วันศุกร์, มีนาคม 25, 2554

เกมลึกนายใหญ่ลับลวงพรางสกัด เหลิมบอมบ์


ปัญหาความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยยังเป็นฝุ่นตลบ ไม่ได้ข้อยุติง่ายๆ ว่าใครจะเป็นผู้นำเบอร์หนึ่ง ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

การลาออกจาก สส.พรรคเพื่อไทยของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แม้ว่าจะไม่มีผลต่อการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน หรือการเป็นขุนพลของพรรคในสภา

เพราะเพียงเดือนกว่า หรือต้นเดือน พ.ค. ก็จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ สส.ในสภาทั้งหมด 474 คน ก็จะพ้นจากเก้าอี้

การไขก๊อกออกจาก สส.ก่อนโค้งสุดท้ายที่จะมาถึง จึงเป็นการต่อรองอำนาจผลประโยชน์ในพรรค เพราะที่สุดแล้ว “บิ๊กเหลิม” ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และจะช่วยพรรคเดินสายหาเสียงต่อไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าท่าทีที่แข็งกร้าวของ “บิ๊กเหลิม” ครั้งนี้ เพราะไม่พอใจที่ ทักษิณ ชินวัตร เอาใจไปให้ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ให้ขึ้นเป็นคู่ชิงนายกฯ จนได้เป็นผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถูกบรรจุเป็นนายกฯ แนบท้ายในญัตติ

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ บิ๊กเหลิม ประกาศตัวมานานไม่ว่าจะเดินสายไปหาเสียงที่ไหน จะขอเป็นนายกฯ เพียง 6 เดือน เพื่อนำทักษิณกลับประเทศ และเห็นว่าพรรคเพื่อไทยต้องเดินแนวดุ ซึ่งก็เข้ากับบุคลิกของขุนพลฝั่งธนฯ ที่จะได้ประโยชน์จากการเมืองแนวขัดแย้งมากกว่าเล่นเกมประนีประนอมในสไตล์ของมิ่งขวัญ

อาการน้อยใจของ “บิ๊กเหลิม” ทำให้ สส.กลุ่มบ้านริมคลองร่วม 30 คน บุกไปเป็นกำลังใจให้เขา ก่อนจะหูผึ่งเมื่อนายใหญ่ได้โทร.ต่อสายขอเคลียร์ใจกับ “บิ๊กเหลิม” พอดี ด้วยวาทะดุเด็ดเผ็ดร้อน นัยว่า “บิ๊กเหลิม” ช่วยพรรคมานาน เงินก็ไม่เคยขอ แต่ทักษิณไม่เคยจริงใจ กระทั่งเฉลิมจะขอลูกลง สส.กทม. ก็ไม่มีคำตอบให้

แต่บทสรุปของ “บิ๊กเหลิม” คือ จะช่วยพรรคเพื่อไทยต่อไป เพียงแต่ยื่นเงื่อนไขขู่ว่า ถ้าทักษิณตัดสินใจเลือกมิ่งขวัญเป็นผู้นำพรรค ก็จะไม่มีคนชื่อเฉลิมอยู่ในถ้ำเพื่อไทย และหากไม่รับเงื่อนไขการต่อรองลึกๆ รวมทั้งการวางตัวผู้สมัคร สส. หรือการวางตำแหน่งแห่งหนของบิ๊กเหลิม หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็จะไม่มาช่วยพรรค

กระนั้น เหตุที่ “บิ๊กเหลิม” ไม่มีทางออกจากเพื่อไทย เหมือนที่ขู่ว่าจะออกไปตั้งพรรคใหม่ร่วมกับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และนิติภูมิ นวรัตน์ เพราะการตั้งพรรคใหม่มีความเสี่ยงมาก ต้องใช้ทุนสูง และไม่รู้ว่าจะได้กี่เสียง แต่หากอยู่เพื่อไทยที่มีเครือข่ายพร้อม อย่างไรก็ได้เป็น สส.แน่ และถ้าเป็นรัฐบาลก็ต้องได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเกรดเอชัวร์

เกมต่อรองของสองสิงห์ในพรรค “นายใหญ่” กับ “บิ๊กเหลิม” ถือว่าต่างฝ่ายต่างเก๋าเกม รู้ทันกันทั้งคู่ และเป็นเสือที่พร้อมขย้ำศัตรูได้ทุกโอกาส หากผลประโยชน์ที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา

ทักษิณเองวันนี้ก็ยังไม่กล้าประกาศว่าจะเลือกมิ่งขวัญ หรือยิ่งลักษณ์ แม้เชื่อว่าบรรทัดสุดท้ายน่าจะจบที่น้องสาวตัวเอง เหตุเพราะปัจจัยชี้ขาดหลังการเลือกตั้งว่าใครจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ นอกจากเสียงของประชาชนแล้ว ยังมีองค์ประกอบสำคัญอีกหลายประการจากอำนาจทุกฝ่ายในประเทศ เพราะผลการเลือกตั้งครั้งนี้มีเดิมพันสูงยิ่ง และอาจเป็นจุดเปลี่ยนของระบอบการเมืองและการจัดสมดุลครั้งใหม่ในประเทศ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล

ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น กองทัพก็ถูกจับตาว่าจะใช้อำนาจสกัดทักษิณและขบวนการเสื้อแดงไม่ให้เข้ามามีอำนาจ เพื่อป้องกันไม่ให้สถาบันหลักได้รับผลกระทบ

ดังนั้น ทักษิณจึงต้องมีไพ่ไว้เล่นหลายใบ เพื่อใช้ตามสถานการณ์การต่อสู้ทั้งก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้ง และช่วงโหวตเลือกนายกฯ ในสภา เขาจึงขอดูสถานการณ์ให้ถึงที่สุดก่อน เพราะยังมีเวลาเหลืออีกเดือนกว่า ก่อนที่นกหวีดเลือกตั้งจะถูกเป่าขึ้น

ทว่า ท่าทีทักษิณยังคงแข็งกร้าว ไม่สนเกมกดดันของบิ๊กเหลิม โดยบอกผ่าน นพดล ปัมทะ คนใกล้ชิดว่า นี่เป็นปัญหาเล็กน้อย เมื่อพรรคเป็นองค์กรต้องผ่านเรื่องเหล่านี้ให้ได้ เพราะหากบิ๊กเหลิมสร้างความแตกแยกในพรรคอย่างนี้มาเป็นเกมต่อรองเพื่อตัวเอง ปัญหาก็จะไม่จบสิ้น

แต่ลึกๆ แล้วทักษิณเชื่อว่าปัญหาน่าจะจบ เพราะตัวเลือกสุดท้ายของทักษิณกับบิ๊กเหลิมตรงกัน คือ ยิ่งลักษณ์

กลุ่ม สส.ที่เชียร์ยิ่งลักษณ์ ซึ่งก็คือกลุ่มสายตรงทักษิณ มีมากกว่าครึ่งของพรรค เชื่อว่าที่สุดทักษิณจะจัดการมิ่งขวัญ โดยรอให้ยุบสภาก่อน ทักษิณถึงจะชูยิ่งลักษณ์ขึ้นเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ เพราะบุคลิกของมิ่งขวัญอ่อนปวกเปียกเกินกว่าที่จะมาเป็นผู้นำในบรรยากาศที่ยังขัดแย้งกันแรง และไม่ทันกลเกมของฝ่ายตรงข้าม แต่ที่ถูกเชิดขึ้นมาเป็นผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เพียงเพราะต้องการเอามาเชือด “บิ๊กเหลิม”

แต่เมื่อเวทีซักฟอกจบ จ๊อบของมิ่งขวัญก็ถือว่าจบตาม เหมือนอย่างที่กลุ่มทักษิณบอกไว้ว่า คนที่จะถูกชูเป็นนายกฯ อาจไม่ใช่คนที่ถูกชูเป็นผู้นำอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นี่เป็นแผนย้อนเกล็ดมิ่งขวัญ เหมือนที่ “บิ๊กจิ๋ว” “บิ๊กเหลิม” ถูกนายใหญ่ปิดบัญชีไปทีละคนสองคน นั่นเพราะประสบการณ์ที่ทักษิณถูกเนวินฆ่าสมัยอยู่พรรคพลังประชาชน ทักษิณจึงไม่อยากให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก จึงรีบชิงลงมือเชือดบิ๊กเหลิมแต่เนิ่นๆ ไม่ให้ไต่ระดับขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่ง ส่วนมิ่งขวัญเหมือนลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด

ทว่า กลุ่มมิ่งขวัญเองก็มีพลพรรคไม่น้อย และเชื่อในข้อเด่นของมิ่งขวัญที่พยายามถอดเสื้อแดงออกจากพรรคเพื่อไทย เพื่อทำให้คนชั้นกลางในเมืองที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกฝ่ายใด เลิกหวาดกลัว และหันมาเลือกพรรคเพื่อไทยในยุคที่มิ่งขวัญเป็นผู้นำพรรค เพราะถ้าเป็นยิ่งลักษณ์ขึ้นมาเป็นผู้นำ ก็อาจไม่ได้เสียงจากคนกรุงที่ยังปฏิเสธทักษิณ

อย่างไรก็ตาม วันนี้แกนนำเพื่อไทยก็ให้คำตอบไม่ได้ว่า บรรทัดสุดท้ายจะขีดเส้นที่ยิ่งลักษณ์ในตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ โดยเฉพาะหากการต่อสู้รุนแรงกว่าที่คาด ก็อาจเปลี่ยน “ม้ากลางศึก” ได้อีก เพื่อต่อรองกับอำนาจนำให้ลงตัวมากที่สุด

ที่สุดแล้ว ศึกในเพื่อไทยคงต้องบอกว่าตัวละครอย่างบิ๊กเหลิมและมิ่งขวัญ ยังเป็นไม้กระดกแห่งอำนาจ รอเป็นระเบิดเวลาในพรรคเพื่อไทยอีกหลายยก

ที่มา: โพสต์ทูเดย์วิเคราะห์ โดย...ทีมข่าวการเมือง(update 25 มีนาคม 2554 เวลา 08:22 น.)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น