วันศุกร์, สิงหาคม 27, 2553

เมียวิกเตอร์ บูท เผยศิริโชคถามสามี เรื่องทักษิณ

by Herogeneral on 2010-08-28 - 11.55 am
ข้อมูลโดย: ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 19:44 น.
เมียวิกเตอร์ บูท เผยศิริโชคถามสามี เรื่องทักษิณ

จาก อัลบั้ม ข่าวสดออนไลน์

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ หรือ เอฟซีซีที นางแอลลา บูท ภรรยาของนายวิกเตอร์ บูท แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในฐานะตัวแทนสามี ว่า ตนไม่ได้อัดเทปลับการสนทนาระหว่างสามีและนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมขอร้องสื่อมวลชนให้เลิกถามเรื่องนี้กับตน เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของครอบครัว


นางแอลล่า กล่าวว่า สามีเปิดเผยเนื้อหาการสนทนาระหว่างนายศิริโชคอย่างละเอียดว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นายศิริโชคเรียกเข้ามาพบในห้องทำงานฝ่ายบริหารของเรือนจำ โดยแนะนำตัวว่านายศิริโชคเป็นผู้ช่วยของนายกรัฐมนตรี และส.ส.ของพรรคการเมืองหนึ่ง จากนั้นนายศิริโชคนำหนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งให้ตนดู ภายในเป็นข่าวการจับกุมเครื่องบินที่บรรทุกอาวุธสงครามจากเกาหลีเหนือไปยัง ศรีลังกา แต่ถูกตำรวจไทยตรวจค้นและจับกุมได้ เพราะแวะเติมน้ำมัน


นายศิริโชคขอความเห็นนายบูท ในฐานะผู้เชี่ยวชาญว่าจะเป็นไปได้ไหมที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจ่ายเงินและนำอาวุธเหล่านี้มาให้แก่มวลชนเสื้อ แดงในการก่อความไม่สงบ นายบูทตอบปฏิเสธไม่รู้พร้อมกล่าวว่าตนไม่มีความเกี่ยวข้อง


จากนั้นนายศิริโชคนำเลขประจำเครื่องบินส่วนตัวของอดีตนายกฯมาให้ดูอีก พร้อมถามว่าจะทำอย่างไรจึงจะจับสัญญาณหรือจับกุมเครื่องบินลำนี้ได้ นายบูทกล่าวว่า ไม่รู้เพราะเครื่องบินนี้เป็นแบบชาติพันธมิตร และตัวเลขยังเป็นระบบสัญลักษณ์ของสหรัฐ ตนซึ่งเป็นชาวรัสเซียไม่มีทางเข้าใจได้


จากนั้นนายศิริโชคถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่หลายประเทศบ่ายเบี่ยงการ ส่งตัวอดีตนายกฯ กลับประเทศในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน นายบูท ตอบว่าไม่ทราบ รู้เพียงว่าอดีตนายกฯพ้นจากตำแหน่งเพราะการรัฐประหาร


ต่อมาถามว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีตำรวจของอดีตหน่วยงานกลางดูแลการข่าว ความมั่นคงและตำรวจสันติบาลของสหภาพโซเวียต หรือ เคจีบี อยู่กี่คน นายบูทตอบว่าไม่รู้เพราะไม่เคยยุ่งเกี่ยว

ตอนท้ายนายศิริโชคถามว่า ทราบอาการป่วยของอดีตนายกฯหรือไม่ นายบูท ตอบว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวจึงตอบไม่ได้


ด้านนางแอลล่า กล่าวถึงชีวิตส่วนตัวว่า ตลอดเวลา 20 ปีที่ใช้ชีวิตร่วมกับนายวิกเตอร์ บูทมา รู้จักนายบูทอย่างลึกซึ้งและเชื่อว่าเป็นคนดีเสมอมา แต่ 10 ปีหลังมานี้นายบูทถูกสื่อและรัฐบาลหลายประเทศข่มเหง จนกลายเป็นปีศาจในสายตาชาวโลก


จากนั้นนางแอลล่า โชว์จดหมายที่รัฐบาลสหรัฐส่งถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐ ก่อนการตัดสินคดี 1 วัน ภายในมีเนื้อหากดดันให้มีการส่งตัวนายวิกเตอร์ บูท มายังสหรัฐ และกล่าวว่า นี้เป็นหลักฐานชิ้นดีว่าคดีนี้เป็นเกมการเมือง และสหรัฐกำลังใช้อิทธิพลครอบงำประเทศไทยอยู่


วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบนายวิกเตอร์ บูท ถึงเรือนจำ ว่า นายศิริโชคชี้แจงว่าการทำหน้าที่ไปเข้าพบผู้ต้องหาเป็นการกระทำโดยเปิดเผย ไม่ได้เป็นความลับ ตามกฎของกรมราชทัณฑ์มีการบันทึกไว้โดยตลอด และมีการแถลงต่อสภาทันที่โดยไม่มีความพยายามที่จะปิดบัง


กรณีที่นายจตุพรกล่าวหาว่ารัฐบาลพยายามดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อโยงให้ถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎ สังคมก็จะสามารถใช้วิจารณญาณไตร่ตรองได้ โดยเฉพาะนายจตุพรและนายศิริโชค จะต้องมีคนหนึ่งพูดจริงและอีกคนหนึ่งพูดเท็จ


ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายลักษณ์ นิติวัฒน์วิจารณ์ ทนายความของนายวิกเตอร์ บูท ผู้ต้องหาคดีค้าอาวุธ จะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยคัดค้านการส่งตัวนายบูทไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกา โดยอ้างข้อกฎหมายในสนธิสัญญาว่าผู้ต้องหาเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของประเทศ นั้นๆ ยับยั้งการส่งตัวได้ ว่า


ถ้ามีการยื่นเรื่องมา ก็ต้องดูก่อนว่าเขามีเหตุผลอะไร แต่โดยหลักของกฎหมายระหว่างประเทศ ฝ่ายบริหารเป็นผู้ใช้ดุลพินิจเป็นลำดับสุดท้าย ส่วนการใช้ดุลพินิจของฝ่ายบริหารนั้นส่วนใหญ่ทำกันในช่วงก่อนศาล จึงควรให้กระบวนการของศาลจบสิ้นก่อน


จาก อัลบั้ม ข่าวสดออนไลน์

โชคไม่ศิริ

ที่มา : ข่าวสดรายวัน คอลัมน์ เหล็กใน
วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7212 หน้า 6


ศิริโชคเข้าคุกบางขวาง ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ที่กำลังบานปลายกลายเป็น อะราวด์ เดอะ เวิลด์ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของศิริโชค โสภา คนไปพบกับ วิกเตอร์ บูท คนอยู่ในคุก

แต่มันเกี่ยวข้องทั้งทางตรง ทางอ้อมกับหลายประเทศ ไทย ประเทศของศิริโชค รัสเซีย ประเทศของวิกเตอร์ สหรัฐอเมริกา ประเทศที่ขอตัววิกเตอร์ไปดำเนินคดี

ยังมีเกาหลีเหนือ ประเทศต้นทางของเครื่องบินขนอาวุธมาจอดเติมน้ำมันแล้วถูกจับที่ดอนเมือง และศรีลังกา ประเทศที่ทักษิณไปเยือนช่วงที่เครื่องบินขนอาวุธถูกจับ เห็นแค่ชื่อสหรัฐอเมริกากับรัสเซีย ก็สะท้านไปทั้งโลก

ศิริโชคยังพยายามขยายความเพื่อเคลียร์ตัวเองให้พ้นจากคำถาม ข้อครหาต่างๆ โดยเอ่ยชื่อเกาหลีเหนือกับศรีลังกาเพิ่มเข้ามาอีก เห็นชื่อเกาหลีเหนือกับศรีลังกา ก็หนาวไปทั้งโลกไม่แพ้กัน

เกาหลีเหนือลือเลื่องเรื่องอะไรคงไม่ต้องบอก ส่วนศรีลังกา ชื่อๆ นี้ก็มาพร้อมๆ พยัคฆ์ทมิฬอีแลม

ระดับฮาร์ดคอร์ทั้งนั้น!

