลับบอกว่ารู้แค่ว่าถูกยิงที่จุดไหน แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่า !?
ผิดกลับคดีการไล่เช็กบิลบรรดาเสื้อแดง นายธาริตดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ให้ความสำคัญยิ่งกว่าการตาย 91 ศพ
แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าญาติผู้เสียชีวิตจะมีความหวังขึ้น
เมื่อทีมสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ นำเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 คนขึ้นไปตรวจสอบบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีสยามสแควร์ไปถึงบริเวณหน้าวัดปทุมวนาราม
และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดนาน 4 ชั่วโมง พบหลักฐานที่น่าสะพรึงกลัวเจอปลอกกระสุนปืนเอชเคหลงเหลือตกอยู่ในซอกใต้รางรถไฟฟ้า
เป็นปลอกกระสุนที่เก็บไปไม่หมดหลังเกิดเหตุใหม่ๆ
หลักฐานเหล่านี้ทำให้คดี 91 ศพโดยเฉพาะฆ่าหมู่ 6 ศพวัดปทุมฯดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
เพราะไปสอดคล้องกับภาพและคลิปของกลุ่มคนสวมชุดเขียว !!
นอกจากนี้ยังมีการใช้เลเซอร์ตรวจสอบวิถีกระสุนจากบนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมฯ พบว่าตรงกับจุดที่ 'น้องเกด'กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสากับเพื่อนๆ ถูกยิงตาย
ในชั้นนี้คงยืนยันได้แล้วว่า 6 ศพในวัดปทุมฯถูกกระหน่ำยิงจากบนรางบีทีเอสจริงๆ
ปลอกกระสุน ร่องรอยเขม่าปืน ขวดน้ำเปล่า ถือได้ว่าเป็นหลักฐานเด็ดจริงๆ
แต่ก็ยังไม่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบของดีเอสไออีกหลายขั้นตอน
ยังไม่อาจฟันธงลงไปได้ชัดเจน !?
เพราะไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ
อาจเห็นใครออกมานั่งแถลง สรุปว่าปลอกกระสุนที่เจอเป็นของกลุ่มชายชุดดำทำหล่นไว้หรือเปล่า
เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ในรัฐบาลยุคนี้
จาก อัลบั้ม นสพ.ข่าวสดออนไลน์ |
บุกรางรถไฟฟ้า เจอทีเด็ด คลี่ยิง6ศพวัดปทุม
Ref: ข่าวสดรายวัน หน้า 1(update วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7240)
ทีมดีเอสไอพบ ปลอกกระสุน! 'เลเซอร์'ยันวิถี เด็ดหัวเสื้อแดง ไม่มีรอยยิงต่อสู้
หลักฐาน - เจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดคลี่คดี 6 ศพวัดปทุมฯ บุกขึ้นไปตรวจเก็บหลักฐานบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส จุดที่เคยมีทหารเข้าประจำการช่วงสลายม็อบ พบปลอกกระสุนปืนเอชเคจำนวนหนึ่ง และขวดน้ำดื่มทิ้งไว้ (ชมภาพชุด น.16)
ผบ.สำนักคดีเทคโน โลยีดีเอสไอนำทีมขนอุปกรณ์ไฮเทคขึ้นตรวจสถานีรถไฟฟ้าสยาม และวัดปทุมวนาราม ไขปริศนาคดีการเสียชีวิต 6 ศพในเขตอภัยทานวัดปทุมฯ พบหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืน 'เอชเค' กระ จายตกอยู่ใต้ราง อีกทั้งเลเซอร์ตรวจวิถีกระสุนชี้ชัด มีการยิงกระสุนปืนจากตำแหน่งที่ 'กลุ่มชายแต่งกายคล้ายทหาร' ยืนอยู่บนรางรถไฟฟ้าเข้าไปในวัดปทุมฯ จริง และตรงจุดเดียวกันนี้ยังสาดกระสุนไปสู่จุดที่มีผู้เสียชีวิต 6 ศพได้เช่นกัน แต่ไม่พบร่องรอยยิงปืนจากในวัดเข้าใส่กลุ่มชายคล้ายทหาร ส่วนดีเอสไออีกทีมลุยเก็บหลักฐานย่านบ่อนไก่-พระราม 4-ศาลาแดง เพื่อคลี่คลาย คดียิงเสื้อแดง ตะลึง! เจอรูกระสุนจริงนับร้อยรู ทั้งเอ็ม-16 และ 9 ม.ม. ทนายทักษิณยื่นร้อง 'ยูเอ็น' รบ.ไทยละเมิดกฎหมายอาญาระหว่างประเทศและสิทธิสากล ด้าน 'มาร์ค' โผล่จ้อ ซีเอ็นเอ็น ลั่นไม่ยุบสภาถ้าเสื้อแดงไม่ยอมสงบ
