วันจันทร์, ตุลาคม 24, 2554

นายกฯ ไม่ย้าย ศปภ ไม่ใช้ ถ วิภาวดี ระบายน้ำ



นายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับ
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
หารือแนวทางเคลื่อนย้ายประชาชน
กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
VoiceNews VoiceTV 24-10-2011

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 20, 2554

วันอาทิตย์, ตุลาคม 16, 2554

วันใหม่

ทหารเรือเร่งผลักดันด้วยเรือแสมสาร คลองลัดโพธิ์ กับ พล ร ท ทวีวุฒิ พงศ์พ...



กองทัพเรือ นำเรือหลวงแสมสาร เร่งระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุดเนื้องจากมวลน้ำก้อนใหญ่กำลังไล่ท่วม
ทางเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่คลองลัดโพธิ์ คลองที่สามารถย่นระยะการเดินทางของน้ำได้ 18 กม
หรือ 1.25 ชม. เหลือเพียง 600 เมตร ใช้เวลาเพียง 10 นาที หนึ่งในการแก้ปัญหา น้ำท่วมกรุงเทพ
ต้อง ทำอย่างไรก็ได้ให้น้ำไหลลงทะเลให้เร็วที่สุด

พล.ร.ท ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ รองเสนาธิการทหารเรือ เตือน และเตรียมพร้อมตั้งแต่วันที่ 9 เป็นต้นไปถึง
วันที่ 23 ตุลาคม นี้ ที่ระดับน้ำทะเล จะหนุน มากขึ้นของทุกปี และน่ากังวลกับ ปัญหา มวลน้ำทางเหนือ
จะไหลต่อเนื่องลงมา ซึ่งปัจจุบัน มาถึงอยุธยา ปทุมธานี และ ในเขต นนทบุรี ก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็น
ระรอบแรกของมวลน้ำ และยังมีมวลน้ำลูกที่ 2 ตั้งเค้า ลงมาถึง กำแพงเพชร ซึ่งถ้าบริหารไม่ดี ก็น่าเป็น
ห่วงกรุงเทพมหานคร

ดังนั้นต้องเร่งให้น้ำไหลผ่าน ม.เจ้าพระยา ม.บางประกง และ ม.แม่กลอง ลงสู่
อ่าวไทยให้เร็วที่สุด การใช้เรือ เร่งให้ความเร็วของน้ำให้ไหลแรง และเร็วขึ้น ก็เป็นหนึ่งในการหาทาง
ระบบายน้ำ ดังนี้นถ้าเอกชน หรือประชาชน ที่ต้องการช่วย สามารถนำเรือมาติดเครื่องปั่นน้ำ โดย
ประสานมายังกองทัพเรือ ซึ่งทางกองทัพเรือจะให้น้ำเมันเชื้อเพลิงในการ แก้ปัญหาร่วมกัน

วันอาทิตย์, ตุลาคม 09, 2554

3ปัจจัยเพื่อไทยอยู่ยาว


ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง


ที่มาบทความ: ไทยโพสต์ โดย ทีมข่าวการเมือง

"ถ้าไม่ขายท่านทักษิณแล้วจะชนะหรอ ไอ้พวกหลงตัวเองในพรรคนี้จบหมดแล้ว ก็พวกที่อยากเป็นนายกฯ ให้ก้าวข้ามทักษิณ แต่ผมไม่บอกว่าใคร"

หลังทำงานมาได้เพียง 2 เดือน รัฐบาลยิ่งลักษณ์โชคไม่ดีเจอปัญหาน้ำท่วมจนยังไม่ทันตั้งตัวกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายก็ช่วงต้นเดือน ธ.ค. หรืออีกเดือนกว่า


ถัดจากปัญหาเฉพาะหน้า ยังมีปมความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังอึมครึม ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกองทัพที่เปราะบาง การช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ปลุกให้ฝ่ายตรงข้ามออกมาเคลื่อนไหว และปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะกระทบมายังไทย ลามไปถึงปัญหาปากท้อง ต่างๆนานา


สนทนากับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี หนึ่งเดียวใน ครม.ยิ่งลักษณ์ ที่มีประสบการณ์การเมืองเก๋าสุด กับเรื่องร้อนๆ ถึงอนาคตรัฐบาล การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ "ปมทักษิณ""บิ๊กเหลิม" ออกตัวว่า รัฐบาลชุดนี้โชคไม่ค่อยดีเจอน้ำท่วมค่อนข้างหนัก และความรู้สึกคนก็อยากให้รัฐบาลแก้แบบพลิกฝ่ามือ ซึ่งมันไม่ใช่ น้ำท่วมต้องแก้เป็นระบบ เช่น แก้แบบล่วงหน้า มีมาตรการเฝ้าระวังตามขั้นตอน 1-2-3-4-5 หลังน้ำท่วมแล้วก็ต้องไปเยี่ยมเยียน ช่วยเหลือดูแล เรียกว่าไปซับน้ำตาท่านนายกฯ ก็ขยัน โดยตั้งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานแก้ปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบ ส่วนผมเขาให้ทำเรื่องปราบยาเสพติด ไม่ต้องลุยน้ำ

"ปีนี้น้ำท่วมเยอะมาก ประชาชนก็ต้องเข้าใจ แล้วจะทำอย่างไรได้ ไม่มีใครอยากให้น้ำท่วม แต่รัฐบาลนี้มาด้วยความคาดหวังสูง ประชาชนจึงมีปฏิกิริยารวดเร็วต่อการบริหารงานของรัฐบาล ท่านนายกฯ ก็ตั้งใจแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทุกอย่างเราพยายามทำอยู่ ...ความจริงเพิ่งผ่านไปแค่เดือนกว่าเอง" ร.ต.อ.เฉลิม ขอความเห็นใจ

ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ทุกอย่างยังมีเวลาอีกนาน สำคัญสำหรับรัฐบาลคือ 1.แก้ปัญหายาเสพติดได้ 2.แก้ปัญหาความยากจนได้และ 3.กำจัดทุจริตได้ โดยเฉพาะรัฐบาลต้องไม่มีเรื่องทุจริตเป็นอันขาด ถ้าครบ 3 อย่างรัฐบาลก็ผ่านใครทำอะไรไม่ได้

ส่วนที่เกรงกันว่าโครงการรับจำนำข้าวจะเป็นช่องโหว่ของการทุจริตมโหฬาร ร.ต.อ.เฉลิม ไม่คิดอย่างนั้น เขาเห็นว่าการจำนำข้าว ประชาชนได้ประโยชน์มาก ต่างจากโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่ไม่ต้องมีของก็ประกันได้ มีจำนวนไร่เท่าไรก็ประกันได้ เสียงวิจารณ์โครงการรับจำนำข้าวที่มีมากเป็นเพราะผู้ส่งออกเสียประโยชน์มหาศาล ใครมีเครือข่ายสื่อก็ทุบตี เพราะเขาต้องซื้อข้าวแพง แต่โครงการประกัน ไม่มีข้าวก็ได้เงินแล้ว ดังนั้นขอให้เชื่อมั่นโครงการรับจำนำข้าวจะไม่มีปัญหา