วอลเปเปอร์ คนโปรดของนายกฯ ประเทศไทย คงไม่นึกไม่คิดว่าการเข้าคุกบางขวางเมื่อเม.ย.จะมาถึงจุดนี้ จุดที่เปรียบได้กับสำนวนคำพังเพยโบราณที่ว่า อยู่ระหว่างเขาควาย หรือ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคอ

ที่อยู่ระหว่างเขาควาย หรือไม่ได้กินเนื้อ ไม่ได้นั่งหนัง แต่ดันเอากระดูกมาแขวนคอประจานตัวเองนั้น ไม่ใช่ศิริโชค แต่เป็นประเทศไทยทั้งประเทศ

ไทยที่กำลังถูกสหรัฐกดดันให้ส่งตัววิกเตอร์ไปดำเนินคดี ถึงขนาดนำเครื่องบินมาจอดรออยู่สนามบินบน.6 เวลานี้

ไทยที่กำลังถูกรัสเซียกดดันไม่ให้ส่งตัววิกเตอร์ตามคำร้องขอของสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะกดดันได้เสียด้วย เพราะศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนครบสัปดาห์แล้ว แต่วิกเตอร์ยังอยู่ใน คุกไทย

ส่วนเกาหลีเหนือกับศรีลังกา ยิ่งเงียบ ยิ่งน่ากลัว

ศิริโชคเข้าคุกบางขวาง ประเทศเข้าสู่ชะตากรรมอันตราย เพียงเพื่อต้องการเล่นงานทักษิณคนเดียว ประเทศถึงตกอยู่ในสภาพนี้

โชคไม่ศิริ จริงๆ!?

จาก อัลบั้มภาพ Matichon Online

"วิคเตอร์ บูท" วิบากกรรมของ"คนค้าความตาย"
ข้อมูลโดย ปิยมิตร ปัญญา piyamitara@gmail.com
ที่มาข้อมูล : มติชนออนไลน์วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 10:44:21 น. และหน้า 17,มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 28 สิงหาคม 2553


"วิคเตอร์ อนาโตเลวิช บูท" ชาวเมืองดุสเชนเบ้ ในสหภาพโซเวียตเดิม (ปัจจุบันอยู่ในทาจิกิสถาน) ถือสัญชาติรัสเซีย วัย 43 ปี ถูกจับกุมในปฏิบัติการ "ล่อซื้อ" ของเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ดีอีเอ) ของสหรัฐอเมริกา ในโรงแรมใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนหน้านี้


เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคดีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของไทย พิพากษาให้ส่งมอบตัววิคเตอร์ บูท ให้กับทางการสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินคดีต่อตามคำฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2008 ที่กล่าวหาว่าเป็นผู้สมคบคิดจัดหาอาวุธให้กับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่เรียก ตัวเองว่า "กองทัพปฏิวัติแห่งโคลัมเบีย" หรือ "ฟาร์ค" ซึ่งสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นกองกำลังก่อการร้าย


ใน ทางหนึ่งนั่นเป็นการสิ้นสุดการหลบหนีเงื้อมมือกฎหมายยาวนานของ "นักธุรกิจ" ชาวรัสเซียรายนี้ ในอีกทางหนึ่งคำพิพากษาดังกล่าวก็เป็นอันยุติ "สงครามทางการทูตปิดลับ" ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย บนสมรภูมิของประเทศเล็กๆ อย่างไทยลงอย่างเป็นทางการ

รอคอยผลพวงที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้กันต่อไปในอนาคต

โดย เปิดเผยแล้ว ทางการสหรัฐอเมริกายืนยันว่า การนำตัววิคเตอร์ บูท ขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดี ถือเป็นการกระทำอันเป็น "คุณูปการ" ต่อโลกทั้งโลก ในทางเปิดเผยเช่นเดียวกัน ทางการรัสเซียยืนกรานหนักแน่นว่า ยอมไม่ได้ต่อการที่บุคคลในสัญชาติตน ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม

จาก อัลบั้มภาพ Matichon Online

วิคเตอร์ บูท เป็นใครกันแน่? วิบากกรรมที่นำมาสู่ผลบั้นปลายในครั้งนี้คืออะไร

และ ทำไม "นักธุรกิจ" รายหนึ่ง ถึงเป็นที่ต้องการตัวชนิดต้องทุ่มเทการดำเนินการทางการทูตกันจนวินาทีสุด ท้าย จากชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย!?!


