วันพุธ, สิงหาคม 24, 2554

วิวาทะเดือดว่าด้วยใครจงรักภักดีมากกว่ากัน? สารวัตรเฉลิม ลั่น พวกผมไม่คิดแก้ไข ม.112


วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20:51:51 น.
ไฮไลท์ของการอภิปรายวันแถลงนโยบายรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ วันแรก จับจ้องไปที่การแถลงนโยบาย 44 หน้ากระดาษที่ใช้เวลาอ่าน 2 ชั่วโมงครึ่งของนายกฯยิ่งลักษณ์

ตามด้วยการโชว์ฟอร์มถนัดของ ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ไล่ขยี้ นโยบายของพรรคเพื่อไทย เรื่องค่าแรง 300 บาท และค่าตอบแทน 15,000 บาท/เดือน พร้อมกับทวงถามว่า ทำได้ทันทีตามที่หาเสียงไว้หรือไม่

จากนั้น เวทีอภิปรายก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วย คลิปลับ โดยสายสืบของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่เปิดโปงบ่อนกลางกรุงเทพ ที่ห่างจาก สถานีตำรวจ ไม่ถึง 200 เมตร เรียกเสียงฮือฮา ตามด้วยภาพถ่ายการซื้อขายยาเสพติดในแหล่งบันเทิง ผลงานของ ชูวิทย์ ไม่ทำให้รัฐบาลสะดุ้ง แต่กลับทำให้ ตำรวจใหญ่นั่งไม่ติด

ในช่วงบ่าย อุณหภูมิ เผ็ดร้อน ราวกับมีการสาดน้ำมันใส่กองไฟ ในสองประเด็นสำคัญ หนึ่ง คือ พิมพ์เขียว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาจาก ปากของ นพ. เหวง โตจิราการ และร.ต.อ. เฉลิม อยุ่บำรุง อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

สองคือ ประเด็นว่าด้วย กฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ว่าด้วยการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ความร้อนแรงของประเด็นนี้ เสมือนเป็นการประกาศว่า ใครจงรักภักดีมากกว่ากันระหว่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย


ขอให้ลองดู วิวาทะของนักการเมืองใหญ่ต่อไปนี้

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย

" ไม่อยากให้การเมืองเป็นเรื่องการหาเสียงลมปากแล้วบิดพลิ้วไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ ที่เสียดายคือนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐข้อ 2.1 ในการเทิดทูนสถาบันฯ ซึ่งรัฐบาลไม่มีถ้อยคำเชิงรุกในนโยบายให้เห็นว่าจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องสถาบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันฯได้รับผลกระทบจากการเมือง วันนี้นายกฯยังมีจุดยืนอย่างไรตามที่เคยให้สัมภาษณ์หนังสือดิอินดิเพนเดนซ์ว่าจะแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ขอให้ยืนยันว่ายังมีแนวคิดนี้หรือไม่ เพราะมีนักวิชาการและคนเสื้อแดงบางกลุ่ม เคลื่อนไหวให้ยกเลิกมาตรานี้ วันนี้นายกฯยืนยันได้หรือไม่ว่า แม้เป็นผู้สนับสนุนแต่ถ้ามีพฤติกรรมล่วงละเมิด นายกฯก็จะจัดการ เพราะต้องยอมรับว่าในเสื้อแดงก็มีจำนวนไม่น้อย "

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ

"ไม่แปลกใจที่พรรคภูมิใจไทยอภิปรายทำนองนี้ เพราะพรรคนี้รณรงค์หาเสียงทั่วประเทศต่อต้านรัฐไทยใหม่ ซึ่งภายหลัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง วินิจฉัยว่าห้ามเอาเรื่องสถาบันมาหาเสียงว่าใครรักกว่าใคร พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่เคยคิดตั้งรัฐไทยใหม่ ผมขอยืนยันว่า พรรคที่มีนายทหารนายตำรวจที่เคยเข้าเวรเข้าเฝ้าฯมากที่สุดคือพรรคเพื่อไทย เรามีอดีตผบ.ทบ. แม่ทัพ ทหารยศพลเอก เดินหัวแทบชนกัน และ ไม่มีคนที่ไม่จงรักภักดี"

“พวกผมไม่มีหรอกที่จะคิดแก้ไข มาตรา 122 อะไรที่เป็นเกราะปกป้องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเราต้องคงไว้ แต่เห็นตอนนายชวรัตน์ ชาญวีระกูล เป็นรมว.มหาดไทย ย้ายข้าราชการ 3 ฤดูยังทำได้ ทำทุกอย่างได้ยกเว้น เหาะ ทำไมไม่ทำเรื่องนี้ ยืนยันว่าทุกสีจงรักภักดีเท่ากันหมด ไม่มีใครจงรักภักดีน้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย”


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)