-ตรวจรถไฟฟ้า-วัดปทุมฯ
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 24 ก.ย. พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะรองหัวหน้าคณะทำงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานตรวจสอบ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ประมาณ 20 นาย พร้อมอุปกรณ์การตรวจสอบที่เกิดเหตุ เดินทางมาเก็บหลักฐานบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม และภายในวัดปทุมวนาราม ตรงจุดที่น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือ "น้องเกด" พยาบาลอาสา ถูกยิงเสียชีวิต พร้อมเพื่อนอาสากู้ชีพกู้ภัยและประชาชน รวม 6 ศพ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553
ก่อนเริ่มกระบวนการตรวจสอบ พ.ต.ท. วรรณพงษ์ เรียกเจ้าหน้าที่ทุกคนมาประชุมวางแผนการค้นหาหลักฐานในครั้งนี้บริเวณด้านหน้าทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าดังกล่าว โดยนำแผนที่มาประกอบคำอธิบายประมาณ 10 นาที ก่อนเจ้าหน้าที่จะแยกย้ายกันปฏิบัติงาน โดยแยกออกเป็น 2 ชุด ชุดแรก ขึ้นไปตรวจบนรางรถไฟฟ้าชั้น 2 ตั้งแต่แยกเฉลิมเผ่าจนถึงหน้าวัดปทุมฯ ชุดที่ 2 ตรวจสอบบริเวณแนวกำแพงและภายในวัดปทุมฯ
ทั้งนี้ ระหว่างปฏิบัติงานโดยรอบพื้นที่สถานีรถไฟฟ้า และหน้าวัดปทุมฯ มีกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอติดปืนกลประมาณ 5 นาย เข้าประจำจุดเพื่อคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับทีมค้นหาหลักฐานตลอดทั้งคืน
-ยิง'เลเซอร์'หาวิถีกระสุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการตรวจสอบ ทีมช่างของบีทีเอสได้เข้ามาตัดกระแสไฟบนรางทั้งหมด ก่อนจะอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและนิติ วิทยาศาสตร์ขึ้นไปเท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้สื่อ มวลชนร่วมสังเกตการณ์
สำหรับการตรวจวิถีกระสุน เจ้าหน้าที่ขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าด้านหน้าวัดปทุมวนาราม พร้อมใช้เครื่องมือยิงแสงเลเซอร์ลงมายังพื้นดินตรงจุดที่พบหลุมลักษณะคล้ายกระสุนปืน ขนาดกว้าง 3 เซนติเมตร จำนวน 3 รอย บริเวณประตูทาง ออก ภายในวัดปทุมฯ โดยมีเจ้าหน้าที่อีกชุดอยู่ภายในวัดด้วย พร้อมกับใช้เครื่องมือยิงเลเซอร์ขึ้นไปบนรางรถไฟฟ้าเช่นเดียวกัน เพื่อตรวจหาวิถีที่ชัดเจน และเดินตรวจหาปลอกกระสุนและหลักฐานอื่นๆ ที่อาจยังหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะกระสุนปืนและปลอกกระสุน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะนำมา ตรวจสอบเปรียบเทียบกับหลักฐานที่เก็บได้ก่อนหน้านี้ ใช้เวลาค้นหาหลักฐานตั้งแต่ 01.00-05.00 น.
