วันจันทร์, มีนาคม 26, 2555

จาก "ธิดา โตจิราการ" ถึง "ธีรยุทธ บุญมี"...เสียดายคนที่เคยรู้จักกัน!


นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. ได้เขียนบทความชื่อ "ธีรยุทธ บุญมี" วิเคราะห์การเมืองไทย โดยใช้หลักคิด วิธีการ และฐานข้อมูลอะไร? เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 22 มีนาคม มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ผู้เขียนพยายามอ่านบทรายงานจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพื่อเลือกฉบับที่มีรายงานยาวที่สุด ไม่พบการอ้างอิงเอกสารวิชาการใดๆ รวมทั้งผลงานวิจัยใดๆ ก็ทำให้เข้าใจได้ว่า ข้อวิเคราะห์ของเขามาจากการประมวลเรื่องราวข้อมูลตามข่าวสารที่ได้รับ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสื่อกระแสหลัก และอ่านงานวิเคราะห์ของนักวิชาการจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนเสื้อแดง ย่อมไม่ใช่ประสบการณ์ตรงของคุณธีรยุทธ บุญมี อย่างแน่นอน

ผู้เขียนนั้นมีพื้นฐานเป็นนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและนักวิจัย จึงให้ค่างานที่มาจากการค้นคว้าวิจัยแล้วนำมาสู่ข้อสรุปเป็นสมมติฐาน เป็นทฤษฎีเบื้องต้น จนถึงกลายเป็นงานทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับทั่วไป

ในงานของคุณธีรยุทธนั้น ถ้าจะมีการอ้างถึงก็ที่พูดกันอย่างแพร่หลายเรื่องเดียว คือ สองนครา ประชาธิปไตยของ อ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์

แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินคุณค่าของการวิเคราะห์การเมืองไทยนั้น ถ้าไม่มีที่มาของหลักคิด วิธีการและฐานข้อมูล ก็ประเมินค่าตามฐานะกำลังของนักวิชาการนั้นๆ ว่ามีพละกำลังและมีผลงานทางวิชาการขนาดไหน

ว่างๆ สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาแห่งชาติควรแสดงผลงานการวิจัยและผลงานทางวิชาการของศาสตราจารย์ที่ได้รับการอนุมัติด้วยวิธีพิเศษให้สังคมได้รับรู้ด้วย เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจจะได้รับรู้พละกำลังทางวิชาการของผู้ได้รับตำแหน่งทางศาสตราจารย์แต่ละท่าน และจะได้ประเมินคุณค่าและใช้งานนักวิชาการผู้นั้นได้เหมาะสมถูกต้อง

ผู้เขียนอ่านแล้ว นี่ไม่ใช่ผลงานทางวิชาการแน่นอน หวังว่าคงจะไม่เอาไปใช้ขอตำแหน่งศาสตราจารย์นะ (เพราะได้ด้วยวิธีพิเศษแล้วนี่)?

แต่เป็นผลการวิเคราะห์วิจารณ์ตามใจคิดของคุณธีรยุทธ เนื่องจากมีประเด็นมากมาย ที่น่าสนใจที่จะตั้งคำถามกับคุณธีรยุทธ จึงขอคัดบางส่วนมาแลกเปลี่ยนสนทนากัน

ประการแรก ผู้เขียนประเมินว่า นี่เป็นผลงานของคุณธีรยุทธในลักษณะของการนำเสนอเชิงสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองของคุณธีรยุทธ มิใช่ผลงานทางวิชาการแต่อย่างไร

ข้อสอง โปรดสังเกตว่าภาพรวม คุณธีรยุทธไม่ได้พูดถึงเผด็จการทหาร การรัฐประหาร การดำรงอยู่ของระบอบอำมาตยาธิปไตย และการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือ 100% แต่อย่างใด

อุตส่าห์ต่อสู้จากยุค 14 ตุลา ขับไล่ถนอม ประภาส และต้องการให้มีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 16 กลับไม่พูดถึงการต่อสู้ของประชาชนให้ได้รัฐธรรมนูญของการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเลยสักแอะ

ใช้คำพูดว่า "การเมืองรากหญ้า-ประชานิยม" แต่ไม่พูดถึงระบอบประชาธิปไตย อ้างว่าในช่วงเผด็จการทหาร "ประชาชนบางส่วนได้มีศักดิ์ศรีแต่ไม่มีเสรีภาพ" แล้วพูดว่า "ชาวบ้านระดับรากหญ้ามามีเสรีภาพในการแสดงออกหลัง 19 กันยายน 2549"

