วันเสาร์, มิถุนายน 25, 2554

นับถอยหลังเข้าสู่ช่วง 7 วันอันตราย โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง



นับถอยหลัง 7วันอันตราย


นับถอยหลังเข้าสู่ช่วง 7 วันอันตราย โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง แต่ก่อนไปถึงจุดนั้นคณะกรรมการ การเลือกตั้ง หรือกกต. ได้จัดให้มีการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ 2 วัน ครั้งนี้ลดลงเหลือ 1 วัน คือวันอาทิตย์ที่ 26 มิ.ย.นี้ นอกจากวันลดลง เวลาในการใช้สิทธิ์ก็ลดลงด้วย จาก 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น เป็น 8 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงเท่านั้น


โดยมียอดผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ทั้งสิ้น 2,647,019 ราย เทียบกับการเลือกตั้งเมื่อเดือนธ.ค.2550 ที่มีเพียง 2,015,410 ราย มากกว่ากันถึง 6 แสนราย ยังไม่รวมยอดผู้มาลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งอีก 217,821 ราย เมื่อจำนวนคนเพิ่มขึ้น เวลาน้อยลง แม้แต่คนที่เป็นกกต.เองก็ยังมีความเป็นห่วงเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก เกรงจะมีผู้ใช้สิทธิ์ตกค้าง


ทางออกเฉพาะหน้าคือถ้าหากจังหวัดไหนมีผู้มาขอใช้สิทธิ์ล่วงหน้ามาก ก็ให้เพิ่มหน่วยเลือกตั้งกลางเพื่อให้เพียงพอกับผู้มาใช้สิทธิ์ รวมถึงเพิ่มคูหา เพิ่มเจ้าหน้าที่ ทั้งยังสั่งย้ำไปถึงกกต.จังหวัดให้เข้าใจตรงกัน ว่าหากผู้ใช้สิทธิ์มาถึงหน่วยเลือกตั้งก่อนบ่าย 3 โมง แต่ต้องมายืนรอคิวจนเลยเวลา ก็ต้องรอให้คนกลุ่มนี้ใช้สิทธิ์เสร็จก่อนถึงจะปิดรับหย่อนบัตรได้


ทั้งหมดนี้คือปัญหาในความดูแลรับผิดชอบของ กกต. ที่ตามโพลสำรวจพบประชาชนมากกว่าครึ่งไม่ค่อยเชื่อมือ กกต.ว่าจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ผ่านไปอย่างบริสุทธิ์โปร่งใส รวมถึง กกต.เองก็ทำตัวให้มีพิรุธที่จู่ๆ เดิน ทางไปต่างประเทศโดยอ้างว่าไปดูงาน จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง แม้ในที่สุด 5 เสือกกต.จะกลับมาอยู่รวมกันพร้อมหน้า แต่กลิ่นผิดปกติยังมีอยู่


เป็นความผิดปกติที่อาจส่งผลกระทบเชื่อมโยงไปถึงวันเลือกตั้งจริง 3 ก.ค. เนื่องจากการเลือกตั้งล่วงหน้าหมายถึงคะแนนก้อนใหญ่กว่า 2.6 ล้านเสียง จึงไม่เพียงตกเป็นเป้าจับตาของพรรคเพื่อไทย แม้แต่พรรคเล็กอย่างพรรครักประเทศไทยของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ยังออกมาตั้งข้อสังเกต อ้างข้อมูลเชิงลึกว่าในวันเลือกตั้ง 3 ก.ค. ขอให้จับตาดูให้ดี จะมีคนนำบัตรลงคะแนนไปใส่เพิ่มแล้วอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งล่วงหน้า


นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่พรรคเพื่อไทยพยายามร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบบัตรเลือกตั้ง ที่อาจสร้างความสับสนทำให้ประชาชนผู้ลงคะแนนเข้าใจผิด จนกลายเป็นบัตรเสีย ไหนจะกรณีกลุ่มชาวบ้านมหาสารคามร้องเรียนเรื่องที่ไปมีชื่อโผล่ขอใช้สิทธิ์ล่วงหน‰าที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือกรณีสาวจังหวัดนครพนมเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าไปมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าที่ประเทศสิงคโปร์