"จากข้อมูลกระทรวงไอซีที ช่วงเดือนมิ.ย. 2554 อยู่ในรัฐบาลใครไม่ทราบ แต่มีข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซด์ละเมิดสถาบันถึง 116 เรื่อง ซึ่งพบว่ามีการโอนงบในส่วนที่เกี่ยวข้องไปให้กระทรวงยุติธรรม จึงไม่สงสัยว่าทำไมจึงมีเว็บไซด์พวกนี้เกิดขึ้นมากในยุครัฐบาลที่แล้ว "


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน

“ เมื่อรัฐบาลผมดำเนินการเรื่องนี้ มีกลุ่มที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ เกี่ยวข้องกับนายใจ อึ๊งภากรณ์ และเสื้อแดงในต่างประเทศจริง ไปจุดประเด็นว่าการปิดเว็บไซด์เป็นการละเมิดพื้นฐานประชาธิปไตย มีแกนนำเสื้อแดงบางส่วนไปสร้างกระแสเรื่องนี้ในต่างประเทศตลอดเวลาว่า มาตรา112 ไม่สอดคล้องกับประชาธิปไตย เมื่อมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะในความเคลื่อนไหวหลายแห่งของคนเสื้อแดง มีการพูดถึงมาตรา 112 ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นเนื้อเดียวกันก็ขอให้ห้ามด้วย ดังนั้นที่ปัดว่ามาตรา 112 ไม่เกี่ยวกับเสื้อแดง หรือทุกกลุ่มไม่เกี่ยวกับความไม่จงรักภักดีนั้นไม่จริง แต่ถ้ารัฐบาลยืนยันว่าจะปกป้องสถาบัน เราจะได้สบายใจ”

วิวาทะร้อนของอดีตนายกฯอภิสิทธิ์ ทำให้ สารวัตรเฉลิม ต้องออกตัวและให้คำมั่นสัญญา กลางสภาว่า

“พรรคเพื่อไทยไม่มีวันแก้ไขมาตรา 112 โดยเด็ดขาด นี่คือจุดยืนของพรรคเพื่อไทย”

นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชป. อดีตรมว.ไอซีที

"เว็บหมิ่นเป็นเรื่องที่ดำเนินการยากมาก รัฐบาลที่แล้วดำเนินการอย่างจริงจัง แต่ปิดแล้ว 6 ชั่วโมงขึ้นที่อยู่ใหม่ ไล่ตามปิดไม่หวาดไม่ไหวไปถามฝ่ายความมั่นคงได้ และจากนี้จะขอทำงานจ้ำจี้จ้ำไชรัฐบาลในทุกเช้า ว่ามีเว็บไหนต้องปิดบ้าง เพราะตามแกะรอยโจรมานานแล้ว บางวันได้ปิดเว็บไซต์ถึง 2,695 เว็บไซต์ จนปิดกันไม่ไหว ผมได้ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งวันนี้ก็ยังมีเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้ปิดอีก"

"ผมจะหายใจรดต้นคอรัฐบาลในเรื่องนี้ และหวังว่าเว็บหมิ่นทั้งหลายจะหมดไปจากประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า ที่จริงแล้วจากข้อมูลของกมธ.การทหาร เคยพบว่าเว็บหมิ่นเกิดขึ้นมากเมื่อปี 2550 และเกิดมากที่สุด ขึ้นเป็นดอกเห็ดนับแต่วันที่ศาลฎีกาพิพากษานักการเมืองทุจริต "


หลังวิวาทะว่าด้วยความจงรักภักดีเงียบเสียงลง

ประชาชนคนฟังก็ตัดสินไม่ได้อยู่ดีว่า ใครหรือพรรคใด จงรักภักดีภักดีมากกว่ากัน ?

ที่มา : มติชนออนไลน์

วันศุกร์, สิงหาคม 19, 2554

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 18, 2554

รมว.กลาโหมควง ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:00:06 น.

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ พร้อมร่วมประชุมผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ นำไปสู่แก้ปัญหาความไม่สงบ ที่จังหวัดปัตตานี วันที่ 18 สิงหาคม


ที่มา: มติชนออนไลน์

Voice TV เส้นทางชีวิต ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2



รายงานพิเศษ ชีวิตในช่วงวัยทำงานของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่น่าสนใจไม่แพ้วัยเรียน โดยหลังจากจบการศึกษา เธอเข้าทำงานตั้งแต่ตำแหน่งเล็ก จนก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรขนาดใหญ่

วันอังคาร, สิงหาคม 16, 2554

2011 08 16@1739 สรยุทธ สัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์1

เสธ.ทบ.ตอบโจทย์ ทำไม! ทหารต้องสลายม็อบ



เสธ.ทบ.ตอบโจทย์ ทำไม! ทหารต้องสลายม็อบ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 12:48:22 น.