มาร์แชล คิลดัฟฟ์ แห่งซานฟรานซิสโก โครนิเคิล หนังสือพิมพ์ทรงเกียรติภูมิแห่งซานฟรานซิสโก ให้นิยามถึงความเป็น "วิคเตอร์ บูท" เอาไว้ว่า ถ้าหากในโลกนี้มี "แบด กายส์ ฮอล ออฟ เฟม" แล้วละก็ วิคเตอร์ บูท คงมีรูปปั้นครึ่งตัวของเขาสิงสถิตอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน


นั่น เพราะวิคเตอร์ บูท เปรียบได้เสมือนหนึ่งมือที่มองไม่เห็น ที่เป็นผู้จุดไฟสงครามขึ้นในส่วนต่างๆ ของโลกมากกว่า 10 จุดในเวลานี้ เขาไม่เพียงขนส่งปืนกลอัตโนมัติ ระเบิดมือ และจรวดไปให้กับคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายในสงครามกลางเมืองในแอฟริกาเท่านั้น ยังเป็นผู้ขายอาวุธให้กับทาลิบัน และคู่สงครามที่รวมตัวกันในนามพันธมิตรตอนเหนือในอัฟกานิสถาน เป็นผู้จัดส่งอาวุธให้กับกองกำลังต่างๆ ในตะวันออกกลางและอเมริกาใต้


นี่ คือคนที่ ณ จุดหนึ่งเคยมี "พนักงาน" อยู่ในบังคับบัญชา เพื่อทำหน้าที่จัดส่งอาวุธให้กับลูกค้าตามคำสั่งซื้อมากถึง 300 คน มีบริษัทบังหน้าหลากชื่อหลายนามระหว่าง 40-50 บริษัท

จาก อัลบั้มภาพ Matichon Online

นี่คือคนที่มี ลูกค้าไล่เรียงตั้งแต่ฟาร์คในอเมริกาใต้ เรื่อยมาจนถึงอัล ชาบับในโซมาเลีย เฮซบอลเลาะห์ในตะวันออกกลาง และทาลิบันในอัฟกานิสถาน


แต่ในขณะเดียว กันเป็น "พ่อค้าอาวุธ" ผิดกฎหมายเพียงไม่กี่รายที่สามารถเก็บงำตัวเองได้เงียบกริบ โลกภายนอกแทบไม่มีใครรู้จักชื่อ รู้จักหน้าค่าตา ตราบจนกระทั่งวิคเตอร์ บูท เข้าไปแตะ "ของร้อน" ด้วยการจัดส่งอาวุธให้กับทาลิบันในอัฟกานิสถาน เมื่อปี 2002 นั่นแหละชื่อวิคเตอร์ บูท จึงปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์


เดือนมีนาคมปีเดียวกัน เป็นวาระสุดท้ายที่มีผู้พบเห็นวิคเตอร์ บูท ในที่สาธารณะ

วิคเตอร์ อนาโตเลวิช บูท เป็นคนเชื้อชาติรัสเซีย สำเร็จการศึกษาจากสถาบันภาษาต่างประเทศของกองทัพสหภาพโซเวียต และทำหน้าที่เป็น "ล่าม" ให้กับกองพลส่งกำลังบำรุงทางอากาศ ของกองทัพอากาศโซเวียต จนกระทั่งถึงปี 1991

หน่วยงานดังกล่าวถูกยุบ สหภาพโซเวียตล่มสลาย

วิคเตอร์ บูท พ้นจากการทำหน้าที่ให้กับกองทัพขณะมียศนาวาอากาศโท!

สิ่ง ที่เขาพบเห็น นอกเหนือจากความโกลาหลอลหม่าน สับสน และแทบจะเป็นสภาพไร้ขื่อแป เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายลงใหม่ๆ ก็คือ สรรพาวุธมหาศาลที่อดีตชาติมหาอำนาจทิ้งเอาไว้ และขาดการบริหารจัดการ ในประเทศต่างๆ ที่กุลีกุจอแยกตัวออกมาเป็นอิสระ

เขาเชื่อว่าเขากำลัง มองขุมทอง เพียงแต่อาศัยความสามารถในการจัดการเล็กน้อย มีอาวุธมากมายมหาศาลให้ขาย ขอแค่หาตัว "ลูกค้า" ให้เจอเท่านั้นเอง

นั่นเป็นที่มาของสมญานาม "พ่อค้าความตาย" ที่รัฐมนตรีอังกฤษผู้หนึ่งเอ่ยถึงเขาเอาไว้ในเวลาต่อมา