"ยุคนี้ไม่มีทุจริต การแต่งตั้งโยกย้าย บาทเดียวก็ไม่ต้องเสีย อย่างผมมีความคิดว่า ตั้งใครก็เป็นลูกน้องผมทั้งนั้น ผมใช้ได้หมด มันมีแต่จะดีขึ้น เอาแค่แต่ละวันนี้ผมรับโทรศัพท์ที่บ้านไม่ไหว เพราะชาวบ้านร้องเรียนมาตลอด"แต่ผู้นำรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกวิจารณ์ว่าเป็นมือใหม่ ไม่รู้ปัญหาและสื่อสารน้อย จะเป็นอุปสรรคหรือไม่ "บิ๊กเหลิม" แย้งทันที ไม่จริงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นคนเก่ง จบปริญญาโท แต่อาจเป็นเพราะเพิ่งมาเล่นการเมืองใหม่เพียง 49 วันก็เป็นนายกฯ เลย ความจริงท่านเป็นคนพูดเก่ง ส่วนครม.ก็ขยันทุกคน

"วันที่นายกฯ เรียกประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยที่บ้านพิษณุโลก มีผมคนเดียวที่ไม่ได้พูด เพราะ ครม.ทำงานหนัก อย่างท่านรัฐมนตรีคลังค่อนข้างเป็นนักวิชาการสูง"ปัญหาที่รัฐบาลถูกมองว่าถูกควบคุมจากดูไบโดยพ.ต.ท.ทักษิณ
"บิ๊กเหลิม" บอกว่า เรื่องนี้ห้ามไม่ได้เพราะพรรคเพื่อไทยชนะได้ก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ

"ถ้าไม่ขายท่านทักษิณแล้วจะชนะหรอ ไอ้พวกหลงตัวเองในพรรคนี้จบหมดแล้ว ก็พวกที่อยากเป็นนายกฯ ให้ก้าวข้ามทักษิณ แต่ผมไม่บอกว่าใคร เห็นไหม พรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลาย ถ้าไม่เกี่ยวพันกับท่านทักษิณ ประชาชนจะเลือกขนาดนี้เหรอ เราต้องเปิดหน้าชก เปิดหน้าชน ก็บอกว่าทักษิณคิด เพื่อไทยทำ คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ผมปราศรัยคะแนนมันถึงออกมาอย่างนี้"รองนายกฯ บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยควรได้ 300 ที่นั่งด้วยซ้ำ ไม่ใช่ 265 เสียง แต่ติดเพราะอำนาจการเมืองมาสกัด เจ้าหน้าที่รัฐก็กดดันพรรคเพื่อไทย แต่โพลหลายสำนักก็บอกจะชนะถล่มทลาย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่น่าจะได้เพิ่มกว่านี้


แล้วจะสร้างสมดุลในพรรคอย่างไรระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ กับยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย"บิ๊กเหลิม" สวนกลับ รู้ไหมยิ่งพูดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยิ่งหาคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ก็ประชาชนเขาชอบอย่างนี้ จริงๆ ไม่ได้ยกย่องท่านนะ แต่ที่ภาคอีสานพอเอ่ยชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เสียงปรบมือมาก แล้วเวลาเราหาเสียงก็ต้องเอาคะแนนเสียงจะให้ทำอย่างไรได้

"ผมเป็นคนเปิดประเด็นท่านทักษิณคนแรก ก็กลัวกันทั้งพรรค เดี๋ยวทหารออกมา แล้วถามกลับ ผมไม่รู้จักทหารเหรอ แล้วนายกฯ คนนี้ก็ให้เกียรติทหารมาก อย่างขบวนการผังล้มเจ้าที่เอามาพูดก็พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง"



กระแส พ.ต.ท.ทักษิณ จะยืนระยะได้นานแค่ไหน??..."ก็อยู่ที่รัฐบาลชุดนี้ต้องทำงานดีด้วย ถ้าดีก็ยังแฮนเดิลได้" 4 ปีโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้กลับมามีไหม"บิ๊กเหลิม" ตอบ การเมืองไทยอ่านยาก สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอด หลายคนมองว่ารัฐบาลกับทหารไม่ไปด้วยกัน แต่ลึกๆ ไม่มี การแต่งตั้งโยกย้ายโผนายพลก็ไม่มีล้วงลูก ส่วนปฏิวัติจะมีหรือไม่...มันอ่านยาก พวกทหารเวลาจะปฏิวัติ เขาคิดอะไรแป๊บเดียว ผมเคยบอก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ สมัยเป็นนายกฯ การปฏิวัติของทหารเหมือนคนตาบอดเข้าป่า ไม่กลัวเสือกลัวช้าง แล้วท่านก็ไม่เชื่อ

"ใจผมอ่านท่านทักษิณยาก ความจริงวันนี้ท่านไปได้ทั่วโลกแล้ว ไม่ถูกกดดัน จะมาสิงคโปร์ ฮ่องกงบรูไนก็ได้หมด ... 2 ปี 7 เดือนที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมีหน้าที่อย่างเดียว คือ ตามตัวท่าน แต่ตามไม่ได้ เพราะความผิดของท่านทั่วโลกเขาไม่มีความผิดแบบนี้ แถมยิ่งตามคนยิ่งเห็นใจ เพราะหลังศาลฎีกาตัดสินคดีที่ดินรัชดาฯ แล้ว ศาลแพ่งก็บอกว่าสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ ถ้าศาลแพ่งวินิจฉัยเรื่องนี้ก่อน ศาลฎีกาก็ไม่มีสิทธิตัดสิน"

แล้วปมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษพ.ต.ท.ทักษิณ ที่อยู่ในขั้นตอนของกระทรวงยุติธรรมจะสำเร็จหรือไม่ รองนายกฯ ไม่ฟันธงและไม่อยากแสดงความเห็นเพราะเป็นพระราชอำนาจ