-เจอปลอก'เอชเค'ใต้ราง
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบหาหลักฐานครั้งนี้ เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตลอดจนใช้เครื่องมือตรวจหาแนววิถีกระสุนเพื่อคลี่คลายคดีการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมกลุ่มนปช. ภายในวัดปทุมวนา ราม ในช่วงที่มีการชุมนุมเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังประสานขอความร่วมมือจากบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือ "บีทีเอส" เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบนแนวรางรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่วงตั้งแต่สถานีสยามจนถึงวัดปทุมฯ
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบหาหลักฐานบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชั้น 2 บริเวณด้านหน้าวัดปทุมฯ เจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเป็นกุญแจไขปริศนาว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุยิงประชาชนในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง-นปช. โดยพบปลอกกระสุนปืน "เอชเค" ใช้แล้ว ตกกระจายอยู่ใต้รางรถไฟฟ้าประมาณ 3-4 ปลอก เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์จึงเก็บไว้ตรวจสอบเปรียบเทียบกับหลักฐานหัวกระสุนปืนที่เก็บได้ก่อนหน้านี้ว่าตรงกันหรือไม่
จาก อัลบั้ม นสพ.ข่าวสดออนไลน์ |
-ชี้คนบนรางยิงใส่วัดปทุมฯจริง
รายงานข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายที่เคยเป็นข่าวใหญ่ กรณีมีกลุ่มชายแต่งกายคล้ายทหารยืนอยู่บนรางรถไฟฟ้า ตรงข้ามทางเข้าวัดปทุมฯ พร้อมกับเล็งปืนเข้าไปในวัดปทุมฯ ช่วงเวลาประมาณ 18.00-18.30 น. วันที่ 19 พ.ค.2553 และเทียบกับผลตรวจวิถีกระสุนด้วยเลเซอร์ ทั้งยังพบปลอกกระสุนปืนบนรางรถไฟฟ้าด้วยนั้น แนวทางการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า กลุ่มชายคล้ายทหารดังกล่าวได้ยิงกระสุนปืนเข้าไปในวัดปทุมฯ จริง
นอกจากนั้น ตำแหน่งที่กลุ่มชายคล้ายทหารยืนอยู่ยังสามารถเล็งยิงเข้าไปได้ทุกจุดในวัดปทุมฯ รวมถึงจุดที่พบศพผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ศพในวัดปทุมฯ เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ไม่พบร่องรอยการยิงกระสุนปืนตอบโต้จากพื้นราบในวัดปทุมฯ ขึ้นมาใส่กลุ่มชายคล้ายทหารบนรางรถไฟฟ้าดังกล่าว
-ลงพื้นที่'บ่อนไก่-ศาลาแดง'
ต่อมาเวลา 10.00 น. บริเวณหน้าสนามมวยเวทีลุมพินี ถ.พระราม 4 กทม. พ.ต.ท.บัณฑิต ประดับสุข เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กว่า 30 นาย ลงพื้นที่เดินทางตรวจสอบหาหลักฐานแนววิถีกระสุนที่กลุ่มคนเสื้อแดงถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2553
ใครยิง? - เจ้าหน้าที่ขึ้นไปยืนบนรางรถ ไฟฟ้าบีทีเอส ใช้อุปกรณ์เครื่องยิงเลเซอร์ตรวจสอบหาวิถีกระสุนที่ยิงเข้าไปในวัดปทุมวนาราม ในช่วงเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดง 19 พฤษภาฯ พบว่าตรงกับรอยกระสุนบนพื้นอย่างพอดี
ขั้นตอนการปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกตรวจสอบบริเวณหน้าสนามมวยเวทีลุมพินี ชุมชนบ่อนไก่ จนถึงบริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 ระยะทางกว่า 3 ก.ม. และชุดที่ 2 ตรวจสอบบริเวณแยกศาลาแดงและซอยปลูกจิต ระยะทางประมาณ 3 ก.ม. โดยใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง
สำหรับการตรวจหาหลักฐานวิถีกระสุนนี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจทั้งหมด 8 จุด ประกอบด้วย หน้าร้านระเบียงทอง จุดพบศพนายบุญมี เริ่มสุข, หน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาบ่อนไก่ จุดพบศพนาย สุพรรณ ทุมทอง, บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. จุดพบศพนายวารินทร์ วงศ์สนิท, หน้าร้านเซเว่นฯ จุดพบศพนายสมชาย พรสุวรรณ ส่วนจุดบริเวณหน้าสำนักงานไทยประกันชีวิต สาขาลุมพินี และ ริมถนนพระราม 4 เป็นจุดที่มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่เสียชีวิต และจุดที่อยู่ใต้ทางด่วนพระราม 4 พบศพนายเกียรติคุณ ฉัตรวีระสกุล และนายประจวบ ประจวบสุข
