วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 28, 2554

‘แดง-เหลือง’ฟันธงใกล้สถานการณ์พิเศษมีนาคมอันตราย

เสื้อแดง-เสื้อเหลืองวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองตรงกันใกล้เกิดสถานการณ์พิเศษในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมถือว่าสถานการณ์เปราะบางมากที่สุด แต่ยังมองปัจจัยที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์แตกต่างกัน ชี้ยุบสภาเลือกตั้งแค่เบี่ยงกระแส ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหาให้บ้านเมืองตราบใดที่ผู้คุมอำนาจไม่ประกาศให้ชัดเจนว่าจะยอมรับผลเลือกตั้ง ปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามธรรมชาติ

“อภิสิทธิ์” โดนจี้ถามเรื่องถือ 2 สัญชาติ อ้างพวกที่ขุดคุ้ยไม่รักชาติ หวังแค่ผลทางคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2554 บรรดาคนเสื้อแดงจำนวนมากไปรวมตัวกันที่วัดปทุมวนารามร่วมทำบุญเลี้ยงพระเพื่ออุทิศส่วนกุลศลให้กับแนวร่วมที่เสียชีวิตจากการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม โดยมีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดินที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปร่วมด้วย เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นพ.เหวง โตจิราการ นายขวัญชัย ไพรพนา นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายยศวริศ ชูกล่อม หลังเสร็จสิ้นการทำบุญทั้งหมดได้เดินทางกลับโดยไม่เปิดปราศรัยกับมวลชนแต่อย่างใด

ใช้สถานะ ส.ส. หนุนเสื้อแดง

นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์ถึงข่าวแกนนำที่ออกจากเรือนจำจะลงสมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า แกนนำที่เป็นสมาชิกพรรคอยากเสนอตัวลงสมัคร อย่างนายก่อแก้วและนายขวัญชัย แต่สุดแท้แต่พรรคจะพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งการลงสมัคร ส.ส. มีเป้าหมายเพื่อนำสถานะสมาชิกรัฐสภามาเกื้อหนุนต่อการเคลื่อนไหวภาคประชาชน

จี้ผู้มีอำนาจยอมรับผลเลือกตั้ง

ส่วนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แล้วแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเลือกกำหนดที่เหมาะสม มั่นใจว่าการหาเสียงเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยดี ไม่มีคนเสื้อแดงออกมาต่อต้าน อย่างไรก็ตาม ยังเป็นห่วงว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชนะเลือกตั้งฝ่ายที่คุมอำนาจจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและพยายามทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอีก ดังนั้น จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์และผู้นำกองทัพออกมาประกาศให้ชัดเจนว่าจะยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะออกมาไม่ว่าใครเป็นฝ่ายชนะก็ตาม

กลุ่มอำนาจกำหนดทิศทางประเทศได้

นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ไม่ควรเอาการเคลื่อนไหวของประชาชนมาเป็นข้ออ้างที่จะไม่จัดเลือกตั้งภายในปีนี้ ส่วนตัวคิดว่าปัญหาของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่คนเสื้อแดง แต่อยู่ที่คนเสื้อเหลือง แม้จะมีคนออกมาร่วมชุมนุมไม่มากแต่มีพลังในการสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลได้มาก และสามารถกำหนดทิศทางของประเทศได้ เพราะว่าเป็นกลุ่มชนชั้นนำที่อนุรักษ์นิยม มีแนวความคิดแบบจารีตนิยม เป็นกลุ่มคนในระบอบอำมาตย์ของแท้

“นายอภิสิทธิ์ไม่ต้องกังวลกับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง เพราะพวกเราเคลื่อนไหวเป็นระบบ มีวุฒิภาวะ รับผิดชอบต่อประเทศชาติและสังคม”