ตกลงคุณธีรยุทธคิดอย่างนั้นจริงๆ หรือว่าในช่วงเผด็จการทหารประชาชนบางส่วนได้มีศักดิ์ศรี? และหลัง 19 กันยายน 2549 ชาวบ้านมีเสรีภาพในการแสดงออก? นี่คงจะเป็นคำตอบให้กับคนไทยว่า คุณธีรยุทธสนับสนุนรัฐประหารในทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากตรงๆ

3.คุณธีรยุทธไม่พูดถึงเผด็จการทหารและรัฐประหารในทางลบทางเลวร้ายเลยแม้แต่อักษรเดียว ตรงข้ามยังสรรเสริญด้วยแต่ที่ร้ายแรงคือไม่พูดถึงการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน และการลุกขึ้นสู้ของประชาชนแม้แต่น้อย

4.คุณธีรยุทธไม่พูดถึงระบอบอำมาตยาธิปไตยที่ฝังแน่นในสังคมไทย อันเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ ทางเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง และไม่พูดถึงพัฒนาการทางสังคม เพียงพูดถึงบทบาทสถาบันกษัตริย์ที่ต้องนำเสนอในสถานการณ์ใหม่

เมื่อพูดถึงการเมืองของประชาชนก็จะเรียกว่า "การเมืองรากหญ้าประชานิยม" ควบคู่กันอย่างดูถูกดูแคลนประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

แถมยังดูหมิ่นดูแคลน "พลังรากหญ้า เสื้อแดง ว่ามีลักษณะเฉพาะ การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งและการชุมนุมเป็นคราวๆ ยังไม่เป็นขบวนการทางการเมือง ไม่มีเป้าหมายอุดมการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองแต่อย่างใด" แสดงว่าคุณธีรยุทธเห็นประชาชนส่วนใหญ่เป็น "รากหญ้าประชานิยม" และเห็นคนเสื้อแดงไม่มีอุดมการณ์ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง ก็คล้ายๆ กับที่พูดถึงพวกอนุรักษ์มองเสื้อแดงว่า "เสื้อแดงไม่มีตัวตน เพราะถูกจ้างมาโง่ จึงถูกหลอกมา ไร้การศึกษา จึงถูกชักจูงโดยคุณทักษิณ" นั่นแหละ

เพราะถ้าคุณธีรยุทธมองว่าคนเสื้อแดงไม่มีอุดมการณ์ ก็เท่ากับว่าคุณธีรยุทธมองคนเสื้อแดงเป็นพวกทำเพื่อทักษิณ ทำเพื่อเงิน เพราะถูกมอมเมาด้วยประชานิยมนั่นแหละ


คุณธีรยุทธมองไม่เห็นประชาชน ไม่เห็นการต่อสู้ของประชาชน ไม่เห็นพัฒนาการ


การต่อสู้ของประชาชนที่ต่อสู้ติดต่อกันมายาวนาน ถึง 5 ปี มีชุดหลักนโยบาย เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี มีชุดความคิดและทฤษฎีรองรับชัดเจน ว่าคนเสื้อแดงมีแนวทาง หนทางการต่อสู้อย่างไร มีการเปิดโรงเรียนผู้ปฏิบัติงานทางการเมืองทั่วประเทศ มีการขยายตัวของคนเสื้อแดง และการยกระดับทางคุณภาพ มีผลงานปรากฏตั้งแต่การรณรงค์ในการเลือกตั้งทั่วไป การตรวจสอบการเลือกตั้ง จนสามารถโค่นล้มรัฐบาลของระบอบอำมาตย์ลงไปได้ ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ (เฉพาะหน้า) ชั้นที่หนึ่ง

จากนี้จึงเข้าสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ขั้นที่สอง ในการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ของประชาชนโดยประชาชน

ถ้าบรรลุในสองปี คนเสื้อแดงก็จะก้าวเข้าสู่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ขั้นที่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย (เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์) ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนไทยอย่างแท้จริง