"ที่ผมไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะนายกฯ มอบงานถวายฎีกาให้ดู เรื่องนี้ไม่ควรพูด ประชาธิปัตย์เอามาสร้างความสับสนว่าต้องเป็นตัวท่านทักษิณเซ็นเอง หรือต้องเป็นญาติ ความจริงมันไม่ใช่ แต่กฎหมายใช้คำว่าผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งประชาชนทั้งประเทศก็เป็นผู้เกี่ยวข้องยื่นถวายฎีกาได้ เพราะสมัยท่านทักษิณบริหารประเทศ เศรษฐกิจดี ยาเสพติดลด ปี 2547 ผู้ติดยาเหลือ 3 แสนกว่า แต่หลังปฏิวัติ จนกระทั่ง 2 ปี 7 เดือนที่ผ่านมาไม่ทำอะไรเลย มันเลยขึ้นเป็น 1.2 ล้านคน"วกมาที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เคยประกาศกลางสภาว่าจะแก้แน่ปลายปีนี้ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา "บิ๊กเหลิม" ยืนยันเหมือนเดิมแก้แน่นอน เพราะได้บอกประชาชนแล้ว ถ้าเพิกเฉย ชาวบ้านก็ด่าได้ วันนี้ประชาชนไปไกล โดยเฉพาะคนยากคนจนในภาคอีสานที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่คนกรุงเทพฯ บางส่วนยังถูกหลอกได้อยู่

ก่อนขยายความ การแก้รัฐธรรมนูญจะไม่เร่งรีบ เริ่มจากแก้มาตรา 291 ก่อนเพื่อเปิดทางให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีสมาชิก 99 คน แยกเป็นมาจากการเลือกตั้ง 77 จังหวัด อีก 22 คน แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น สาขารัฐศาสตร์ นิติศาสตร์เศรษฐศาสตร์

"เราไปแก้รัฐธรรมนูญเพื่อช่วยคนหนึ่งคนใดไม่ได้ เพราะโดยหลักแล้วบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมันไปลบล้างความผิดอื่นๆ ไม่ได้ มันเป็นกติกาของระบอบประชาธิปไตย" ปีนี้น้ำท่วมเยอะมาก ประชาชนก็ต้องเข้าใจ แล้วจะทำอย่างไรได้ ไม่มีใครอยากให้น้ำท่วม แต่รัฐบาลนี้มาด้วยความคาดหวังสูงประชาชนจึงมีปฏิกิริยารวดเร็วต่อการบริหารงานของรัฐบาล"

ปชป.ฝ่ายค้านอีกสมัย

"ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เขาเป็นฝ่ายค้านที่มีความสามารถ มีทักษะอย่างตอนนี้ผมว่า เขาอยากยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาก บ้านหลังแรก ลดบ้านราคาถูกมากล่าวหา บริษัท เอสซีแอสเสทฯ เขาขายหลังละ 15 ล้านบาท แล้วได้ประโยชน์ตรงไหนพูดไปคนที่เชื่อ ก็กลุ่มเดิมๆ"


ร.ต.อ.เฉลิม ขยายความว่า กรณีประชาธิปัตย์จะยื่นถอดถอนอัยการสูงสุด (อสส.) ที่หาว่าช่วยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ยื่นฎีกาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ป ก็ขอให้ระวังจะเจอย้อนศรข้อหาแทรกแซง อสส. เนื่องจาก อสส.เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ขึ้นกับรัฐบาล หรือกระทรวงมหาดไทยเหมือนในอดีต

"บิ๊กเหลิม" แจกแจงต่อ การแต่งตั้ง อสส.วันนี้ นอกจากจะมีคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) แล้ว ขั้นตอนยังยากกว่าการแต่งตั้งประธานศาลฎีกาด้วยซ้ำ ถ้าจำไม่ผิดประธานศาลฎีกาเมื่อผ่านคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ก็นำความขึ้นกราบบังคมทูล โปรดเกล้าฯ ขณะที่ อสส. ถ้าผ่านการพิจารณาจาก ก.อ.แล้ว ต้องส่งเรื่องให้วุฒิสภาเห็นชอบ

รองนายกฯ ยังตอบโต้นายวัชระ เพชรทองสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พาดพิงว่า เหตุที่อสส.ไม่ฎีกา เพราะเคยเป็นหน้าห้องชงกาแฟให้ผม ยังบอกว่าเคยช่วยคดีลูกผม ทั้งๆ ที่ไม่จริง แต่เราตามเกมทัน ยึดงานเป็นหลัก จึงไม่อยากตอบโต้

"เราหาเสียงว่า จะให้เงินเดือน 1.5 หมื่นบาท ข้าวจำนำ บ้านหลังแรก รถคันแรกกองทุนหมู่บ้าน เอสเอ็มอี เอสเอ็มแอล เราก็ทำหมด และที่ว่าจะทำทันที แต่ทำทันทีไม่ใช่พลิกฝ่ามือ มันมีกระบวนการเริ่มต้น ผมถามกลับแล้ว ทีประชาธิปัตย์บอกจะแก้ไขปัญหาประเทศ 99 วัน แล้วผลสุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรปักษ์ใต้ 90 วัน บอกเรียบร้อย แล้วเป็นไงหนักกว่าเดิม ถ้าประชาธิปัตย์ยังไม่หยิบสาระสำคัญของเนื้องานที่เราผิดพลาดมาตรวจสอบเลือกตั้งรอบหน้า พวกผมก็ชนะอีก" ร.ต.อ.เฉลิม ตบท้าย

1เดือนเริ่มเห็นผล

หนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล จนประกาศผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ในชื่อ"พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด" มีร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง แม่ทัพคนสำคัญกางแผนภารกิจหินครั้งนี้สู่เป้าหมาย 1 ปี ลดให้ได้ 80% หรืออย่างน้อยต้องได้ 60% ขึ้น

ร.ต.อ.เฉลิม อธิบายว่า งานปราบปรามก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็ต้องลด "ซัพพลาย" ลด "ดีมานด์" ที่ผ่านมาถึงมีนโยบายปิดบ่อน เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยง นอกจากนี้ยังเน้นสกัดกั้นทางชายแดน ถ้าทำได้ ก็ไม่ต้องมาตามไล่จับ

สองเราเน้นที่สารตั้งต้น เมื่อก่อนสารตั้งต้นนำเข้าจากนอกประเทศ วันนี้พวกยาแก้ไอ ยาแก้หวัดผมเอาไปเข้าบัญชีหลักหมดแล้ว คุณจะซื้อ คุณต้องไปโรงพยาบาล ไม่ใช่มาสั่งง่ายๆ แบบเก่า และ สามป้องปราบ ซึ่งต้องทำควบคู่กับการบำบัดรักษา

ทั้งนี้ จากการประชุมร่วมกับกระทรวงยุติธรรมได้หามาตรการนำนักโทษที่ได้รับการลดโทษออกมาบำบัดรักษา ตั้งใจไว้ว่าให้ได้ประมาณ 3 แสนคนในรอบ 1 ปี ขณะที่รัฐบาลชุดที่แล้วแค่ผู้ต้องขังเอาโทรศัพท์เข้าไปยังแก้กันไม่ได้