หลังไล่ “ทักษิณ” แสดงตนชัดขึ้น

นางธิดาระบุว่า เป็นห่วงอนาคตของประเทศ เพราะขณะนี้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนบางกลุ่มที่สามารถชี้นำทิศทางของประเทศได้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนหลังการปฏิวัติยึดอำนาจมาจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนกลุ่มนี้ได้รับการยอมรับจากชนชั้นนำที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินการในทุกเรื่อง

อาจยึดอำนาจจัดระเบียบใหม่

“สิ่งที่เป็นห่วงตอนนี้คืออาจจะมีหรือไม่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก็ได้ แต่ดูแนวโน้มแล้วการเลือกตั้งอาจเป็นไปได้ยาก หากเขาไม่มั่นใจว่าจะคุมอำนาจเอาไว้ได้ต่อไปอาจเลือกวิธีการยึดอำนาจปิดประเทศเพื่อจัดระเบียบใหม่ให้เป็นไปตามทิศทางที่ต้องการ” นางธิดากล่าวและว่า หากมีการยึดอำนาจคนเสื้อแดงจะยืนหยัดต่อสู้แน่นอน

ซัดผลสรุปดีเอสไอไม่น่าเชื่อถือ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุผลการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ของ พล.ต.ท.อัมพร จารุจินดา อดีต ผบช.สพฐ.ตร. ที่วิเคราะห์จากภาพถ่ายว่าเกิดจากการถูกยิงโดยอาวุธปืนอาก้า และยังเน้นย้ำว่าทหารที่ปฏิบัติการวันนั้นไม่ได้ใช้ปืนอาก้า

โดยตั้งเป็นประเด็นคำถามว่า พล.ต.ท.อัมพรที่เกษียณอายุราชการไปแล้วใช้ตำแหน่งหน้าที่ใดมายืนยันผลชันสูตร และยืนยันได้อย่างไรว่าถูกต้องโดยที่ไม่มีการตรวจศพ ที่สำคัญคือ พล.ต.ท.อัมพรเป็นคนเดียวกับที่ตรวจสอบศพของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ว่าเสียชีวิตจากแก๊สน้ำตา ซึ่งแย้งกับผลชันสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วจะเชื่อถือได้อย่างไร นอกจากนี้ผลการพิสูจน์เบื้องต้นระบุชัดเจนว่ามีการยิงมาจากแผงหลังของแนวทหาร เรื่องจะยิงด้วยกระสุนอะไรคงไม่สำคัญเท่ากับว่าใครยิง

ตั้งฉายากรมผงซักฟอก

“คงต้องตั้งฉายาให้ดีเอสไอว่าเป็นกรมผงซักฟอก เพราะนายธาริตสามารถฟอกทุกอย่างให้รัฐบาลได้หมดทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องกักตุนน้ำมันปาล์มจนประชาชนเดือดร้อนก็สรุปแล้วว่าไม่พบคนผิด” นายพร้อมพงศ์กล่าว

ที่พรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าและโฆษกพรรค เรียกร้องให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ไปเป็นพยานในศาลให้แกนนำคนเสื้อแดงจนได้รับการประกันตัวออกมาเปิดเผยพิมพ์เขียวการสร้างความปรองดองว่ามีรูปแบบอย่างไร นอกจากนี้ยังเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยคิดจะทำอะไรเพื่อให้เกิดความปรองดอง มัวแต่ประคองตัวเองให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น โดยป้ายสีให้คนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงเป็นตัวอันตรายของบ้านเมือง

กมม. จี้ทบทวนเอกสิทธิ ส.ส.

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า การที่ 7 แกนนำที่ได้รับการประกันตัวจะลงสมัคร ส.ส. เพื่อใช้เอกสิทธิคุ้มครองไม่ต้องติดคุกระหว่างพิจารณาคดีถือเป็นเรื่อง 2 มาตรฐานในกลุ่มเสื้อแดง เพราะขณะที่แนวร่วมอยู่ในเรือนจำแต่แกนนำกลับทิ้งมวลชนเพื่อหาเกราะกำบัง หากพรรคการเมืองใหม่เข้าไปในสภาจะเสนอทบทวนเอกสิทธิของ ส.ส. ว่าให้ใช้ได้ในกรณีไหนอย่างไรบ้าง ผู้ที่ต้องคดีร้ายแรงอย่างก่อการร้ายไม่ควรได้สิทธินี้

เชื่อสถานการณ์พลิกผันเดือน มี.ค.