ชุดทฤษฎีการต่อสู้ได้เปิดเผยสู่สาธารณะในการอบรมผู้ปฏิบัติงานออกอากาศทางโทรทัศน์ และมีเอกสารข้อมูล ถามว่านักวิชาการหรือผู้สนใจสามารถหาได้ไม่ยาก และสอบถามคนเสื้อแดงได้ ยิ่งกว่านั้น การจัดตั้งองค์กรของคนเสื้อแดงเพื่อรองรับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ โดยสร้างความเข้มแข็งในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ถ้าไม่ใช่เพราะอุดมการณ์การเมืองที่ต้องการให้ได้ประชาธิปไตยและความยุติธรรมแล้วจะจัดตั้งองค์การมาทำอะไร? หาผลประโยชน์เช่นนั้นหรือ? จะเหนื่อยยากเสียสละ แรงกายแรงใจกันทำไม คุณทักษิณต้องใช้เงินสักเท่าไรถึงจะจ้างให้คนมาตาย มาบาดเจ็บในการต่อสู้ และสร้างความเข้มแข็งในระดับหมู่บ้าน สู้กันขนาดนี้ ยาวนานเช่นนี้นี่หรือที่คุณธีรยุทธบอกว่าเป็นพวกไม่มีอุดมการณ์การเมือง?

ประชาชนที่คุณธีรยุทธเรียกว่า "พวกรากหญ้า-ประชานิยม" นี่แหละที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนขึ้นใหม่ บากบั่น อดทน เสียสละ ถูกปราบปรามก็กลับขยายตัวเติบใหญ่ ลุกขึ้นมาสู้ต่ออย่างไม่ขาดตอน เพราะนี่คือการต่อสู้ของคนรากหญ้า ไม่ใช่ชนชั้นกลาง-ปัญญาชนเช่นในอดีต

ขอพูดถึงหัวข้อ รากเหง้าของวิกฤตสักหน่อย

คุณธีรยุทธพูดว่า "เรารวมศูนย์มากเกินไป ท้ายที่สุดศูนย์กลางเอาไม่อยู่"

กลายเป็นว่า คุณธีรยุทธมองความผิดพลาดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่รวมศูนย์เบ็ดเสร็จทุกด้านของสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสาเหตุของปัญหา "จนเกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม ความน้อยเนื้อต่ำใจ หลายๆ ด้านฝังลึกอยู่ เนื่องจากทุกอย่างรวมศูนย์ที่รัฐทั้งอำนาจและทรัพยากร ชนชั้นนำที่เข้ามามีอำนาจการเมืองล้วนหยิบฉวยใช้ประโยชน์จากรัฐทั้งสิ้น" นี่จึงไปไกลมากทีเดียว

ตกลงพวกอำมาตย์หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ล้วนไม่มีความผิดเลย แล้วไปต่อเรื่องการเขียนประวัติศาสตร์การบันทึกและอนุสาวรีย์ชื่อถนนชื่อสะพาน?

กล่าวได้ว่า ในหัวข้อรากเหง้าของวิกฤต

1.คุณธีรยุทธ ไม่พูดถึง การกดขี่ ขูดรีดแรงงาน ผลผลิตและมูลค่าสินค้าทรัพย์สิน พูดผิวเผินเล็กน้อยเฉพาะความเหลื่อมล้ำอันเกิดจากการรวมศูนย์อำนาจตั้งแต่รัชกาลที่ 5

2.คุณธีรยุทธพูดเรื่องค่านิยม ความคิดพื้นฐานระหว่างรากหญ้ากับชนชั้นนำ ตอกย้ำความไม่เข้าใจ นี่เป็นการพูดที่จงใจหลีกเลี่ยง ความจำเป็นที่ประชาชนต้องลุกขึ้นต่อสู้ให้กลายเป็นเรื่องของค่านิยมที่แตกต่างกัน

เช่น คนชั้นสูงชอบระเบียบเรียบร้อยความสงบ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลางเน้นการพึ่งตนเองและระบบ เน้นนามธรรม ชอบเทศนา คุณธรรม ความดี จึงเป็นความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตย กินได้ของชาวบ้าน กับประชาธิปไตยดูได้ของชนชั้นสูง

ถ้ารากเหง้าของปัญหาเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นเรื่องค่านิยม มันจะกลายเป็นวิกฤตในปัจจุบันได้อย่างไร? ถ้าเป็นค่านิยมแล้วจะต้องมาชุมนุมยาวนานถูกปราบปรามเข่นฆ่าได้อย่างไร?