"ผมคิดว่าที่ผมทำมา 1 เดือนเห็นผลแล้ว นำเข้าน้อยลง เพราะผมจี้ทุกวัน ยาเสพติดมันเข้ามาทางภาคเหนือ 8 จังหวัด ใน 8 จังหวัดหนักที่สุด 3 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่แม่ฮ่องสอน ในเชียงรายหนักที่สุด 3 อำเภอ คือแม่สาย แม่ฟ้าหลวง เชียงแสน ถ้าทำได้ก็ลดโดยอัตโนมัติ

...เมื่อก่อนมี 100 ด่าน วันนี้เพิ่มเป็น 200 ด่านสมัยประชาธิปัตย์บอกตำรวจไม่มี ผมบอกว่าตำรวจเยอะ แต่คุณไม่ใช้เขา ผมเอา ตชด.ไปบูรณาการกำลัง กำลังสนธิ กำลังบูรณาการด้านการข่าว นี่เขาก็ทำงานหนักไปแล้ว"


นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมาตรการยึดทรัพย์ อย่างที่เชียงรายจับกุมได้ 7.8 หมื่นเม็ด แต่ยึดทรัพย์ได้ 100 ล้านบาท ต้องบอกว่าพวกคุณค้ายาเสพติด รวยนะ แต่ครั้งสุดท้ายถูกจับได้ทรัพย์ถูกยึดหมดนะ

ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับว่า มีตั้งแต่นักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สท. นายกอบต. แม้พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นฐานเสียงพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าทำผิดเราก็รับไม่ได้

ในส่วนตำรวจชั้นผู้น้อย วันนี้ต้องเพิ่มขวัญกำลังใจตำรวจ โดยเฉพาะชั้นประทวน แม้ระดับสัญญาบัตรจะมีเหมือนกัน แต่ไปเกี่ยวข้องค่อนข้างน้อย ซึ่งเราจะต้องทำให้เขารู้สึกใฝ่ดี อยากก้าวหน้าก็ต้องไม่ยุ่งกับปัญหายาเสพติดและทุจริตคอร์รัปชัน

อีกด้านหนึ่ง ได้ประสานกับธนาคารออมสินให้ตำรวจกู้เงิน ถ้ากู้โดยไม่มีเพื่อนค้ำประกันเสียดอกเบี้ย 7.25% ต่อปี ถ้ามีเพื่อน 7% ต่อปี ถ้ามีหลักทรัพย์ 5.75% ต่อปี คนละ 3 ล้านบาท ถูกกว่าดอกเบี้ยธนาคารกรุงไทย เราต้องให้ขวัญกำลังใจและต้องให้เครดิต ให้ความเชื่อถือ มันก็จะเกิดเป็นพลังศรัทธามุมกลับในความรู้สึกเขา

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากที่ลงพื้นที่เชียงรายต่อไปจะไปแม่ฮ่องสอน ไปเชียงใหม่ เพื่อประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 8 จังหวัด ผู้บัญชาการ รองผู้การ จากที่ผ่านมาไป 2 วัน นัดประชุมไป 2,000 กว่าชุมชนแล้ว ต้องดึงภาคประชาชนเข้ามาช่วยถ้าประชาชนไม่ช่วยก็ชนะลำบาก"ผมคิดว่าที่ผมทำมา 1 เดือนเห็นผลแล้ว นำเข้าน้อยลง เพราะผมจี้ทุกวัน ยาเสพติดมันเข้ามาทางภาคเหนือ 8 จังหวัด ใน 8 จังหวัดหนักที่สุด 3 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่แม่ฮ่องสอน ในเชียงรายหนักที่สุด 3 อำเภอ คือ แม่สาย แม่ฟ้าหลวง เชียงแสน ถ้าทำได้ก็ลดโดยอัตโนมัติ...ร.ต.อ.เฉลิม "

"ยิ่งลักษณ์" เรียกผบ.4เหล่าทัพถกแก้ปัญหาน้ำท่วมด่วน


"ยิ่งลักษณ์" เรียกผบ.4เหล่าทัพถกแก้ปัญหาน้ำท่วมด่วน


วันที่9ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยได้เรียกพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศปภ. พร้อมด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงผู้บัญชาการทั้งสี่เหล่าทัพ และตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร ประชุมติดตามสถานการณ์อุกทกภัยโดยใช้เวลาหารือนานกว่าสองชั่วโมง ในการนี้ นายกรัฐมนตรี แถลงว่า จากการได้ประชุมร่วมกับรมว.กลาโหมและผบ.สี่เหล่าทัพนั้น เพื่อให้ทำงานสอดคล้องและให้การช่วยเหลือไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมกับขอสนับสนุนกำลังของทุกเหล่าทัพในการแก้ปัญหา ซึ่งสิ่งที่จะให้ความสำคัญเร่งด่วนนั้นก็คือ จะทำอย่างไรในการย้ายประชาชนที่ประสบปัญหาและติดอยู่ในน้ำให้ขึ้นมาอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน


อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันนี้มีมวลน้ำจำนวนมากที่มาจากภาคเหนือและได้แผ่กระจายในวงกว้าง ฉะนั้น จึงต้องมีการระดมสรรพกำลังช่วยเหลือ โดยแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ พื้นที่ใดยังไม่มีผลกระทบหรือกำลังจะมีผลกระทบที่สามารถป้องกันได้ ก็จะรวมทุกสรรพกำลังและแบ่งงานของแต่ละกองทัพให้รับจุดสำคัญที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ใหญ่ ส่วนที่สองคือ หากบริเวณใดที่ไม่สามารถป้องกันได้จะเร่งอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัย เช่น จ.พระนครศรีอยุธยาที่ค่ายอพยพเต็ม ก็ลำเลียงไปใช้ค่ายทหารที่ จ.สระบุรี เพิ่มเติม และให้ทุกส่วนเร่งประสานเข้าพื้นที่ทั้งหมด


นายกฯแถลงเตือนคนกรุง บริเวณนอกแนวคันกั้นน้ำ บริเวณริมเจ้าพระยาเป็นกลุ่มเสี่ยง เตรียมขนย้าย


นที่9ต.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผ่าน โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เรื่อง วิกฤตการณ์อุทกภัยของประเทศที่กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค โดยย้ำว่า ขอให้ประชาชนไม่ต้องตระหนกตกใจหรือหวาดหวั่นกับข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น และสาระสำคัญของคำแถลงมีดังนี้


ดิฉันต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่รบกวนเวลาของท่านในช่วงนี้เพื่อชี้แจงสถานการณ์ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมบ่อยครั้งนับตั้งแต่เมื่อวันศุกร์เป็นต้นมา ที่ดิฉันได้รายงานพี่น้องประชาชนถึงที่มาของปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากพายุโซนร้อนหลายลูกตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการมาตรการต่างๆ ทุกด้านที่มีอยู่ เพื่อเข้าจัดการกับปัญหาในพื้นที่ ทั้งการเร่งผลักดันน้ำลงสู่ทะเล ระดมความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน และการรับบริจาคเงินและสิ่งของ เมื่อวานนี้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ขึ้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน สื่อมวลชนทุกสาขามาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง


ขอบคุณที่มา : มติชนออนไลน์

9 10 54 คอลัมน์อัพเดท ระเบิดลูกใหม่ พ ร บ กลาโหม

วันเสาร์, ตุลาคม 08, 2554

เพลง ปรีดี พนมยงค์



เพลง ปรีดี พนมยงค์

"....ไม่มีพวงหรีดจากประเทศไทยส­ักพวงเดียว...." พูนสุข พนมยงค์

ความคิดเห็น...
ท่านเป็นคนดีจริงๆ
ไว้อาลัย ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2554 วันนี้เมื่อ 28 ปีที่แล้วเป็นวันที่เราเสียคนดี ที่เมืองไทยไม่ต้องการ ...

