by Herogeneral on 2010-09-06 - 11.39 am
ข้อมูลโดย: ลิขิต จงสกุล
ที่มาข้อมูล: ไทยรัฐออนไลน์
5 กันยายน 2553, 05:00 น.
กระชับอำนาจ
หลังจากรัฐบาลกระชับอำนาจเต็มรูปแบบทั้งกองทัพ ตำรวจ และมหาดไทย
ทำให้ "ทักษิณ" และเครือข่ายต้องปรับกระบวนท่ายื่นขอแตะมือด้วยขอสมานฉันท์ด้วย มิฉะนั้นสูญพันธุ์แน่
ข่าว "เขย่าขวด" สุดสัปดาห์นี้ การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการดูเหมือนจะเรียบร้อยไปแล้วเกือบ 70% จะเหลือที่สำคัญๆ ก็คือผู้ว่าฯทั่วประเทศ
แต่ผลที่ออกมาแล้วคงทำให้รัฐบาลกระชับพื้นที่มากยิ่งขึ้น
กองทัพบกตำแหน่งสำคัญคือ ผบ.ทบ. เป็นไปตามคาดหมายคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แห่งบูรพาพยัคฆ์ที่จะเป็นหัวขบวน 5 เสือ ทบ.
แม่ทัพทั้ง 4 ภาค ก็เปลี่ยนตัวหมดอยู่ในไลน์เดียวกันเสียด้วย
แต่ที่ยังกังขากันอยู่ก็คือ การที่ พล.ท. คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาค 1 และ พล.ท. ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาค 3 ที่หลุดจาก 5 เสือ ทบ. แต่ยังได้ยศ พล.อ. ในฐานะที่ปรึกษา ทบ.
ลับลมคมในกันอย่างไรต้องไปล้วงกันดูโดยเฉพาะในเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี สำหรับ พล.ท.คณิตนั้น ว่ากันว่าจะขยับเข้าไลน์ในปีหน้า เนื่องจากอายุราชการยังหลายปี
เพราะเขาเป็น 1 ในพยัคฆ์บูรพาเช่นเดียวกัน
เหนืออื่นใด ว่ากันโดยภาพรวมแล้ว กองทัพยังมั่นคงและแข็งแกร่งเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระชับพื้นที่ชัดเจนขึ้น
ด้านตำรวจหลังตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ก็ยิ่งผนึกแน่นเข้าไปอีกเมื่อ ผบ.ตร.และ ผบ.ทบ.เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน
อยู่ที่ว่าจะสยบทัพตำรวจได้หรือไม่ เพราะเป็นฝ่ายบุ๋นมากกว่าฝ่ายบู๊
อย่างไรก็ดี ที่กระทรวงมหาดไทยนั้นเรียบร้อย ร.ร. "เนวิน" ไปแล้ว แม้ว่าจะถูกต่อต้านที่ใช้อำนาจการเมืองครอบงำแบบเต็มใบ แต่ก็มิอาจเสียดทานได้
เมื่อ 3 อำนาจทหาร ตำรวจ และมหาดไทยอยู่ในมืออย่างนี้ ย่อมมีผลต่อการเมืองข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพียงแต่ว่าถ้าประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบพรรคเสียก่อน หรือเมื่อโอกาสเปิดให้อย่างนี้
หากไม่สามารถทำให้ชนะการเลือกตั้งได้
ก็อย่าได้คิดเป็นนายกฯอีกเลย
ในสถานการณ์การเมืองที่เป็นจริงอย่างนี้ แน่นอนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย หรือบรรดาแกนนำ นปช.ก็ต้องกลับไปขบคิด เพราะตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้งในพรรคเพื่อไทยกำลังตกอยู่ในภาวะเลือดไหลไม่หยุด เนื่องจากปัญหาขัดแย้งภายในและความชัดเจนในรูปขบวนการต่อสู้
1. ยังไม่มีผู้นำพรรคที่ชัดเจน
2. ยังไม่รู้ว่าท่อน้ำเลี้ยงจะเปิดท่อแค่ไหน
3. ยังแยกตัวไม่ออกจากเสื้อแดง
4. ผู้นำพรรคตัวจริงจะเอายังไงแน่
ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ จึงเกิดอาการไม่มั่นใจ เพราะนักการเมืองนั้นความสำคัญก็คือจะต้องได้เป็น ส.ส. ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยก็ได้เห็นช่องว่างที่เกิดขึ้น
จึงเปิดเกม "ดูด" แบบตื่นตาตื่นใจยิ่ง ทั้งงบประมาณและค่าตัวที่ล่อใจ จะรัก "ทักษิณ" แค่ไหนก็ทนความเย้ายวนใจไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยและเครือข่ายจึงต้องหาทางออกด้วยกลยุทธ์ต่างๆ แน่นอนว่าการสร้างความปั่นป่วนยังมีความจำเป็น อย่างน้อยก็เป็นการดิสเครดิตรัฐบาล
แต่นั่นก็ถูกจับไต๋ได้ทุกที
หรือการที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรค พยายามที่จะเปิดเกมข่าวทำนองว่าจะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้นปี 2554 อย่างน้อยก็เป็นแรงบีบรัฐบาลอีกด้านหนึ่ง
แต่ที่จับตากันมากก็คือการที่ พ.ต.ท. ทักษิณพยายามจะไม่แสดงบทบาททางการเมืองอย่างที่ผ่านมา เก็บตัวเงียบมาตลอดไม่ก่อความปั่นป่วนแบบที่เคยทำ
คงหวังว่าจะได้ภาพใหม่ทางการเมืองในทางสาธารณะ
จากนี้ก็มีสัญญาณใหม่เมื่อพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ 5 ข้อ ว่าด้วยความ ปรองดองและสมานฉันท์ เพื่อขอเจรจากับรัฐบาล รวมถึงพร้อมจะพูดจากับทุกกลุ่มยุติความรุนแรง
เรียกว่า "ทิ้งไพ่" ให้เห็นๆกันเลย
แน่นอนว่า ณ จุดนี้ถือเป็นการเดินเกม "รุก" ทำให้เห็นว่าต้องการที่จะเจรจา และเป็นการร้องขอ ซึ่งเท่ากับกดดันรัฐบาลไปในตัวและจะไม่สนใจก็ไม่ได้
เจอไม้นี้เข้าถึงกับ "นะจังงัง" กันเลยทีเดียว!!!