พูดง่ายๆ คุณธีรยุทธทำให้การต่อสู้ของประชาชนกลายเป็นเรื่องค่านิยมตลกๆ มิน่าจึงจับแกนนำติดคุกตีตรวนเพื่อหวังทำลายความเป็นวีรบุรุษที่คนเสื้อแดงเห่อกัน แล้วไง? ทำไมคนเสื้อแดงกลับมีจำนวนมากขึ้น กล้าต่อสู้ กล้าเสียสละ เติบใหญ่ขยายตัวเต็มแผ่นดิน

มุมมองใหม่ที่แม้อ้างว่าใช้วงจรอุบาทว์หรือทฤษฎีสองนคราฯ มาวิเคราะห์โครงสร้าง พูดถึงวงจรอุบาทว์ก็ไม่โจมตีเผด็จการเลย อ้างว่าประชาธิปไตยในต่างประเทศไม่มีรัฐประหาร เพราะต้องมีการลงทุนทางด้านสังคมการศึกษาค่านิยม สร้างมหาวิทยาลัย สวนสาธารณะหอศิลป ที่ฟังดนตรี ฯลฯ

โอ้โอ๋! ประชาธิปไตยแบบตะวันตก นี่ช่างสร้างง่ายเหลือเกิน? ความจริงคุณคิดว่าต้องสร้างชนชั้นกลางเสียก่อนจึงจะมีประชาธิปไตยใช่ไหม?

ในประเทศที่ยากจน ไม่มีหอศิลป ไม่รู้จักฟังดนตรีฝรั่ง ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย ก็ไม่ต้องมีประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชนรากหญ้าที่จนๆ ใช่ไหม?

แล้วก็พูดถึงการเมืองสองขั้วอำนาจ

กลายเป็นก๊ก "คนเลว" โจโฉ จะชนะก๊ก "คนดี" เล่าปี่ ขงเบ้ง

น่าขำที่คุณธีรยุทธพูดถึง สามก๊กแบบอนุรักษนิยมแท้ๆ คือโจโฉเลว เล่าปี่ดี ขอให้คุณไปอ่านสามก๊กเสียใหม่หลายๆ รอบ หลายๆ ฉบับ คุณจะได้รู้จักโจโฉรอบด้านและรู้จักเล่าปี่รอบด้านหลายมุมมอง ไม่ใช่มองแบบอนุรักษนิยมด้านเดียว นี่มิใช่นิยายปรัมปรา แต่เป็นชีวิตที่บันทึกได้ (ลองอ่านใหม่หลายๆ ฉบับ) ลงท้ายก็พูดแบบคาถาของพวกอำมาตย์ คือ พวกคนดี พวกคนเลว ตอนพวกคุณทำรัฐประหารได้อำนาจรัฐพวกคุณมีแต่คนดีทั้งนั้น ตั้งแต่นายกฯ ก็เป็นคนดีที่หนึ่งเลย (แห่งเขายายเที่ยง?) แล้วเป็นยังไง? แก้ปัญหาวิกฤตประเทศไทยได้ไหม? กลับยิ่งเพิ่มวิกฤตประเทศไทยอันเนื่องจากคนดีเป็นใหญ่

จากนั้นสรุปว่า พวกประชาชนเสื้อแดง ทักษิณ เป็นพวกโจโฉ (คนเลว) พวกอำมาตย์เป็นคนดี (พวกเล่าปี่) แต่พวกเล่าปี่จะเสียเปรียบ เสื้อแดงมีความชอบธรรมในเรื่องประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งและระยะยาวยอมรับว่า โอกาสของพลังฝ่ายรากหญ้ามีมากกว่า

บทสรุปเรื่องไม่มีทางออกในระยะใกล้มีแต่สิ่งที่ต้องทำในระยะยาว สรุปแล้วจริงๆ คุณธีรยุทธเขียนไว้ในวรรคสุดท้ายคือ "เท่ากับว่าประเทศเราแตกแยก ด่าทอกันเอง ใช้ความรุนแรงต่อกันเพื่อแก้ปัญหา การซุกหุ้นหนีภาษี ความไม่รู้อิ่มในทรัพย์สิน อำนาจของทักษิณเท่านั้น"

นี่แหละของจริงของคุณธีรยุทธที่ต้องการบอกสังคมที่เขียนให้ดูดีไม่ใช่ของจริง และนี่คือความคิดว่ารากเหง้าปัญหาอยู่ที่คุณทักษิณที่เป็นคนเลว และพวกสนับสนุนก็เป็นคนเลว แบบโจโฉนั่นไง?