ทั้งนี้ กรณีของนายบุญมี เริ่มสุข หรือลุงบุญมี นั้นเป็นประชาชนทั่วไป ไม่ใช่ผู้ร่วมชุมนุม แต่ถูกลูกหลงกระสุนยิงทะลุช่องท้องขณะเดินออกมากินก๋วยเตี๋ยว
-เจอรูกระสุนปืนนับ 100 นัด
พ.ต.ท.บัณฑิตเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ในวันนี้เป็นการตรวจหาวิถีกระสุนและทิศทางการยิง เพื่อนำไปประกอบสำนวนในคดี โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ทันที จึงทำให้การตรวจหาวิถีกระ สุนและหลักฐานต่างๆ ล่าช้าไปมาก แต่จะเร่งรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานที่ต่างๆ และตู้โทรศัพท์สาธารณะ ที่ตั้งอยู่ริมทางเท้า ถ.พระราม 4 พบมีรอยรูกระ สุนปืนจำนวนมากนับ 100 นัด มีทั้งรูกระสุนปืนเอ็ม 16 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5.56 มิลลิเมตร และกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. การตรวจสอบเจ้าหน้าที่จะใช้เครื่องวัดระยะและอุปกรณ์ของทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ในการตรวจพิสูจน์ จากนั้นจะนำไปประมวลผลการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
พ.ต.ท.บัณฑิตกล่าวอีกว่า เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบรอยวิถีกระสุนปืนพบว่า มีการยิงมาจาก 2 ทิศทาง เป็นการยิงมาจากทางด้านสะพานไทย-เบลเยียม ข้ามแยกถนนวิทยุ นอกจากนั้น จากการสอบปากคำพยานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุทราบว่ามีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายเป็นชายวัยรุ่น อายุ 17 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนฟุตปาธหน้าร้านอันซีน ทราเวล สาขาลุมพินี เลขที่ 1881/9 ซึ่งผู้เสียชีวิตดังกล่าวไม่มีอยู่ในสำนวนของดีเอสไอ แต่อาจจะอยู่ในสำนวนของพนักงานสอบสวนชุดอื่น ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
-ถ่ายรูป-เก็บข้อมูลอาคารสูง
เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์เดินทางไปตรวจสอบบริเวณซอยปลูกจิต ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นจุดที่นายสมัย ทัดแก้ว อายุ 35 ปี ถูกยิงแผ่นหลัง 1 นัด ล้มลงอยู่หน้าร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ก่อนจะมีผู้นำส่งร.พ.กล้วยน้ำไท 1 ในวันที่ 19 พ.ค. เข้าพักรักษาตัวที่ร.พ.ประมาณ 14 วัน ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 31 พ.ค. และมีพยานให้ข้อมูลว่าเห็นผู้เสียชีวิตเดินอยู่บนถนนพระราม 4 ก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงรีบวิ่งเข้ามาในซอยประมาณ 50 เมตร ก่อนถูกยิงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ได้ถ่ายรูปที่เกิดเหตุและบริเวณอาคารสูง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจจุดต่อไป คือ บริเวณ ซอยศาลาแดง 1 หน้าบริษัท กฤษณา มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เลขที่ 1010/16 แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. เป็นจุดที่ 2 ที่นายชาติชาย ชาเหลา อายุ 25 ปี ถูกยิงศีรษะ 1 นัดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ทางเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ตรวจวิถีกระสุน บริเวณประตูเหล็กเลื่อนหน้าบริษัทที่มีรอยกระสุนเฉี่ยวบริเวณประตูเหล็ก และเสาปูน โดยใช้เครื่องเลเซอร์วัดระยะและตรวจวิถีกระสุน ก่อนจะถ่ายภาพร่องรอยในที่เกิดเหตุใช้เวลาตรวจราว 30 นาที จึงแล้วเสร็จ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเข้าตรวจหาร่องรอยบริเวณแยกบ่อนไก่ เจ้าหน้าที่ตรวจจากร่องรอยรูกระสุนปืนจากบริเวณตามบ้านเรือน ราวบันไดสะพานลอย ป้ายโฆษณา หน้าตึกแถวร้านขายสินค้าและตู้โทรศัพท์สาธารณะ ซึ่งพบว่ายังมีร่องรอยรูกระสุนปืนอยู่เป็นจำนวนมาก
-'ตู่'เปิดศูนย์เยียวยาเสื้อแดง