“พรรคเพื่อไทยต้องตระหนักว่ามีคดียุบพรรคค้างอยู่ที่อัยการกรณีไปสนับสนุนการก่อการร้าย หากรับแกนนำทั้ง 7 คนเข้าพรรคจะเป็นการตอกย้ำโดยดิ้นไม่หลุดว่าเป็นพวกเดียวกัน” นายสุริยะใสกล่าวและว่า การปล่อยแกนนำเสื้อแดงแม้รัฐบาลจะทำเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเมือง แต่เชื่อว่าความสงบจะไม่เกิดขึ้นตราบใดที่ไม่ยึดหลักนิติรัฐ สถานการณ์จะรุนแรงมากกว่าเดิม และเชื่อว่าสถานการณ์จะพลิกผันได้ในช่วงเดือน มี.ค. นี้ โดยมี 2 ปัจจัยเกื้อหนุนคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจและการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง แม้นายกรัฐมนตรีจะพยายามดึงความขัดแย้งให้ไปสู่การเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าไม่ตอบโจทย์ของบ้านเมือง การพูดเรื่องการเลือกตั้งเป็นเพียงการเบี่ยงกระแสเท่านั้น

ระบุไม่ได้เกิดสถานการณ์แบบไหน

นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ในเดือน มี.ค. มีโอกาสสูงที่จะเกิดสถานการณ์พิเศษขึ้น แต่จะเป็นรูปแบบไหนไม่อาจระบุได้ชัดเจน โดยกลุ่มคนที่จะทำให้เกิดสถานการณ์นี้ไม่ได้อยู่ที่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองเท่านั้น แต่จะมีกลุ่มคนที่เป็นตัวแปรมาเกี่ยวข้องด้วย

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อถูกตั้งคำถามเรื่องการถือ 2 สัญชาติ และควรสละสัญชาติอังกฤษเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ โดยระบุว่า ความรักชาติขอให้ดูที่พฤติกรรม เรื่องสัญชาติขณะนี้กฎหมายยังไม่ชัดเจน บางคนบอกว่าการแสดงออกถึงการเลือกสัญชาติไทยก็ถือว่าได้สละสัญชาติอังกฤษไปแล้วโดยปริยาย หากก่อนหน้านี้เคยใช้สิทธิในฐานะเป็นคนสัญชาติอังกฤษก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“มาร์ค” ไม่เจตนาถือสัญชาติอังกฤษ

“เรื่องนี้นักกฎหมายเองก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่โดยส่วนตัวแสดงเจตนาที่ชัดเจนแต่แรกว่าถือสัญชาติไทย ไม่มีเจตนาจะถือสัญชาติอังกฤษแม้ว่าจะเกิดที่นั่น ในช่วงการศึกษาและการเดินทางเข้าออกก็แสดงเจตนาชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการถือสัญชาติไหน”

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไปยืนยันเรื่องนี้ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อมีคนยื่นก็เป็นเรื่องของศาลที่จะต้องพิจารณา หากไปยื่นฟ้องที่ศาลอังกฤษ ศาลอังกฤษก็ต้องพิจารณา เรื่องนี้ส่วนตัวเพิ่งทราบเพราะไม่เคยอ่านกฎหมายอังกฤษ

ถอนตอนนี้เกรงถูกครหาหนีคดี

“เรื่องสละสัญชาติอังกฤษยังไม่แน่ใจว่าต้องทำหรือไม่ เพราะกฎหมายของไทยก็ไม่ชัดเจน แต่เจตนาของผมถือตามกฎหมายไทย หากไปทำอะไรตอนนี้ก็จะถูกกล่าวหาว่าต้องการหนีคดีที่เขาไปฟ้องกัน แต่เจตนาของผมไม่ใช่ต้องการเก็บสัญชาติอังกฤษไว้ หากต้องดูตามกฎหมายอังกฤษก็คงต้องไปดูต่อว่าผมต้องเสียภาษีหรือเปล่า ต้องเกณฑ์ทหารหรือเปล่า”