ตามด้วยเรื่องที่ศูนย์ต่อต้านทุจริตการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ออกมาจับผิดตัวเลขผู้ขอใช้สิทธิ์ล่วงหน้า ที่กกต.สรุปยอด 2 ครั้ง ครั้งแรก 2.4 ล้านคน ครั้งที่สอง 2.6 ล้านคน แตกต่างกันถึง 2 แสนกว่าคน และที่จับได้คาหนังคาเขาเลยก็คือ การแจกจ่ายแผ่นซีดี "ทักษิณคิด ประเทศไทยหายนะ" และ "เผาบ้านเผาเมือง 19 พ.ค." ที่พบการแพร่ระบาดทั้งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งธนฯ ปทุมธานี และพิษณุโลก


ตำรวจจับกุมคนรับจ้างแจกจ่ายมีทั้งจักรยานยนต์รับจ้าง นักศึกษา และชาวบ้านคนธรรมดา พร้อมของกลางซีดีและเอกสารสิ่งพิมพ์รวมแล้วหลายหมื่นชิ้น ถึงจะยังสาวไม่ถึงตัวการแต่ถ้าดูจากเนื้อหาในแผ่นซีดีก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือของฝ่ายไหน ส่วนที่ลือกันว่าขบวนการแจกซีดีดันไปสอดรับกับคิวของพรรค การเมืองใหญ่ยกทีมไปเปิดเวทีปราศรัยแยกราชประสงค์ เล่นเกมเสี่ยงวัดใจคนกรุง


หวัง "ฟอกตัว" จากเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ด้วยมุขเดิมๆ คือโยนความผิดไปให้ "ทักษิณ" กับ "คนชุดดำ" เป็นต้นเหตุความตาย 91 ศพ ก็เป็นแค่การวิเคราะห์กัน ไป ส่วนจะจริงตามนั้นหรือไม่ ไม่มีใครยืนยัน ก่อนหน้านี้ยังมีกรณี ร.ต. หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นำทีมผู้สมัครส.ส.เขตนครราชสีมาของพรรค และผู้สมัคร จังหวัดเดียวกันของพรรคเพื่อไทย


ออกมาตั้งโต๊ะแถลงเปิดโปงข้าราชการระดับสูงของจังหวัด ใช้อำนาจขู่บังคับผู้นำชุมชน อาทิ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอสม. ให้ชี้นำประชาชนเลือกผู้สมัครของพรรคการเมืองที่ควบคุมกระทรวงใหญ่ หากไม่ยอมทำตามจะถูกปลด ขณะเดียวกันมีใครไม่รู้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง กกต.แนบหลักฐานภาพถ่ายคนของพรรคการเมืองกำลังแจกเงิน โดยมีชาวบ้านนั่งล้อมรอบ ระบุเหตุการณ์เกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์


บรรยากาศต่างๆ เหล่านี้ไม่ต่างจากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกว่า ในจังหวะการเลือกตั้งเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถึงสารพัดโพลจะชี้ตรงกันว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ยังเป็นฝ่ายครองกระแสความนิยมเหนือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ ชนิดทิ้งขาดหลายช่วงตัว


แต่ปรากฏการณ์อีกฟากฝ่ายอยู่ในภาวะ ดิ้นรนหนีตาย จำเป็นต้องใช้กลไกอำนาจรัฐทุกอย่างในมือ ควบคู่ไปกับการยิงกระสุนปืนกลชุดใหญ่ จึงเป็นเหมือนสัญญาณเตือนพรรคเพื่อไทย ประมาทไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว โดยเฉพาะช่วง 7 วันก่อนเลือกตั้ง ซึ่งเป็นโค้งอันตรายอย่างแท้จริง


ข่าวสดรายวัน : วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7514

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น