เสียดายคุณธีรยุทธคนที่เคยรู้จักจริงๆ มีเยาวชนที่ใกล้ชิดคนหนึ่งเคยนั่งสนทนากับคุณธีรยุทธเป็นวันๆ เรื่องฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ บอกกับผู้เขียนว่า "ผมว่า แกควรไปสอนฟิสิกส์จะดีกว่าเป็นอาจารย์สอนสังคมนะ"

ตอนนี้ผู้เขียนเชื่อตามเยาวชนผู้ใกล้ชิดแล้วจริงๆ

วันเสาร์, มีนาคม 24, 2555

นายกฯเยือนเกาหลีใต้ถกมั่นคงด้านนิวเคลียร์


นายกฯพร้อมคณะเดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เพื่อหารือทวิภาคีและเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์

วันนี้(24มี.ค.55) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยเครื่องบินเที่ยวพิเศษของบริษัท การบินไทย จำกัด มหาชน ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติอินซอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ตามคำเชิญของรัฐบาลเกาหลีใต้ โดยภารกิจแรกของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้คือ การเดินทางไปวางพวงมาลา ณ สุสานแห่งชาติกรุงโซล จากนั้นเดินทางต่อไปยังทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ จากรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่คณะทางการไทย

จากนั้นในเวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีจะหารือทวิภาคีเต็มคณะกับประธานาธิบดี อี มยองบักเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน,การเกษตร,การทหาร แรงงานและท่องเที่ยว พร้อมร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ก่อนแถลงข่าวและร่วมงานเลี้ยงอาหารแบบรัฐพิธี ที่รัฐบาลเกาหลีใต้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี

ส่วนเช้าวันที่25มี.ค.นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปวางพวงมาลา ที่แผ่นจารึก รายนามทหารไทยที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี ณ พิพิธภัณฑ์สงคราม กรุงโซล จากนั้นจะเดินทางไปเยี่ยมชมและรับฟังบรรยายสรุป ณ ศูนย์ควบคุมอุทกภัยแม่น้ำฮัน โดยมีนายควอน โด ยอพ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดินการขนส่ง และพาณิชย์นาวี ให้การต้อนรับ ถัดจากนั้นจะเดินทางไปยังฝายอิโป เมืองยอจู เพื่อเยี่ยมชมและรับฟังบรรยานสรุปด้านการบริหารจัดการน้ำจาก
ดร.ชิม มยอง-พิล รัฐมนตรีประจำสำนักงานบูรณะแม่น้ำแห่งชาติ

โดยในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปยังบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ ก่อนเดินทางกลับมายังกรุงโซลเพื่อพบกับนายโซน คยอง-ชิก ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมเกาหลี และนาย อี กึน ซู ประธานบริษัทดอง อาห์ อิเล็คคอม ในช่วงค่ำ ณ โรงแรมล็อตเต้

ทั้งนี้ นักธุรกิจไทยจะได้พบปะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ในช่วงเช้าของวันที่ 26 มี.ค. ก่อนจะเป็นประธานเปิดงานจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทย-เกาหลีใต้ ในงานเลี้ยงอาหารกลางวัน ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมเกาหลี

ในวันที่ 27 มี.ค.นายกรัฐมนตรี จะเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ปี 2555 ซึ่งจะใช้โอกาสนี้ แสดงจุดยืนและย้ำถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของรัฐบาลในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์และการลดภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่ใช้นิวเคลียร์ รวมทั้งพบปะหารือกับผู้นำหลายประเทศจากทั่วโลกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศไทย ภายหลังผ่านพ้นวิกฤตมหาอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานอินชอน โดยเครื่องบินพิเศษของการบินไทยและจะกลับถึงประเทศไทย ท่าอากาศสุวรรณภูมิ ในวันที่ 28 มี.ค. เวลา 02.55น. (09.17น.)

โปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชฯแก่ยิ่งลักษณ์


นายกฯได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ


วานนี้(23มี.ค.55)ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์กรณีพิเศษ โดย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ให้แก่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นกรณีพิเศษ ประกาศ ณ วันที่ 20 มีนาคม 2555 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ซึ่ง ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เคยได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554 ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก(13.06น.)

วันจันทร์, มีนาคม 19, 2555

"ขวัญชัย" เผย พาทักษิณข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว มอบตัว


“ขวัญชัย” ถกเครียดแกนนำเสื้อแดงอีสาน เดินหน้านำ “ทักษิณ” ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว กลับไทย พร้อมย้ำไม่ได้เป็น “แดงอยากดัง&...


นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสานยังคงยืนยันในการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้กำหนดแผนของการเดินทางกลับภายในปีนี้ ในเส้นทาง สปป.ลาว-ไทย โดยจะข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่ จ.หนองคาย ท่ามกลางการคุ้มกันและการรักษาความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดงทั่วทั้งภาคอีสาน จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะขึ้นเวทีปราศรัยและพบปะคนเสื้อแดงรวมไปถึงการร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญและพักค้างคืนที่ จ.อุดรธานี ก่อนที่กุ่มคนเสื้อแดงหลายแสนคนของภาคอีสาน จะพา อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและรับโทษตามกฎหมายของประเทศไทย

“ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงมากล่าวหาและโจมตีในเรื่องคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผมและคนเสื้อแดงภาคอีสานยังคงยืนยันว่า อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะเดินทางมารับโทษตามกฎหมายของไทย ซึ่งคนเสื้อแดงอีสาน ได้มีการพูดคุยและเตรียมพร้อมที่จะนำอดีตนายกรัฐมนตรีเข้ามอบตัวและปฎิบัติตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ทั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสานยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน ไม่ใช่มีคนเสื้อแดง 10-15 คนก็ไปต่อรองกับพรรค ซึ่งผมก็รับไม่ได้และไม่อยากที่จะแสดงความคิดเห็นว่าใครที่กระทำในลักษณะเช่นนั้น”

ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดยืนของคนเสื้อแดงภาคอีสานคือการต่อสู้ตามระบอบประชาธิปไตย และการนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้าน ไม่ได้เป็นแดงอยากดังตามที่หลายฝ่ายกล่าวหาโดยเฉพาะกับ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย วันนี้ขอยืนยันชัดเจนว่า ส.ส.ของพรรคทั้ง 265 คน ควรให้ความสำคัญและใส่ใจกับการทำงานของคนเสื้อแดงบ้าง ไม่ใช่ว่าถึงเวลาเลือกตั้งค่อยมาสวมเสื้อหรือมาแสดงหน้าฉากเพื่อหวังคะแนน ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนคนเสื้อแดงวันนี้มีหลายรูปแบบแต่ทั้งหมดทำเพื่อต่อสู้และให้ได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือการต้องการเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองเพื่อหวังตำแหน่ง หรือต่อรองตำแหน่งทางการเมือง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยวันนี้เริ่มที่จะไม่ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนเสื้อแดงหรือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ช่วยเทคะแนนให้ ซึ่งก็อยากให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกลับมาเป็น ส.ส.ขวัญใจประชาชนและคนเสื้อแดงเหมือนเดิม

วันพุธ, มีนาคม 07, 2555

ภารกิจนายกรัฐมนตรีในการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ


ภารกิจนายกรัฐมนตรีในการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ

นายกรัฐมนตรีไทยและญี่ปุ่นร่วมแถลงผลการือทวิภาคี ต่างย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น (7/3/2012)
ภายหลังการหารือเต็มคณะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แถลงข่าวร่วมกันถึงผลการหารือ ณ ห้อง South Meeting Room ชั้น 3


ภายหลังการหารือเต็มคณะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แถลงข่าวร่วมกันถึงผลการหารือ ณ ห้อง South Meeting Room ชั้น 3 โดยนายกรัฐมนตรีได้แถลงดังนี้

" ดิฉันยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในโอกาสครบรอบครบรอบ 125 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับพระราชทานพระวโรกาสให้เข้าเฝ้าเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารญี่ปุ่น ในวันพรุ่งนี้


ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ดิฉันขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนของญี่ปุ่นต่อเหตุการณ์อุทกภัยในปีที่ผ่านมา และดิฉันได้ยืนยันกับรัฐบาลและภาคธุรกิจญี่ปุ่นว่า รัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุกาณ์ดังกล่าวอีก ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามแผนงานบริหารจัดการน้ำและป้องกันอุทกภัยที่มีความชัดเจนอย่างจริงจัง ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว


รัฐบาลไทยตระหนักถึงความเดือดร้อนของธุรกิจญี่ปุ่นในประเทศไทย และได้ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแก่บริษัทญี่ปุ่นที่ประสบอุทกภัยให้สามารถฟื้นฟูธุรกิจได้โดยเร็ว และเร่งดำเนินมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อก่อสร้างเขื่อนกั้นน้ำสำหรับนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยให้แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมนี้


อีกทั้งได้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการลงทุนของภาคธุรกิจ

เช้าวันนี้ ดิฉันได้มีโอกาสพบกับนักธุรกิจญี่ปุ่นในการสัมมนาส่งเสริมการลงทุนในไทย ซึ่งดิฉันได้ย้ำว่า ไทยจะดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ และจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของไทยในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และมีกำลังใจที่ได้ทราบว่าบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งยืนยันขยายการลงทุนในไทยต่อไป


สถานการณ์ทางการเมืองในไทยได้กลับสู่ภาวะปรกติแล้ว และรัฐบาลกำลังเดินหน้ากระบวนการปรองดองแห่งชาติ รัฐบาลไทยขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มุราโมโต ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง เราให้ความสำคัญกับคดีนี้ หน่วยงานของไทยจะดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความโปร่งใส ยึดหลักนิติธรรม และรัฐบาลได้อนุมัติเงินช่วยเหลือและเยียวยาเพิ่มเติมให้แก่ครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงนายมุราโมโตด้วย


ในวันนี้นายกรัฐมนตรีโนดะและดิฉันได้ตกลงที่จะร่วมกันเสริมสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถเผชิญสิ่งท้าทายในอนาคต ยิ่งกว่านั้น โดยที่ญี่ปุ่นได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคที่ยาวนาน ไทยจึงยินดีที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงในภูมิภาค รวมทั้งส่งเสริมการเปิดการค้าเสรีและการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจในอาเซียนและเอเชียตะวันออก เพื่อความเจริญก้าวหน้า เสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคที่ยั่งยืนสืบไป"

ภายหลังการแถลงข่าวร่วม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ ทำเนียบรัฐบาลญี่ปุ่น

*****************************************





วันอาทิตย์, มีนาคม 04, 2555

ว่อนเน็ตภาพ"กี้ร์"โผล่พุทธคยา


ว่อนเน็ตภาพ"กี้ร์"โผล่พุทธคยา

ภาพ"อริสมันต์"โผล่ปฏิบัติธรรมที่พุทธคยาอินเดียว่อนเน็ต ชาวไซเบอร์ตั้งข้อสงสัยศาลออนุญาตให้ออกนอกประเทศแล้วหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้มีการส่งต่อภาพ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ทั้งในเว็บบอร์ดภายในเว็บไซต์ต่างๆและเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้มีการระบุว่า เป็นภาพที่ถูกถ่ายเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ขณะที่ นายอริสมันต์ เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ พุทธคยา ประเทศอินเดีย ซึ่งนายอริสมันต์ได้โกนหัว สวมชุดสีขาว โดยผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตต่างตั้งข้อสงสัยว่า นายอริสมันต์เดินทางออกนอกประเทศได้อย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลได้สั่งห้ามไม่ให้นายอริสมันต์เดินทางออกนอกประเทศ

อนึ่งก่อนหน้านี้นายอริสมันต์ได้เข้าอุปสมบทที่ วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ต้องการที่จะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ประเทศอินเดียนั้น แต่ต้องขอความเมตตาจากศาลอีกครั้งว่าจะสามารถไปได้หรือไม่ โดยเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ศาลอุทธรณ์ได้ให้ประกันตัว นายอริสมันต์ พร้อมตีราคาประกัน 6 ล้าน โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ-ห้ามก่อความไม่สงบ

โตเกียวแก้ปัญหาน้ำท่วม :โครงการ G-CANS Tokyo Flood Tunnel


ดูโตเกียวแก้ปัญหาน้ำท่วม :โครงการ G-CANS Tokyo Flood Tunnel

ดังที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า แผนป้องกันน้ำท่วมบ้านเรายังไม่มีนวัตกรรมเครื่องมืออะไรใหม่ที่จะนำน้ำอุทกภัยหลายหมื่นล้านลูกบาศก์เมตรลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว เครื่องมืออะไรจะรับมือกับภัยพิบัติจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง Climate Change

ที่นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้น เรายังขาดการระดมผู้รู้มาศึกษาว่าอะไรที่จะเป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุดและเหมาะกับปัญหา และต้องแก้ปัญหาอย่างองค์รวมเป็นระบบด้วยหลักวิศวกรรมและเครื่องมือนวัตกรรมใหม่มาเสริมการบริหารจัดการน้ำยุคที่สิ่งแวดล้อมของโลกไม่เหมือนเดิมแล้ว