ศักยภาพ พิเศษที่ไม่เหมือนใครของวิคเตอร์ บูท ก็คือ เขาสามารถจัดหาอาวุธ "อะไรก็ได้" และสามารถจัดส่ง "อาวุธอะไรก็ได้" ไปถึงมือผู้เป็นลูกค้าได้ตรงเป้าหมาย และตรงตามเวลา เขาไม่เลือกลูกค้า ไม่มีความคิดเห็นว่าเป็นใคร อยู่ฝ่ายไหน สิ่งที่วิคเตอร์ บูท เลือกก็คือ มีเงินชำระหรือไม่เท่านั้น

วิคเตอร์ บูท มีเครือข่ายโยงใยในการค้าอาวุธมากมาย เขาขายตั้งแต่กระสุนปืนอาก้าเรื่อยไปจนถึงรถถัง มีบางครั้งถึงขนาดเคยรับปากจัดหา "เครื่องบินรบ" ให้กับกองกำลังติดอาวุธนอกกฎหมายด้วยซ้ำไป

จาก อัลบั้มภาพ Matichon Online

ลายมือของวิคเตอร์ บูท ที่กลายเป็นพยานหลักฐานในศาลไทย แสดงให้เห็นถึงรายการอาวุธที่นำเสนอขาย
เอกสารหลักฐานที่ได้จากแฟลชไดรฟ์ของวิคเตอร์ บูท แสดงรายละเอียดของจรวดสไปก็อต ของรัสเซียเพื่อนำเสนอขาย

ดักลาส ฟาราห์ อดีตผู้สื่อข่าววอชิงตัน โพสต์ ผู้เขียนร่วมในหนังสือ "เมอร์แชนท์ ออฟ เดธ" ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นนักวิชาการประจำศูนย์ประเมินและยุทธศาสตร์ศึกษา นานาชาติ ในกรุงวอชิงตัน เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐอเมริกาเริ่มติดตามพฤติกรรมของวิคเตอร์ บูท มาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รับคำเตือนจากพฤติกรรม ขายอาวุธให้กับทุกฝ่าย ในปริมาณที่มากมายชนิดไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และจัดหาอาวุธสมรรถนะสูงได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน รวมทั้งอาวุธอย่าง "เฮลิคอปเตอร์โจมตี" เป็นต้น

"พอถึงกลางทศวรรษ 1990 พวกอเมริกันก็เริ่มตระหนักว่า จริงๆ แล้ววิคเตอร์ บูท ก็คือคนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการในการก่อสงคราม เขาใช้เครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ทั้งลำเต็มไปด้วยอาวุธร้ายแรงไปที่โน่นที่นี่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่พ่อค้าอาวุธในรูปแบบ เดิมอีกต่อไป แต่เป็นพ่อค้าอาวุธในระดับที่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจก่อสงครามจากรัฐบาล ให้อยู่ในมือของเอกชนได้เลยทีเดียว" ฟาราห์ระบุ

ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ก็คือ บางครั้งวิคเตอร์ บูท รับเงินค่าจ้างส่งอาวุธให้กับกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปรับเงินว่าจ้างจากสหประชาชาติ เพื่อจัดส่งความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับเหยื่อของความรุนแรงในพื้นที่ เดียวกันนั้น

วิคเตอร์ บูท เคยจัดส่งอาวุธให้กับกองกำลังก่อการร้ายในตะวันออกกลาง แต่ในขณะเดียวกันก็เคยรับจ้างกองทัพสหรัฐอเมริกาลำเลียงอาวุธไปส่งให้กอง กำลังของตนในอิรักอีกด้วย จนกระทั่งมีการสอบสวนเรื่องนี้ขึ้นมา มีการกล่าวอ้างในภายหลังว่าเป็นการว่าจ้างบริษัทบังหน้า และทางกองทัพไม่รู้ว่า แท้จริงแล้ววิคเตอร์ บูท คือผู้ได้รับประโยชน์จากงบประมาณของทางการสหรัฐอเมริกาในที่สุด

เจ้า หน้าที่อเมริกันพยายามหลายครั้งหลายหนเพื่อล่อให้วิคเตอร์ บูท ออกจากรัสเซีย สถานที่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ สบายๆ ได้ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งได้รับความร่วมมือจาก "ฝ่ายจัดซื้อ" ของฟาร์ค ร่วมมือกันล่อซื้ออาวุธจากบูท เมื่อราว 2 ปีก่อน