"พ่อนำชาติด้วยสมองและสองแขน

พ่อสร้างแคว้นธรรมศาสตร์ประกาศศ­รี

พ่อของข้านามระบือชี่อปรีดี 

แต่คนดีเมืองไทยไม่ต้องการ"

"ปรีดี พนมยงค์ คนดีของแผ่นดิน ที่ใครบางคนไม่ต้องการ"

" คนดีของแผ่นดิน " ชื่อนี้จารึกในประวัติศาสตร์คู่­ชาติไทย แต่สิ่งที่ท่านถูกกระทำนั้น มันยังคงเป็นตราบาปของคนในชาติไ­ทยไปชั่วลูกชั่วหลาน ยังไม่สมกับคำที่เรายกย่องท่านไ­ว้ข้างต้นสักนิดเลยจริงๆ โดยเฉพาะลูกแม่โดมรุ่นใหม่ บางท่านยังไม่รู้จักท่านด้วยซ้ำ  อันนี้ยิ่งหน้าเศร้านัก สำหรับต้นกำเนิดมหาลัยการเมืองก­ารปกครองที่ยิ่งใหญ่ ???

“นายกฯยิ่งลักษณ์...ครองอำนาจยาวแน่!”


ขอบคุณที่มาบทความ: ไทยอีนิวส์
ชื่อบทความ: วาทตะวัน: “นายกฯยิ่งลักษณ์...ครองอำนาจยาวแน่!”

8 ตุลาคม 2554

เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2554 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายข้อราชการ ทรงพระราชทานคำแนะนำในการแก้ปัญหาน้ำท่วม และพระราชทานกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้กับนายกรัฐมนตรีหญิง คนแรกของประเทศไทยด้วย

พระมหากรุณาธิคุณใหญ่หลวงครั้งนี้ เสมือนดั่งน้ำทิพย์ชโลมจิตใจนายกฯปูของเรา จนพละกำลังและความแข็งแกร่งดูเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ด้วยพระมหาบารมีปกเกล้าฯ และกำลังใจที่รับพระราชทานนั้น ประดุจดังเกราะแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะปกป้องคุ้มภัยการปฏิบัติหน้าที่ราชการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ ให้ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค และภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง จนลุล่วงไปได้ด้วยความสวัสดีมีชัย สามารถอำนวยประโยชน์โพดผลให้พี่น้องประชาชนของเรา ได้รับความสุขสมบูรณ์โดยถ้วนหน้ากัน

หลังจากเข้าเฝ้าได้เพียงวันเดียว กลุ่มคนที่เป็นปฏิปักษ์และต่อต้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอย่างชัดเจน โดยปราศจากข้อสงสัย อย่างคลื่น FM 101 MHz ของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่รุมกัน ‘ตามเห่า-ตามกัด’ นายกฯปู และรัฐบาลใหม่ในทุกๆเรื่องทุกกรณี อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่ลดละ เหมือนเคืองแค้นกันมานานแสนนาน นั้น

คนกลุ่มนี้ คงจะรู้สึกขัดเคือง และไม่สบายเนื้อสบายตัวมากยิ่งขึ้น เมื่อนสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา ‘ทีมข่าวการเมือง’ ของ นสพ.ยักษ์ใหญ่ฉบับนี้ได้ รายงานว่า โพลของเอแบดชี้ให้เห็นชัดเจนว่า
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทิ้งนายมาร์ค มุกควาย “ขาด” ในเรื่องของ คะแนนความนิยม กว่า 3 เท่าตัว ทั้งๆที่ตัวเธอเองเพิ่งเข้าบริหารบ้านเมือง
...เพียงแค่ครบเดือนเท่านั้น!

นี่เอง คงเป็นสาเหตุให้ นายเสรี ที่หายหัวกบาล จากรายการของคลื่น FM จ.ร้อยเอ็ด MHz ต่อต้านรัฐบาลแห่งนี้ไปพักหนึ่ง และเพิ่งกลับมาออกรายการ ที่ผมเรียกเอาเองว่าเป็น “รายการสนทนา...ประสากาลี” ตอนเช้า วันอังคารที่ 4 ต.ค.2554
กะเทยตัวนี้คงตาร้อน ทนเห็นคุณปูเป็นนายกฯไม่ได้ จึงออกมาคร่ำครวญ ฟูมฟาย แล้วตอหลดกับคนฟังว่า
รับไม่ได้จิงจิ๊งงงง...กับนายกฯผู้หญิง!

จากนั้นก็เปิดฉาก ถล่มด่านายกฯปู ขวัญใจชาวบ้านอย่างไม่เลี้ยง เหมือนเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมา แต่ชาติปางก่อน โดยนังเสรี กะเทยกาลี พูดดูแคลนนายกฯผู้หญิงคนแรกของคนไทย ว่า คุณปูเป็นนายกฯได้อย่างไรกัน เพราะขาดทั้ง aura และ charisma ของการเป็นผู้นำ...ก็ไม่มี
คือไม่มีทั้งราศี...และไร้เสน่หาบารมี!

นายเสรี “กะเทยทมิฬ” มันคงลืมไปนะ ว่า...
aura และ charisma ของผู้นำ นั้น ชาวบ้านผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งนั่นแหละ จะเป็นผู้ดู และชี้ขาดว่า
ใครมี...ใครไม่มี!!

อย่างที่พวกเขาได้ทำให้ปรากฏแล้ว ในการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา จนทำให้ นายมาร์ค มุกควาย คนที่นังกะเทยกาลี เห็นว่ามีทั้ง aura และ charisma และเชียร์นักเชียร์หนา แต่พี่น้องประชาชน คนส่วนใหญ่ของประเทศ พวกเขากลับมองไม่เห็นทั้งราศี และเสน่หาบารมี มีประดับตัวหัวหน้าพรรคดักดานคนนี้

นายมาร์ค มุกควาย จึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับ ต้องกระเด็นตกจากเก้าอี้ ตำแหน่งนายกฯ ไปนั่นไง!
แค่นี้กะเทยถ่อย เสรี มันยังทำบื้อ ไม่รู้อีกแน่ะ!!