อยู่เมืองไทยยึดกฎหมายไทย

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า เมื่อมาอยู่เมืองไทยก็ยึดตามกฎหมายไทย ซึ่งเกี่ยวกับสัญชาติกฎหมายเขียนเอาไว้ว่า หากมีข้อกฎหมายขัดกันให้ถือกฎหมายสยาม

เมื่อถูกถามว่าจะเป็นบุคคล 2 สัญชาติต่อไป นายอภิสิทธิ์สวนว่า “ผมไม่รู้ว่าผมมี 2 สัญชาติหรือไม่ เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ที่ผ่านมาพยายามตรวจสอบแล้วแต่นักกฎหมายเองก็ยังเห็นไม่ตรงกัน เพราะเป็นเรื่องข้อกฎหมายในแต่ละประเทศ แต่ตามปรกติหากใครทำตัวเป็นสัญชาติอะไรก็ชัดเจนยู่แล้ว ผมคงไปเปลี่ยนที่เกิดไม่ได้”

คุณสมบัติครบถ้วนเป็นนายกฯ

นายอภิสิทธิ์ย้ำว่า ไม่มีปัญหาเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายไทย และมีคุณสมบัติครบถ้วนหากจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง

“ผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แต่อยากถามว่าคนที่ตรวจสอบและคนที่จ้างตรวจสอบเรื่องนี้รักชาติจริงหรือไม่” นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า ที่เขายกประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพียงเพื่อหวังผลทางคดีที่เอาไปยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศเท่านั้น ซึ่งนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็รับจ้างมาทำเรื่องนี้อยู่แล้ว

ปล่อยแนวร่วมเสื้อแดง 40-50 คน

ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมเพื่อกดดันให้ปล่อยตัวชั่วคราวแนวร่วมที่อยู่ในเรือนจำนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องการประกันตัวคนเสื้อแดงรัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว ที่ผ่านมาได้ให้ประกันไปแล้ว 40-50 คน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล การเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน หากไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องอะไรรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ

“ที่ผ่านมาได้รับประกันตัวไปหลายคน เพียงแต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจหรือเป็นข่าวเท่ากับพวกแกนนำที่ได้ประกันตัว”

ซัดใช้โวหารชี้แจงถือ 2 สัญชาติ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้ความเห็นว่า นายอภิสิทธิ์กำลังมีปัญหามากขึ้นในการบริหารประเทศ และคงไม่ง่ายที่จะเอาตัวรอดไปได้เหมือนครั้งก่อนๆ โดยเฉพาะการถือ 2 สัญชาติที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลที่มีน้ำหนักได้นอกจากการเล่นโวหาร

“ผมไม่ได้สนใจว่าศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับฟ้องหรือไม่ หรือเขาจะสละสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่ที่ผมสนใจคือเขายังสมควรเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยต่อไปหรือไม่ ประเด็นอยู่ที่ว่าคนจะเป็นนายก รัฐมนตรีของประเทศไทยต้องมีความรับผิดเท่ากับคนไทยทั่วไป ไม่ใช่มีอภิสิทธิ์หรือมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่นๆ เพราะจะทำให้ไม่รอบคอบในการทำงานเพราะคิดว่าตัวเองมีภูมิต้านทานมากกว่าคนไทยทั่วไปก็เป็นได้ วันหนึ่งข้างหน้าเกิดทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้วหนีไปอยู่อังกฤษ ใช้สิทธ์ความเป็นพลเมืองอังกฤษก็จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของที่นั่นทันที”


ที่มา: หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ (update: ปีที่ 12 ฉบับที่ 3001 ประจำวัน จันทร์ ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2011)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น