ในหลักฐานเอกสาร ที่นำเสนอให้ศาลพิจารณานั้น รวมทั้งบันทึกที่เป็นลายมือ นำเสนอขายให้กับเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ปลอมตัวเข้าไป นำเสนอขาย "AA" หรือจรวดต่อต้านอากาศยาน ที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นจรวดอิกลา, ปืนเอเค-47, เครื่องบินตรวจการไร้นักบิน, กระสุนสำหรับสไนเปอร์ไรเฟิล ดรากูนอฟ ของรัสเซีย 10 ล้านนัด, ปืนกลพีเคเอ็ม, จรวดอาร์พีจี 7 เรื่อยไปจนถึงเครื่องยิงระเบิดแบบเอจีเอส-17

ในระหว่างการล่อซื้อ ครั้งนั้น วิคเตอร์ บูท ยังมีแฟลชไดรฟ์เก็บรายละเอียดของโครงสร้างจรวดเอที-4 สไปก็อต ที่มีพิสัยทำการสูงสุดระหว่าง 2,000-2,500 เมตร มานำเสนอขายให้กับสายของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีขายให้อย่างที่วิคเตอร์ บูท มี!!

นัก วิเคราะห์บางรายเชื่อว่า วิคเตอร์ บูท มีสายสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัสเซียอย่างแนบแน่น ในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯจึงกลายเป็นสมรภูมิในการทำสงครามการทูตระหว่างตัวแทนของทั้งรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา

เอ็ด รอยซ์ ส.ส.รีพับลิกัน จากรัฐแคลิฟอร์เนีย เชื่อว่ารัสเซียต้องการตัววิคเตอร์ บูท กลับไปเป็นอย่างมาก เพราะความเชื่อมโยงระหว่างอดีตนายทหารอากาศผู้นี้กับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย

นัก วิเคราะห์อีกบางคนไปไกลถึงขนาดว่า วิคเตอร์ บูท คือ "ตัวแทนจำหน่าย" อย่างไม่เป็นทางการและผิดกฎหมายของบรรดารัฐบาลนานาประเทศรวมทั้งรัสเซีย ที่ต้องการ "ระบาย" อาวุธเหลือใช้ที่มีอยู่มากมายมหาศาลของตนเองออกไปโดย "เร็วที่สุด" และ "เงียบที่สุด"

รัฐบาลรัสเซียไม่เพียงไม่ต้องการให้ พลเรือนของตนเองถูกดำเนินคดีในศาลอเมริกันเท่านั้น แต่ยังไม่ต้องการให้ความลับทางด้านความมั่นคงของตนเองรั่วไหลออกจากปากวิ คเตอร์ บูท อีกด้วย

ภายใต้สมมติฐานนี้ ทางการอเมริกันรวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงการต่างประเทศ ถึงยอมรับก่อนหน้าวันพิพากษาว่า โอกาสที่วิคเตอร์ บูท จะหลุดรอดจากคดีล่อซื้อครั้งนี้มีสูงอย่างยิ่ง สูงถึงขนาดเจ้าหน้าที่อเมริกันจำเป็นต้องมี "แผนสำรอง" ด้วยการยื่นฟ้องร้องคดีที่ 2 ต่อวิคเตอร์ บูท เป็นการป้องกันไม่ให้พ่อค้าความตายรายนี้หลุดจากเงื้อมมือกฎหมาย นั่นเป็นการกระทำที่มีขึ้นทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการล็อบบี้อย่างเปิดเผยผ่านทางสถานทูตและการโทรศัพท์โดยตรง ระหว่างสำนักงานต่อสำนักงานที่เกี่ยวเนื่อง

แถมยังมีการล็อบบี้อีกหลายประเทศให้ร่วมมือกันกดดันไทยในเรื่องนี้

โอกาส หลุดรอดของวิคเตอร์ บูท จึงดูแล้วมีสูงอย่างยิ่ง สูงถึงขนาดที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกายอมรับ ว่า "เซอร์ไพรส์" กับคำพิพากษาครั้งนี้ และสรุปบทเรียนให้กับคนข่าวฟังหลังจากนั้นว่า บทเรียนจากกรณีนี้ก็คือ

"ทางที่ดีที่สุด เมื่อต้องดำเนินการเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับฝ่ายไทย ก็คือ ตรงไปตรงมาทำตามกฎระเบียบให้ถึงที่สุด-เท่านั้นเอง"!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น