เวลา 13.00 น. ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว กทม. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. แถลงข่าวการเปิดศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในการชุมนุม (นปช.) ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ว่า นับแต่เหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค. มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ที่ผ่านมาคนเสื้อแดงได้ให้เงินบริจาคช่วยเหลือจำนวนมาก แต่ถูกตรวจสอบจากรัฐบาลและไม่ให้นำเงินออกมาใช้ เมื่อถึงช่วงเวลานี้ได้พูดคุยกันในหมู่ผู้ใหญ่คนเสื้อแดงและคนที่เสื้อแดงคิดถึงว่า ถึงเวลาต้องช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ได้รับความเดือดร้อน จึงตั้งศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในการชุมนุม เพื่อช่วยเหลือในด้านต่างๆ โดยมีคณะกรรมการหลักๆ ที่จะร่วมประชุมกันทุกวันพฤหัสบดี อาทิ น.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร อดีตเลขาธิการพรรค นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าอิมพี เรียล ลาดพร้าว โดยกองทุนช่วยเหลือเยียวยามีเงินหมุนเวียนประมาณ 1,500,000 บาท
"ถ้าวันนี้เปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาเป็นพรรคเพื่อไทย จะดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยครอบ ครัวผู้เสียชีวิตรับครอบครัวละ 10 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับการที่รัฐบาลโกงกินภาษีประชาชน" นายจตุพรระบุ
-ดีเอสไอขอข้อมูล'เพื่อไทย'
เวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งได้รับการมอบหมายจากอธิบดี ดีเอสไอ เดินทางเข้าพบพล.ต.ท.วิโรจน์ เปา อินทร์ ประธานกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของดีเอสไอเกี่ยวกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม 10 เม.ย.-17 พ.ค.2553 ของพรรคเพื่อไทย เพื่อรับทราบข้อมูลสาเหตุการเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ 89 ศพ หลังจากพล.ต.ท. วิโรจน์ได้เข้าให้ข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากับ ดีเอสไอ โดยมีคณะกรรมการพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมหารือ ประกอบด้วยพล.ต.อ.วิรุฬห์ ฟื้นแสน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง ใช้เวลาการประชุมนาน 1 ชั่วโมงครึ่ง
จาก อัลบั้ม นสพ.ข่าวสดออนไลน์ |
พ.ต.อ.ณรัชต์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า การเข้าพบพล.ต.ท.วิโรจน์เพื่อแสดงความจริงจังในการหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของทั้ง 89 ศพจากพรรคเพื่อไทย เพื่อหาหลักฐานให้ครบถ้วนและหาสาเหตุการเสียชีวิตของทั้ง 89 ศพ จากการพูดคุยเบื้องต้น พล.ต.ท.วิโรจน์แสดงความห่วงใยต่อพยานที่จะเข้าให้ปากคำ เนื่องจากพยานบางส่วนกังวลว่าจะมีการปองร้าย และไม่สะดวกเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอโดยตรง เรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีโครงการคุ้มครองพยาน จัดเจ้าหน้าที่ดูแลคุ้มครองความปลอดภัยอยู่แล้ว ส่วนกรณีไม่สะดวกเข้าให้ข้อมูลที่ดีเอสไอ จะส่งเจ้าหน้าที่มารับทราบข้อมูลที่พรรคเพื่อไทยก็ได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน
-นัดสืบพยานฝ่ายกองทัพต.ค.นี้
"ดีเอสไอทราบข้อมูลเบื้องต้นของทั้ง 89 ศพบ้างแล้วว่าเป็นใคร เสียชีวิตจากสาเหตุอะไร เหลือเพียงว่าใครทำให้ตาย ผู้เกี่ยวข้องมีใครบ้างและมีพยานหลักฐานใดที่จะสามารถเอาผิดได้ ส่วนระยะเวลายังบอกไม่ได้แน่นอน เนื่องจากต้องดูพยานหลักฐานก่อน แต่จะทำให้เร็วและถูกต้องที่สุด" พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว
รายงานข่าวพรรคพื่อไทยแจ้งด้วยว่า ระหว่างการประชุม พ.ต.อ.ณรัชต์ชี้แจงถึงกระบวนการดำเนินการของดีเอสไอว่า การสอบสวนการเสียชีวิต 89 ศพ จะแยกการสอบสวนเป็น 25 คดี ส่วนการเข้ารับฟังข้อมูลของดีเอสไอในวันนี้ เป็นการฟังความของ 2 ฝ่าย เนื่องจากตอนนี้ทางดีเอสไอมีข้อมูลจากศอฉ. เพียงด้านเดียวเท่านั้น และจะนัดสืบพยานทางกองทัพในช่วงเดือนต.ค. และทางดีเอสไอยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนต้องการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิด ไม่ใช่เพียงขอข้อเท็จจริงให้กับสาธารณชนเท่านั้น โดยพรรคเพื่อไทยจะใช้เวลา 1 สัปดาห์เพื่อรวบรวมเรื่องที่มีอยู่ส่งต่อไปที่ดีเอสไอ และทางพรรคจะดูว่าดีเอสไอมีความจริงใจเพียงใดในการสอบสวนคดีนี้ ขณะที่พ.ต.อ.ณรัชต์ได้ชี้แจงว่า กระบวน การสอบสวนจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นตามกรอบเวลา 45 วัน แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะยืดเวลาออกไป
-'คอป.'ชี้ตาย92ศพ-พบ'ป๊อก'
น.พ.รณชัย คงสกนธ์ ประธานอนุกรรมการเยียวยา ในกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันอนุกรรมการฯ ได้รวบรวมตัวเลขผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและรับผลกระทบอย่างเป็นทางการ พบว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุไม่สงบทางการเมืองทั้งหมดมี 92 คน ไม่ใช่ 91 คน ซึ่งตนได้ไปพบปะพูดคุยกับญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ทั้ง จ.ลำพูน จ.เชียงใหม่ และยังมีเป้าหมายอีกหลายจังหวัด เป็นการดำเนินการภายใต้ 10 มาตรการประกอบด้วย 1.เยียวยาผู้ถูกกระทำ เยียวยาชุมชน และสังคม 2.จัดเวทีให้ผู้ได้รับผลกระทบได้พูด ซึ่งจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ 3.พบปะแลกเปลี่ยนผู้นำศาสนาและผู้นำทางสังคม 4.ประสานหน่วยงานราชการให้ความช่วยเหลือทรัพย์สินเงินทองผู้ได้รับผลกระทบ 5.เปิดศูนย์รับร้องทุกข์ 6.พบปะกับผู้ที่มีจิตใจอยากจะสร้างความสมานฉันท์ 7.สร้างจุดศูนย์กลางของจังหวัด 8.หาทางป้องกันเหตุรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 9.ทำสารคดีเพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบได้แสดงออกและ 10.พบปะหาทางเยียวยาเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่ปฏิบัติการในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันจันทร์ที่ 27 ก.ย. กรรมการคอป.จะเดินทางเข้าพบพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เพื่อขอทราบข้อมูล โดยเฉพาะแผนปฏิบัติการใช้กำลังในช่วงเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.2553
-ทนายทักษิณฟ้อง'ยูเอ็น'
วันเดียวกัน นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนาย ความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า วัตถุประสงค์การออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 ส่งไปถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชัดเจนตามถ้อยความในจดหมาย เพราะโลกเห็นว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขัดขวางและไม่เต็มใจที่จะสอบสวนสาเหตุที่พลเรือนถูกสังหารในช่วงการชุมนุมเสื้อแดง เท่ากับเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎ หมายอาญาระหว่างประเทศและกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล จดหมายฉบับนี้ต้องการบอกว่า เราจะไม่หยุดดำเนินการเรียกร้องให้มีการสอบ สวนที่เป็นอิสระ
เมื่อถามว่าคาดหวังอะไรจากรัฐบาลไทยในการออกจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ นายอัมสเตอร์ ดัม กล่าวว่า ตนดำเนินการเรื่องนี้ด้วยจุดประสงค์ 2 อย่าง อย่างแรก คือเป็นตัวแทนพลเรือนที่สูญเสียญาติพี่น้อง แต่กลับไม่ได้รับการดูแล ไม่มีการสอบสวนสาเหตุการตายใดๆ ที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นศูนย์ อย่างที่สอง ต้องการบอกว่าสมาชิกคนเสื้อแดงถูกข่มขู่คุกคามด้วยวิธีการต่างๆ สิ่งที่น่าตกใจก็คือ สมาชิกของรัฐบาลพยายามปกปิดข้อมูลและสนับสนุนคนที่ทำอันตรายต่อพลเรือนให้ได้ดี
นายอัมสเตอร์ดัมระบุว่า ในฐานะทนาย ตนไม่ได้ข่มขู่ แต่ขอเรียกจดหมายฉบับนี้ว่าเป็น Wake up letter (จดหมายปลุกให้ตื่น) เพื่อเรียกสติให้รัฐบาลรู้ว่า ขณะนี้มีกฎหมายระหว่างประ เทศอยู่ มีกฎหมายอาญาระหว่างประเทศอยู่ ให้ตัดสินใจเอาเองว่าจะทำอย่างไร ขอย้ำว่าความไม่รู้กฎหมายไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวและไม่มีอะไรที่ปกปิดความจริงได้