ยิ่งไปกว่านั้น นะ...
กะเทยชรากาลีตัวนี้ ยังพูดย้อนยุค ยกหางตัวเองว่า เคยเป็นผู้สร้างอิมเมจให้กับนักการเมือง ซึ่งใครๆก็รู้ว่า คือ
เถ้าแก่ห้าสั้น ‘บรรหาร’ นั่นแหละ!
เลยอยากจะถามว่า

แล้วตอนที่เถ้าแก่บรรหาร หลุดเรื่องสมเด็จพระราชินีอังกฤษ ควีนเอลิซาเบธ เทเลอร์ จนฮาแตกกันทั้งบ้านทั้งเมือง นั้นน่ะ...
‘นังอี๊ด’ กะเทยทมิฬ...เป็นคนเตรียมการให้ หรือเปล่า?
ใช่แต่แค่นั้น นะ
ตอนที่นังกะเทยกาลี ต้องไปนั่งเช็ดหัวล้าน ที่สนามกีฬาสระบุรี ครั้งไปหาเสียงให้พรรคชาติไถ แล้วไม่มีคนไปฟัง น่ะ
ตัวเองก็เป็นคนวางแผน...แต่ล้มเหลว ก็ใช่อีก ใช่ไหมล่ะ!!?

ที่ว่ากระดกหางตัวเอง ว่าเป็นอิมเมจเมคเกอร์ที่มีระดับ แล้วอย่างมิสเตอร์ห้าสั้น เป็นนายกฯได้นานกี่มากน้อยกัน?
พอหมดบารมี ก็เห็นต้องวิ่งโร่ขอร่วมพรรคโน้นพรรคนี้ หนนี้ก็ไปถึงดูไบ เป็นเพราะกลัวอดอยากปากแห้ง

...นี่ก็ ใช่อีกหรือเปล่าล่ะ?
ย้อนยุคให้ดู แค่น้ำจิ้มเท่านั้นแหละ...กะเทยชรากาลีอย่าทำความจำสั้น เพราะคนที่เขาจำแม่น ก็ยังมี
ถ้าใครอยากรู้ว่า เกย์นรกแตกแหกทวารรายนี้ สันดานดิบเป็นอย่างไร ขอแนะนำให้เข้าไปอ่านใน รำพึงรำพัน จาก...เสรี (http://vattavan.com/detail.php?cont_id=314) จะได้รู้กันเสียทีว่า
น่า ‘ขยะแขยง’ แค่ไหน!!!?

เสียเวลากับเรื่องกาลีของอีกะเทยทมิฬ มาพอสมควร คราวนี้กลับมาเข้าเรื่องที่อยากจะพูดวันนี้บ้าง...



ความขยันขันแข็งของนายกฯปู เป็นที่ประทับใจของพี่น้องประชาชน เพราะตลอดเวลาที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤต อุทกภัย นายกฯผู้หญิงของเรา ดูจะปรากฏกายไปทั่วทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ได้รับเคราะห์จากมหาอุทุกภัยครั้งนี้

ปัจจุบันชาวบ้านเริ่มเห็น “นายกฯปู” ของพวกเขาในข่าวทุกๆที่ และทึ่งในพลังล้นเหลือของเธอ แต่พี่น้องประชาชนอดรำคาญไม่ได้ ที่เห็น นายมาร์ค มุกควาย ยังเล่นบท ‘นายกตกกระป่อง’อย่างไม่ยอมเลิกรา

เสือกทำขยันออกไปหาชาวบ้าน เพียงเพื่อแย่งพื้นที่ข่าว อย่างที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้ว ในคอลัมน์ก่อนๆ จนดูจะกลายเป็นเรื่องยากทีเดียว ที่จะไปพูดให้...
...ให้ไอ้พวก ‘หน้าทน’ มันเข้าใจ!


การที่นายกปูฯ ได้รับคะแนนความนิยม สูงกว่า นายมาร์ค มุกควาย หลายเท่าตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะนโยบายของรัฐบาลใหม่นั้น สื่อมวลชนต่างๆ ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ว่า
ชัดเจน...จับต้องได้!

แต่ละโครงการ ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำเสนอ โดนใจพี่น้องประชาชนของเรา...จังเบ้อเร่อ!
ตัวอย่าง เช่น
ส.ส.สุนัย จุลพงศธร อดีตนิสิตหัวก้าวหน้า แห่งจุฬาลงกรณ์ บอกว่า
นโยบาย ไม่เก็บเงินกองทุนน้ำมัน นั้น....

ไม่ว่าจะเป็นพวกเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง ทุกคนต่างก็ดีใจ
ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ที่ได้เติมน้ำมันราคาถูกลง และพวกเขาได้ประโยชน์ เหมือนๆกัน
ผู้คนแซ่ซ้องไปทั่ว!

ดอกเตอร์สุนัย กระทุ้งต่อไป อีกด้วยว่า

ไม่เหมือนตอน ไอ้นักการเมืองอัปรีย์ มันเล่นกล ขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม จนแพงลิบลิ่ว แบบเอารวยคนเดียว
...เหมือน ปล้นคนทั้งชาติ!
ทั้งเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดง ต่างชี้ช้ำกะหล่ำปลี เพราะต้องซื้อน้ำมันปาล์ม ในราคาแพง ไม่ได้ต่างกัน
...เดือดร้อนกันไป...ทั่วหน้า!!
อย่างนี้เป็นต้น


นี่ยังไม่พูดถึงโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่แต่ละโครงการ เป็นรูปธรรมชัดเจน ผู้คนเขาสัมผัสได้ รู้สึกได้
และมีความสุข!!!

ฝ่ายค้านโลซกอย่างพรรคดักดานนั้น รู้สึกหวาดหวั่นในการบริหารงาน ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะพวกเขารู้ดีว่า รัฐบาลยี่ห้อเพื่อไทยนั้น มีตรารับประกันว่า ทำงานเก่ง รวดเร็ว มีความคิดก้าวหน้าตลอด และไม่เคยหยุดนิ่ง ที่สำคัญคือ
ไม่ได้ทื่อมะลื่อ นั่งเป็นสากกระเบือทิ่มดิน ค้างเติ่งเหมือนกับพวกประชาธิเปรต พรรคที่บริหารมาสองปีกว่า แต่ทำให้...
ประเทศไทยของเรา มีแต่...ถดถอย!