----------------------------------
บุคคลในข่าว 05/09/53
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน 2553............
มองทิศทางของบ้านเมืองวันนี้
ต้องบอกว่า เศร้าใจจริงๆ เพราะมีการบิดเบือนทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะข้ออ้างที่บอกว่า เลือกตั้งตอนนี้ไม่ได้
เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากยังไม่มีความสมานฉันท์
แต่เอาเข้าจริง กลับประวิงเวลาเพื่อรอให้
กระบวนการใช้เงินดูด ส.ส.ฝ่ายค้านบรรลุเป้าหมายเสียก่อน
พอถึงจังหวะที่กวาดต้อน ส.ส.มาเข้าคอกได้มากพอแล้ว ก็คงได้เวลาเลือกตั้งเสียที
เรื่องอย่างนี้ แหกตาประชาชนไม่ได้
เพราะคนไทยไม่ได้กินหญ้าแทนข้าวเหมือนผู้มีอำนาจบางคนคิดกัน!!!......
แต่หากถามว่า พลังดูดที่เกิดจากเงินและผลประโยชน์จูงใจ
ทำให้บรรดา ส.ส.ฝ่ายค้านหวั่นไหวหรือไม่
"เห่าไฟ" ตอบได้เลยว่า หวั่นไหวอย่างมาก
เพราะการเมืองไทยยังต้องอาศัยปัจจัยที่อยู่ในรูป เงินค่าใช้จ่ายทางสังคม
และ งบประมาณฯ มาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านเป็นหลัก
หากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งพรรคใด
สามารถอัดฉีดสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ก็สามารถดึง ส.ส.ไปอยู่ในพรรคได้มากขึ้น!!!............
หากถามว่า บรรดา ส.ส.ไม่มีอุดมการณ์เลยหรืออย่างไร
ก็ต้องถามกลับไปว่า ส.ส.มีอุดมการณ์หรือไม่ ไม่สำคัญ
ปัญหาอยู่ที่ ชาวบ้าน หรือ ประชาชน มีอุดมการณ์มากน้อยแค่ไหนต่างหาก
ถ้าชาวบ้านมีอุดมการณ์จริงๆ รับรอง ส.ส.จะไม่กล้าย้ายพรรคเพียง
เพราะผลประโยชน์ล่อใจแน่นอน
เนื่องจากย้ายพรรคไปก็มีแต่จะ สอบตกเท่านั้นเอง!!!............
เรื่องแบบนี้ "เห่าไฟ" ไม่อยากคาดเดาส่งเดช
คงต้องรอให้ กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ อีกไม่นาน
หากถึงเวลาต้องลงไปเลือกตั้ง
ก็คงจะรู้กันเอง ส.ส.ที่ย้ายพรรคเพราะเห็นแก่เงินและงบประมาณฯ
จะได้กลับเข้ามานั่งในสภาฯหรือไม่
ถ้าได้กลับเข้ามา ก็เลิกถามถึงเรื่อง อุดมการณ์ ทางการเมือง ไปได้เลย!!!............
และหากชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการแบบนี้ ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ "เห่าไฟ" ก็จะยอมรับ
เพราะถือว่าชาวบ้านเสียงข้างมากต้องการให้การเมืองไทยเป็นอย่างนี้
แม้จะไม่เห็นด้วยก็จะยอมรับ
เพราะยึดมั่นใน หลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยด้วยเสียงข้างมาก
เมื่อเสียงข้างมากลงมติเลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง แม้จะมีพฤติกรรม ปากว่าตาขยิบ
แต่เมื่อประชาชนลงคะแนนให้พรรคนี้ได้เสียงข้างมาก ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ!!!............