-'เทือก'ปัดเสนอเลิกพ.ร.ก.
ส่วนสถานการณ์บังคับใช้พ.ร.ก.บริหารราช การในสถานการณ์ฉุกเฉิน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้สัม ภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เสนอยกเลิกพ.ร.ก.ฉุก เฉินในพื้นที่ จ.ขอนแก่น อุดรธานี และนคร ราชสีมา ว่า กระทรวงมหาดไทยเสนอมาได้ แต่ต้องดำเนินการตามที่ตนเคยสั่งการ คือให้ประ เมินสถานการณ์จนถึงวันที่ 4 ต.ค. ต้องประเมินทุกจังหวัด ส่วนจะยกเลิกจังหวัดใดนั้นต้องให้คณะกรรมการ ศอฉ.ร่วมพิจารณาอย่างรอบคอบก่อน เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อนนายอภิสิทธิ์ นายกฯ จะไปร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 8 ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ระหว่าง 3-6 ต.ค. นายสุเทพกล่าวว่า อาจมีความเป็นไปได้
เมื่อถามว่าเหตุที่ไม่ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพราะอะไร นายสุเทพกล่าวว่า เพราะสถาน การณ์ไม่น่าไว้วางใจ หรืออาจเป็นต้นเหตุและช่องโหว่ให้เกิดความวุ่นวาย ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตปกติสุขของประชาชน เสียหายต่อเศรษฐกิจและภาพพจน์ประเทศ ต่อข้อถามว่าหากเปรียบเทียบระหว่างการประกาศใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินกับการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้านเศรษฐ กิจและการท่องเที่ยวเสียหายแตกต่างกันอย่างไร นายสุเทพตอบว่า ไม่ค่อยแน่นอน เพราะตนดูจากกรณีที่ จ.เชียงใหม่ ตอนแรกมีการเรียกร้องให้ยกเลิก เพราะหวังว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ปรากฏว่าพอยกเลิกแล้วกลายเป็นสถานที่ที่คนเคลื่อนไหวชุมนุมกันและมาเรียกร้องให้ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกครั้ง ซึ่งเราไม่ประกาศแล้ว
-'ไก่อู'โต้ฮิวแมนไรต์วอตช์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก นายสุเทพทำหน้าที่ประธานการประชุมศอฉ. มีนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการศอฉ. และผู้แทนเหล่าทัพ เข้าร่วมประชุม ใช้เวลาหารือสั้นๆ 45 นาที
จากนั้นพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศอฉ. แถลงว่า ที่ประชุมรับฟังรายงานสถาน การณ์ ตามปกติ และหารือกรณีกลุ่มสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมนไรต์วอตช์" ระบุว่าการใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉินเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนทั่วไป และขณะนี้ยังมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอยู่ ซึ่งในที่ประชุมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ นายสุเทพจึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการศอฉ.รวบรวมข้อมูลเพื่อแถลงชี้แจงต่อไป
"ความจริงการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นำเรียนต่อที่ประชุมให้ได้รับทราบมาหลายครั้งว่าปัจจุบันไม่ได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยตามหมาย ฉฉ. แต่เป็นการควบคุมตัวในความผิดอาญาที่ได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมมาแล้ว การควบคุมอยู่ในความรับผิดชอบของกรมราช ทัณฑ์กับสถานพินิจรวม 13 แห่ง จำนวน 185 คน อยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางอีก 5 คน และอยู่ที่กรมพินิจคุ้มครองเด็กอีก 3 แห่ง คือ กทม. อยุธยา และอุบลราชธานี แห่งละ 1 คน ดังนั้น สิ่งที่เป็นข้อมูลข่าวสารที่ฮิวแมนไรต์วอตช์เสนอไปนั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง" พ.อ. สรรเสริญกล่าว
เมื่อถามถึงการพิจารณาว่าจะต่ออายุพ.ร.ก. ฉุกเฉินที่จะครบกำหนดในวันที่ 7 ต.ค.นี้หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้ลงในรายละเอียด เพราะยังมีเวลาพิจารณาถึงวันที่ 4 ต.ค.