แม้นายกฯหญิงของเรา จะพูดน้อย แต่เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.ย. 2554 ‘วาสนา นาน่วม’ ได้กล่าวอย่างแปลกใจ ถึงความ ‘เฉียบขาด’ ของนายกฯปู ในรายการ ‘ลับ-ลวง-พลาง’ ถึงเบื้องหลังการคืนโผแต่งตั้งนายทหาร ให้กับ พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีกลาโหม กลับไปปรับปรุงเสียใหม่

สาเหตุการคืนโผครั้งนี้ คุณป้าวาสนาฯเล่าว่า มาจากการที่พล.อ.ยุทธศักดิ์ฯ ได้พยายามแก้ไขโผทหาร ตรงตำแหน่ง ผบ.สูงสุด โดยเปลี่ยนเอา พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ที่มีความสนิทสนมกับตน ขึ้นแทน พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ซึ่งเหล่าทัพเสนอมา
พล.อ.ยุทธศักดิ์ฯ คงลืมไปว่า พล.อ.เสถียรฯ มีภริยาชื่อ ดร.ณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ซึ่งเป็น นายกเทศมนตรี ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี


ดร.ณัฐณิชาช์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญ ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญคนหนึ่ง ที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งเข้ามาถึง 7 ที่นั่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี

นายกฯผู้หญิง เรียก พล.อ.ยุทธศักดิ์ฯ เข้าพบ คืนโผทหารให้ แล้วพูดเรียบๆสั้นๆ แต่ทรงพลังอำนาจ ว่า
“ช่วยไปจัดการ...ให้เรียบร้อย นะคะ!”
ง่ายๆ...แต่กินความลึกล้ำ!!


เท่านั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ฯ ถึงกับร่นถอยกรูดๆ ไม่ดึงดันอีกต่อไป...ทุกอย่างจบลงได้!!
ป้า ‘วาสนา นาน่วม’ ถึงกับให้เครดิตนายกฯ ในเรื่องนี้ว่า นี่เป็นการแสดงจุดเด่น การเป็น ‘ผู้บังคับบัญชา’ อย่างชัดเจน ของนายกฯผู้หญิง ที่ชื่อ
‘น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’

คนในกองทัพนั้น เคยพูดถึงความใจกล้าของนายกฯปู ที่กล้าหาญพอที่จะนั่ง ฮ. ตอนเครื่องบินปีกหมุนของประเทศนี้ ดันนัดกันตกกัน แบบถี่ยิบ แทบไม่เว้นแต่ละวัน แม้แต่คนในกองทัพก็เสียขวัญ หวาดหวั่นการนั่ง ฮ. จนผู้คนในบ้านเมืองเราอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ ว่า
เพราะการคอรัปชั่นใช่หรือไม่ คุณภาพ ฮ.เหล่านั้น จึงต่ำกว่ามาตรฐาน จนเป็นสาเหตุการตก อย่างที่เห็น!?

พอ ฮ.รุมกันตกอย่างนั้น แม่ทัพนายกอง ที่ชาวบ้านเขาตราหน้าว่า “ขี้คุย-ขี้ถุย” ถนัดแต่งานรบราฆ่าชาวบ้าน สำแดงความกล้าหาญแบบ ‘ขี้หดตดแตก’ ออกมาให้ชาวบ้านเห็นอย่างทุเรศทุรังกา เพราะพวกเขาปฏิเสธการการนั่ง ฮ. ไปหน่วยทหาร แต่กลับขอ
นั่งรถยนต์ไปแทน!!

ผู้คนและสื่อมวลชน พากันหัวเราะเย้ยหยันกันทั้งบ้านทั้งเมือง ท่านกลางเสียงซุบซิบเซ็งแซ่ ว่า ไอ้คนพวกนี้...
“ฝากผีก็ไม่ได้ ฝากไข้ก็...ตายห่า!”
น่าอาย...ชิบหาย!!!

มาถึงเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ นายกฯ ที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ไม่ได้เป็น แม้กระทั่งนายกผู้ชาย หรือ นายกฯแอบจิต หรือ นายกชายประเภทสอง เพราะเธอเป็น
ผู้หญิงแท้ๆ!!
แต่...ไม่น่าเชื่อว่า

เธอกลับแสดงออก ถึงความเป็น “ผู้บังคับบัญชา” ได้อย่างชัดเจน
ยังผลให้คนในกองทัพ...พูดกันอื้ออึงไปอีกครั้ง!!!

ผมมีเรื่องน่าสนใจ เกี่ยวกับนายกฯปูมาเล่าให้ฟังอีกนิด เกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของ นายคริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์การเมืองไทยชาวอังกฤษ และผู้เขียนบทความชื่อ "Yingluck on the streets" (ยิ่งลักษณ์บนท้องถนน)
คนนี้จบอ๊อกฟอร์ด อยู่เมืองไทยมานานแล้ว และแต่งงานกับผู้หญิงไทย ที่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ผู้คนรู้จักกันดี ชื่อ
“ศาสตราจารย์ ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร”

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. คริส เบเกอร์ ได้พูดถึงนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ไว้ในวงเสวนา"ผู้นำหญิงในอุษาคเนย์/อาเซียน" ซึ่งจัดขึ้นที่ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
เขาพูดหลายอย่างที่น่าสนใจ แต่ที่สะดุดใจมากที่สุด คือคำถามที่ว่า

นายกฯปู จะอยู่ในตำแหน่ง ได้นานหรือไม่?
คริส เบเกอร์ กล่าวว่า คิดว่ายิ่งลักษณ์จะอยู่ในตำแหน่งนาน ซึ่งจะนานเท่าไหร่นั้นไม่ทราบ แต่เขากระทุ้งทิ้งท้ายว่า
“ถ้าให้ผมพนัน เธออยู่ในตำแหน่งนาน...หลายปี!!!"

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

สำหรับผมนั้น มั่นใจมานานแล้ว ว่านายกฯปูของเรา จะอยู่ในตำแหน่งยาวนานแน่นอน โดยได้เขียนเอาไว้ ตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค.2554 ก่อนหน้าที่คุณคริส เบเกอร์ พูดถึง ใน คอลัมน์
“พูดออกมาดังๆ เลยค่ะ ‘ป๋า’ เจ้าขา...หนูเชียร์ค่ะ!!!”
(http://vattavan.com/detail.php?cont_id=315)
เขียนว่าอย่างไร อยากให้ท่านผู้อ่าน ลองดูกันอีกที

...ดังนั้น เมื่อมีประกาศพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงรู้สึกเหมือนหมดภารกิจ ที่ตัวเองตั้งใจจะกระทำต่อไปแล้ว

จึงขอเรียนว่า
เว็บไซด์ www.vattavan.com กำลังจะ ‘ปิดตัว’ ลงในไม่ช้านี้ เพราะเห็นว่า
บ้านเมืองของเรากลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย และพรรคกาลีก็ถูกถีบโดยประชาชน ให้กลับไปเป็นฝ่ายค้านดังเดิม สมดังเจตนารมณ์ของคนส่วนใหญ่ในชาติ และกว่าที่พรรคดังกล่าว จะกลับมา สร้างความเสียหาย ให้กับบ้านเมืองที่รักของเราได้อีก คงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร
น่าจะไม่ต่ำกว่า 40 ปี!

