วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 01, 2553

Daily News Online หน้าการเมือง คมคิดฅนเขียน คดีล้มเจ้า

Daily News Online หน้าการเมือง คมคิดฅนเขียน คดีล้มเจ้า

คดีล้มเจ้า
วันพุธ ที่ 30 มิถุนายน 2553 เวลา 7:58 น.


ฟังคำแถลงของ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต่อเนื่องมาจนถึง การชี้แจงของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. คงพอทำให้ชาวบ้านเชื่อได้ว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับขบวนการจาบจ้วง หรือดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือที่หลายคนเรียกว่า “คดีล้มเจ้า”

ช่วงที่ นปช. และคนเสื้อแดงยึดแยกราชประสงค์ใช้เป็นสถานที่ชุมนุม ศอฉ. เคยนำแผนผังกลุ่มขบวนการล้มเจ้าออกมาแจกจ่ายกับสื่อมวลชน ทำให้ถูกนักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในเครือข่ายแสดงความไม่พอใจ บางคนถึงกับร้องว่า รัฐบาลใช้สถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้าม

ต่อจากนี้ไปถ้าหากหน่วยงานของรัฐเอาจริงเอาจัง หวัง จัดการขบวนการล้มล้างสถาบัน เราจะได้รู้กันซะทีว่า มีใคร บ้างคิดร้ายหวังทำลายสถาบันที่คนไทยให้ความเคารพและ เทิดทูน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงการให้เงินทุนสนับสนุนกับคนบางกลุ่มใช้ปฏิบัติการ

ยิ่งได้รับรู้ข้อมูลตามที่ “พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน” รองอธิบดีดีเอสไอ ออกมาบอกถึงความคืบหน้าของคดีมุ่งร้ายต่อสถาบันว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบความ เชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่มีรายชื่อในคดีการก่อการร้าย และ กลุ่มบุคคลที่มีรายชื่อต้องสงสัยในธุรกรรมการเงิน และคดีมุ่งล้มสถาบันมีความเกี่ยวพันกัน

รวมทั้งเส้นทางการเงินบางกลุ่มบุคคล และผู้กระทำความผิดบางรายซึ่งไม่มีอาชีพ แต่นั่งป้อนข้อมูลใส่คอมพิว เตอร์ทั้งวันทั้งคืน มีความเชื่อมโยงกัน หน่วยงานของรัฐจึงเชื่อว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ และผมก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงความคิดเห็นทั้งวันทั้งคืน ดูรูปการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว น่าจะมีผู้บงการหรือมีเม็ดเงินเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน

ก็เท่ากับว่า มาตรการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของภาคเอกชนหรือนักการเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับ นปช. และคนเสื้อแดง ดูเหมือนจะทำให้ดีเอสไอได้เห็นอะไรดี ๆ เยอะเลยครับ เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผบ.ทบ. ซึ่งกล้าลงนามในประกาศ ให้ตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยง ทั้งที่จะเกษียณอายุราชการอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

พูดถึงเรื่องขบวนการล้มเจ้า ผมยังเสียดายที่ “ขาใหญ่ทางการเมือง” ซึ่งตัดสินใจแยกตัวออกมาจาก “นายใหญ่” ไม่ได้อัดเทปหรือเก็บหลักฐานสำคัญที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่า อดีตนายกฯ บางคน คิดอย่างไรกับสถาบันที่คนไทยเคารพ และเทิดทูน งานนี้เก็บไว้แต่เพียงความทรงจำ จึงทำให้ความ สัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองกลายเป็น “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ”

ได้รับรู้การทำงานของดีเอสไอ ทำให้ผมนึกถึงการ ทำงานคณะกรรมาธิการทั้งของสภาสูงและสภาล่าง บางคณะ ไม่รู้ว่าจะตั้งขึ้นมาเพื่อหวังฟอกตัวให้ใครพ้นผิด อย่างคณะกรรมาธิการติดตามสถานการณ์การเมือง ของวุฒิสภา ก่อน หน้านี้เคยเชิญ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ และนายการุณ โหสกุล สองผู้ต้องหาจากเหตุชุมนุมทางการเมืองมาให้ข้อมูล

ล่าสุดก็เชิญ นายตำรวจระดับผู้บังคับการซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ศาลากลางจังหวัดถูกเผา มาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมได้อ่านคำชี้แจงแล้ว บอกได้เลยว่านอกจากจะประเมิน สถานการณ์ชุมนุมของ นปช. และคนเสื้อแดงผิดไป ยังขาดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานอีกด้วย

ผมจะรอดูซิว่า หน่วยงานของรัฐจะมีศักยภาพแค่ไหน กับความพยายามกระชากหน้ากาก “ขบวนการล้มเจ้า” เพื่อทำให้คนไทยได้เห็นตัวตนที่แท้จริง ไม่เช่นนั้น รัฐบาลจะตกเป็นจำเลยของสังคม โดยถูกมองว่าใช้สถาบันหลักของชาติมาทำลายฝ่ายตรงข้าม.

"เขื่อนขันธ์”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น