-'มาร์ค'โผล่แจงซีเอ็นเอ็น
ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ระหว่างร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นถามว่า ทำไมรัฐบาลไม่ยุบสภาเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากทุกฝ่ายของประเทศเข้ามาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ให้ย้อนไปดูข้อเสนอ 3 ข้อที่รัฐบาลยื่นให้และกลุ่มเสื้อแดงปฏิเสธตลอด หนึ่งในนั้นคือการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมนำไปสู่การเลือกตั้งที่สันติและทุกฝ่ายต้องเห็นพ้องในกฎต่างๆ เช่นเดียวกัน
เมื่อถามว่า เมื่อไหร่สภาพแวดล้อมเช่นนั้นจะเกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลกำลังเร่งทำงานเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ ถ้าหากกลุ่มเสื้อแดงหยุดทุกความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง และเปิดให้นักการเมืองและทุกพรรคทำงานกันอย่างมีอิสระ นักการเมืองเดินทางไปไหนต่อไหนได้อย่างเสรี อาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่สันติได้ ส่วนจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับฝ่ายเสื้อแดง รัฐบาลพูดมาตลอดว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว ซึ่งขณะนี้ฟื้นแล้ว เมื่อทุกฝ่ายยอมรับในกฎเกณฑ์และเงื่อนไขก็กลับมาดูถึงความเป็นไปได้ในการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง
-แขวะ'แม้ว'จอมบงการ
สำหรับการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดงที่ยังดำเนินอยู่ และมีบทบาทสำคัญตลอดที่รัฐบาลชุดนี้อยู่ในอำนาจนั้น นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยมีปัญหากับการชุมนุมประท้วงสันติ ถือเป็น การแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่รัฐบาลเน้นคือการดำเนินนโยบายเพื่อคนส่วนใหญ่ รัฐบาลแยกปัญหาการเมืองออกจากเศรษฐกิจ แม้แต่กระทั่งเศรษฐกิจโลก "สิ่งที่ผมทำมาตลอด คือ การสร้างความมั่นใจให้กับประเทศคู่ค้า สำหรับการเลือกตั้งรัฐบาลยื่นข้อเสนอไปแล้ว ขึ้นอยู่กับกลุ่มเสื้อแดงเท่านั้นว่าจะรับเงื่อนไขหรือไม่" นายอภิสิทธิ์กล่าว
นักข่าวซีเอ็นเอ็นถามว่า การที่กลุ่มเสื้อแดงยังสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ และพ.ต.ท.ทักษิณเอ่ยปากแล้วว่าจะไม่แทรกแซงการเมืองไทย ส่วนตัวมีความเชื่อถือคำพูดนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะทำให้ได้เหมือนที่พูด เพราะเห็นอยู่ชัดเจนว่ามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนไปมาหาสู่กับพ.ต.ท. ทักษิณตลอดเวลา และเห็นชัดว่าอดีตนายกฯ ยังคงเป็นผู้กำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวเหล่านั้นอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น