คณะกรรมการงานก่อสร้างใต้ดินและอุโมงค์ หรือ TUTG ภายใต้ วสท. ซึ่งเป็นผู้จัดงานประชุมอุโมงค์โลก 2012 (World Tunnel Congress ) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18-23 พ.ค. 2555 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมี กว่า 60 ประเทศ มาร่วมถกและแลกเปลี่ยนวิทยาการการใช้พื้นที่ใต้ดินและอุโมงค์ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ป้องกันและลดความเสียหายจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุทกภัยที่ไทยและหลายประเทศกำลังเผชิญอยู่


ลองดูตัวอย่าง โตเกียว 1 ใน 5 เมืองใหญ่ของโลกที่ต่างเคยเจอวิกฤติน้ำท่วมหนักหนาสาหัสมาแล้ว สภาพไม่ต่างจากที่เราเผชิญมหาอุทกภัย ปี 2554 ในบ้านเราเลย มาดูว่าเขาศึกษาและสร้างระบบป้องกันและแก้ปัญหาน้ำอุทกภัย รวมทั้งวิกฤติการจราจรในเมืองใหญ่ ที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวิถีชีวิต กันอย่างไร

เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เคยน้ำท่วมหนัก คนญี่ปุ่นต้องนั่งเรือไฟเบอร์ พายเรือกันในโตเกียว บ้านเรือน โรงงานจมน้ำสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตทรัพย์สิน กระทบต่อศูนย์กลางธุรกิจอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศและของโลก รัฐบาลได้ศึกษาหาโซลูชั่นมาเป็น โครงการระบบอุโมงค์ G-CANS หรือ Tokyo Flood Tunnel อยู่ใต้เมืองโตเกียว นับเป็นโครงการระบบอุโมงค์ที่ก้าวล้ำทั้งวิศวกรรมเทคโนโลยีชั้นยอด ดีไซน์และการใช้งาน เริ่มก่อสร้างในปี 1992 แล้วเสร็จในปี 2004 แก้ปัญหาน้ำท่วมและลดความเสียหายได้สำเร็จ

แก้มลิงใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ใต้เมืองโตเกียว


ภาพระบบอุโมงค์เชื่อมโยงเครือข่าย เข้ากับไซโลคอนกรีต 5 แห่ง และแก้มลิง ก่อนออกสู่ทะเล

G-CANS ออกแบบเป็นระบบอุโมงค์ใต้ดินระบายน้ำท่วม ระยะทาง 6.3 กิโลเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางอุโมงค์ 10 เมตร ในระดับความลึก 50 เมตร อยู่ใต้เมือง โครงการประกอบด้วย ไซโลคอนกรีตทรงกลม 5 แห่ง แต่ละแห่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 เมตร ความสูง 70 เมตร อุโมงค์ GCANS จุน้ำอุทกภัยได้ 640,000 ล.บ.เมตรเชื่อมต่อกับแก้มลิง หรืออ่างเก็บน้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Water Tank) กว้าง 78 เมตร ยาว 177 เมตร และสูง25 เมตร หรือความจุ 350,000 ล.บ.เมตร ซึ่งออกแบบให้มีเสาใหญ่ตระหง่าน จำนวน 59 ต้น แต่ละต้นหนัก 500 ตัน สามารถระบายน้ำอุทกภัยได้ถึง 200 ตันต่อวินาที สู่แม่น้ำเอโดกาว่า หรือเท่ากับระบายน้ำ1 สระโอลิมปิก ได้ภายในเพียง 10 วินาที

มูลค่าลงทุนโครงการ G-CANS 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นการลงทุนคุ้มค่าเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้เมืองหลวงซึ่งเป็นหัวใจและศูนย์กลางของเศรษฐกิจญี่ปุ่นและโลก นับเป็นผลงานวิศวกรรมที่ประสบผลสำเร็จดียิ่ง เป็นความสำเร็จที่มาจากความชาญฉลาดในการระดมผู้เชี่ยวชาญ การใช้องค์ความรู้ทางวิศวกรรมมาแก้ปัญหาปัจจุบัน และวางแผนรองรับอนาคตด้วย เขาใช้เงินเป็นและทำเพือปกป้องประชาชนและประเทศชาติของเขาอย่างแท้จริง

ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนโตเกียว และผู้สนใจลงไปชมโดยมีไกด์นำชม ต่างตื่นตาตื่นใจกับระบบอุโมงค์ใต้ดินป้องกันน้ำท่วม G-CANS Tokyo Flood Tunnel