แม้ผมจะไม่ได้บอกตรงๆ ว่านายกปูฯจะอยู่ยาวกี่ปี แต่บอกโดยนัยว่า
กว่าไอ้พรรคโลซกนี้ มันจะกลับมาสร้างความเสียหาย ให้กับบ้านเมืองที่รักของเราได้อีกครั้ง ต้องใช้เวลาน่าจะ
ไม่ต่ำกว่า 40 ปี (สี่สิบปี) นั้น...

ผมมีเหตุผลอะไร จึงพูดว่าไอ้พรรคกาลี มันจะไม่ได้กลับมาเป็นรัฐบาล ภายในระยะเวลายาวนานถึง 4 ทศวรรษ อย่างนั้น
นายมาร์ค มุกควาย จะไม่ต้องคอยเวลาจะกลับมา เป็นนายกฯอีกครั้ง
ตอนอายุเกือบ 90 ปี (เก้าสิบปี) อย่างนั้นหรือ!?

ขออนุญาต ‘ขยัก’ เอาไว้ก่อน แล้วจะแจงรายละเอียดกัน แบบมันยกร่อง ฟักทองแตงไท ให้ท่านผู้อ่านฟังกัน ในสัปดาห์หน้า

อดใจ...รอกันหน่อยนะครับ!!!

ในที่สุดจะเหลือเเค่ Romney เเละ Perry



ในที่สุดผลการเลือกผู้เเทนพรรค Republican จะเป็น Rick Perry หรือไม่ก็ Mitt Romney ไม่อาจเป็นผู้อื่นได้ เพราะว่ามีเพียงเเค่สองคนนี้ ที่มีทั้งภาวะผู้นำ ประสบการณ์งานบริหารเเละที่สำคัญเสน่ห์ที่จะชนะการเลือกตั้งได้อย่างเเท้จริง

ความคิดเห็นของคุณNanchana : วันนี้ คุณปลื้ม อธิบายได้ชัดเจนตรงประเด็น สะใจมาก อย่างนี้ต้องเรียกว่า "กระชากความคิด" แล้วค่ะ "ไม่ใช่ปลุกความคิด" รอชมนักวิชาเกินความจำเป็น จาก 23 คน ว่าคนไหนจะกล้าแบกหน้ามา ซัดกับนิติราษฎร์ เจ้าค่ะ

วันพุธ, ตุลาคม 05, 2554

นปช.เรียกร้องรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงนามสัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรม!!



นปช.เรียกร้องรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงนามสัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรม!!
5 ต.ค.54 นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช. แถลงข่าว...เสนอให้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามสัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) เพื่อให้สามารถนำตัวผู้ที่กระทำความผิดในเหตุการณ์สลายการชุมนุมไปลงโทษ ..โดยนานาประเทศกำลังจับตามองในเรื่องนี้เป็นอย่างมากว่า รัฐบาลไทยพร้อมให้สัตยาบันผ่านสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่...ดังนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปพร้อมสนับสนุนให้รัฐบาลลงสัตยาบัน
http://www.youtube.com/watch?v=UrPwjhDUslQ&feature=mfu_in_order&list=UL
...............
นี่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องเอาใจใส่ต่อเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาของประเทศค่ะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2360773453814&set=a.1217784399802.34759.1084627571&type=1&theater
(เราเชื่อมั่นในกระบวนพิจารณาของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) มากกว่ากระบวนการยุติธรรมในบ้านเรา...เราจะขอเรียกร้องในประเด็นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะลงนาม....)
.................
เว็ปประชาไท 4 ต.ค.54 เครือข่ายองค์กรโลกเรียกร้องให้รัฐบาลไทย เข้าร่วมภาคีศาลอาญาระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคมระบุรัฐบาลใหม่ต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญต่อการเข้าเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ ในลำดับต้นๆ

คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (Asian Human Rights Commission: AHRC) เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมโดย องค์กรเครือข่ายเพื่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (Coalition for the International Criminal Court - CICC) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงเจตจำนงที่จะร่วมกับประชาคมโลกในการต่อสู้ ต่อต้านระบบ “ลบล้างความผิด” (Impunity) ด้วยการให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court – ICC) ซึ่งเป็นศาลอาญาถาวรระหว่างประเทศแห่งแรก และแห่งเดียวของโลก ที่มุ่งจัดการกับคดีที่มีลักษณะเป็นอาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อต้านมนุษยชาติ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

หนังสือลงวันที่ 3 ตุลาคม 2554 ที่องค์กรเครือข่ายระหว่างประเทศ ซึ่งมีสมาชิกหลากหลายมากมายกว่า 2500 องค์กร/ หน่วยงาน จาก 150 ประเทศทั่วโลก มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่มีความเที่ยงธรรม มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นอิสระ ส่งถึง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้ดำเนินการให้เกิดความคืบหน้าสู่การให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศในเร็ววัน

ปัจจุบัน 118 รัฐภาคีทั่วโลก ได้เข้าร่วมกับภาคีธรรมนูญกรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศแล้ว และล่าสุดประเทศมัลดริฟส์ได้เข้าร่วมเป็นภาคีสนธิสัญญาฉบับนี้ ในรอบสองปีที่ผ่านมา ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเซียได้เริ่มเข้ามีส่วนร่วมในศาลอาญาระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น อาทิ เช่น บังกลาเทศให้สัตยาบันเมื่อเดือนมีนาคม 2553 ฟิลิปปินส์ให้สัตยาบันเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 และตามด้วยมัลดริฟส์ เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเซียยังคงเป็นภูมิภาคที่ด้อยจานวนภาคีสมาชิกในศาลอาญาระหว่างประเทศอยู่มากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ กล่าวคือ มีเพียง 9 รัฐภาคีเท่านั้น ในปัจจุบัน
http://www.prachatai.com/journal/2011/10/37223

นี่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องเอาใจใส่ต่อเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาของประเทศค่ะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=2360773453814&set=a.1217784399802.34759.1084627571&type=1&theater

นี่คือ กรณีตัวอย่างค่ะ ขนาด "มูบารัค" วัย 83 ปี นอนป่วยอยู่บนเตียง เขาก็ยังนำตัวมาขึ้นสู่การพิจารณาของศาลเลยค่ะ
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.2189229845331.125413.1084627571&type=1

ขอบคุณ: คุณNipaporn Freedom