นี่คือหัวใจของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ไม่ใช่หาเรื่องมาอ้างไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง
แหกปากโวยวาย ประท้วงเดินขบวนสร้างความปั่นป่วน จนบ้านเมือง
ไร้หลักการโกลาหลไปหมด
สุดท้าย สิ่งที่ตัวเองเคยด่าเอาไว้
พอได้อำนาจก็มาทำทุกอย่างเหมือนที่เคยด่าฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ไม่มีผิด
แถมยังทำได้เลวร้ายกว่าหลายเท่าอีกด้วย!!!............
แต่ "เห่าไฟ" ก็ยังอยากจะบอกประชาชนทุกคนว่า ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นอย่างไร
ใครจะดีชั่วอย่างไร
แต่หากมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ ทุกคนต้องยอมรับผลโหวตของประชาชนโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
หากพรรคการเมืองที่มีอำนาจในเวลานี้
สามารถซื้อตัว ส.ส.ไปเข้าพรรคแล้วยังได้รับเลือกกลับเข้าไปนั่งในสภาฯได้อีก
แถมยังเป็นเสียงข้างมาก ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับโดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น!!!............
เพราะหากไม่ยอมรับ
ไปตั้งป้อมประท้วงตีรวนกันบนถนนเหมือนที่ผ่านมา บ้านเมืองก็ยิ่งพังพินาศกันไปใหญ่
เนื่องจากการก่อม็อบประท้วงจนปรากฏภาพไปสู่สายตาชาวโลก
ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อ ภาวะการเจริญเติบโต
ทางเศรษฐกิจของเมืองไทย ข้อสำคัญ หากรู้จักใช้ปัญญา รู้จักใช้กลยุทธ์จริงๆ
ไม่จำเป็นต้องชุมนุมประท้วงด้วยกำลังอีกแล้ว
แต่ใช้ วิธีการสื่อสารในช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่นี้ฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่ก็จะเกิดการระส่ำระสายจนพังพาบไปในที่สุด!!!............
นี่คือ ความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง
เพราะการใช้กำลังเป็นเรื่องของ มนุษย์ยุคหิน เป็นภูมิปัญญาของไดโนเสาร์เต่าล้านปี
ใครก็ตามที่คิดว่า นอนกอดปืนแล้วสุขใจ แสดงว่า ใกล้จบเห่เข้าไปทุกที
เพราะโลกทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก ปืนไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
แต่ปัญญาต่างหากที่เข้ามาแทนที่
ข้อมูลข่าวสารและปัญญา
กำลังครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างและขับเคลื่อนโลกอยู่ในเวลานี้!!!............
หากถามว่า สถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป "เห่าไฟ" ตอบได้เลยว่า
กลุ่มอำนาจใหม่ ที่เกิดจากการชักใยของ กลุ่มอำนาจเก่า
กำลังรุกคืบเข้าไปแก้เกมเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะสามารถใช้ เงิน อำนาจ และปืน ได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ
ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอ่อนแรงลงทุกวัน เนื่องจากการชุมนุมครั้งหลังสุด พ่ายแพ้ยับเยิน
เพราะเดินหมากผิด คิดไปใช้กำลังสู้กับอำนาจรัฐ
ก็เลยโดนเล่นงานจนสะบักสะบอม วงแตกกระเจิดกระเจิง!!! ............
ล่าสุดก็ยังไม่เห็นฝ่ายตรงข้ามกับอำนาจรัฐ จะงัดวิธีการใหม่ๆอะไรออกมาใช้
มิหนำซ้ำยังเคลื่อนไหวกันแบบ กระจัดกระจายไร้ทิศทาง
ศูนย์กลางอำนาจใหญ่ก็มีปัญหาในเรื่องการจัดสรรผลประโยชน์ไม่ทั่วถึงลงตัว
ทำให้พลังในการขับเคลื่อนลดน้อยถอยลง
จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะใช้วิธีไหนมาแก้ไขปัญหาทั้งระบบ
ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงจบเห่กันทั้งหมดแน่นอน!!! ............
ในส่วนของ ฝ่ายอำนาจรัฐ ดูผิวเผินจะเห็นได้ว่า ได้เปรียบทุกขุมกำลัง
แต่เนื้อแท้แล้ว เขม่นกันหนัก ปะทะ กันเองก็หลายหน
แต่เนื่องจากผลประโยชน์ในปัจจุบันและอนาคตมีมากมายมหาศาล
ก็เลยต้องทำข่มใจกอดคอกันเอาไว้
ทั้งที่อยากจะ ฉะปากกันใจจะขาด
หากเมื่อไหร่ก็ตามที่ฝ่ายกุมอำนาจปราบปรามฝ่ายที่อยู่ตรงกันข้ามได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ก็จะถึงเวลาต้อง เปิดศึกกัดกันเอง ใครแพ้ ใครชนะ ถึงตอนนั้นค่อยไปว่ากันอีกที
การเมืองไทยก็วนอยู่ในอ่างน้ำเน่าแค่นี้แหละ ส่วนชีวิตประชาชนจะดีหรือร้าย
ก็ช่างหัวมันปะไร!!!...........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น