หมายเหตุ - พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างนำคณะนายทหารเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านความมั่นคงกับคณะผู้บริหารในเครือมติชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม

เราคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะทำให้ความแตกแยกที่มีขยับเข้ามาใกล้ขึ้น เราคาดหวังแบบนั้น เพื่อให้คนไทยเป็นสยามเมืองยิ้มเหมือนเดิม ตรงนี้สำคัญ ผมเข้าใจบทบาทของสื่อดีว่าต้องทำหน้าที่อย่างไร แต่คนไทยใช้ความรู้สึกมากกว่าข้อเท็จจริง ดังนั้นการมาวันนี้เพื่อเปิดหน้าให้เข้าใจความรู้สึกของเรา

ปัญหาการควบคุมม็อบ ต้องมองว่าก่อนหน้านี้ยังไม่มี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 โดยที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มีความพยายามจะใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯอีกครั้ง โดยจะเข้าไปสลายคนเสื้อเหลืองในทำเนียบรัฐบาล แต่ทำไม่ได้ ถ้าทำบาดเจ็บแน่ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เกษียณอายุราชการพอดี ซึ่งท่านสมัครมีสิทธิลงโทษได้เลย แต่ว่าคำสั่งการของนายกฯก็ห้วนๆ ไปนิดหนึ่ง ให้ ผบ.ทบ.รับผิดชอบไปเลย แต่เมื่อถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ พ.ร.บ.มั่นคงฯก็มี แต่ท่านไม่ได้ใช้เรา แต่ให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาดูแล และสั่งการต่อตำรวจเป็นส่วนใหญ่ มาถึงสมัยนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านหยิบเรามาใช้ตามอำนาจของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) ทำให้เราต้องเข้าไป ท่านสมัคร หรือท่านสมชายก็มีสิทธิแต่ไม่ใช้เองครับ

ท่านนายกฯอภิสิทธิ์มีสิทธิที่จะใช้ได้ทั้งทหาร ตำรวจ ซึ่งเท่าที่เห็นก็ใช้ตำรวจก่อน แต่เมื่อกำลังไม่พอ เพราะตำรวจเราไม่ได้ออกแบบเพื่อมารับสถานการณ์ขนาดนี้ ไม่ไหวแน่ ทั้งประเทศไทยมีกองร้อยควบคุมฝูงชนแค่ 2 กองร้อย มีคนอยู่ 300 คน ที่เหลือคือ ตำรวจตามโรงพักที่เกณฑ์มา ดังนั้น ทำให้ต้องเอาทหารเข้ามา ซึ่งนำ พ.ร.บ.มั่นคงฯเอาทหารออกไปใช้การประชุมที่ จ.ภูเก็ต และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พอใช้ทหารมาเรื่อยๆ จนคล่อง เพราะทหารมีโครงสร้างผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นธรรมดาที่ผู้บริหารมองว่าใช้ใครทำงานได้

แต่เราระวังตัวมาก เรารู้ว่าคนที่เรากลัวที่สุดคือ ประชาชน ไม่เคยกลัวโจร ไม่เคยกลัวศัตรูที่ไหนเลย ยกกองทัพมาไม่เคยกลัว แต่กลัวประชาชนที่สุด และตำรวจไทยถูกออกแบบให้จับโจร ผู้ร้าย ไม่ได้ถูกออกแบบเจอสถานการณ์อย่างที่เขาเจอ เลยเป็นภาพที่เราเข้าไปร่วมกับรัฐบาลด้วยกฎหมายจริงๆ ถ้าไม่มีกฎหมายตัวนี้เขาก็ไม่มีสิทธิ

@ แนวคิดตั้งทบวงความมั่นคงเป็นอย่างไร

ในการประชุม กอ.รมน. ที่มีนายกฯในฐานะ ผอ.รมน.เป็นประธาน ซึ่งเรามองเห็นว่าความมั่นคงภายในปัจจุบันมีความรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้ง กอ.รมน.ถูกระแวงว่าเป็นทหารบก แต่จริงแล้วในโครงสร้าง กอ.รมน.ออกแบบโครงสร้างมาเพื่อพลเรือน ตำรวจ ทหาร ภัยความมั่นคงที่เรามองเห็นขณะนี้ คือ ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว การก่อการร้ายสากลข้ามชาติ การบุกรุกทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จังหวัดชายแดนภาคใต้ โครงการพระราชดำริ ดังนั้น 6 เรื่องที่เราเลือกมาทหารทำส่วนใหญ่ โดยที่ยาเสพติดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นหัวหน้าใหญ่ ส่วนแรงงานต่างด้าวให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าใหญ่ การก่อการร้ายอาชญากรรมข้ามชาติให้ผู้การสันติบาลเป็นหัวหน้า แต่ในทางปฏิบัติท่านไม่มาเลย เราจึงเล่นเองตลอด ภาพจึงกลายเป็นกองทัพบก คนก็มาระแวง กอ.รมน.เพราะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เป็นรอง ผอ.รมน. มี เสธ.ทบ.เป็นเลขาฯ กอ.รมน.

พล.อ.ประยุทธ์ก็มาคุยกับผมว่า ทำไงเมื่อมีการระแวงกัน แต่วันนี้ภัยความมั่นคงมีมากขึ้น หากเป็นทบวงแบบเมืองนอกจะเป็นอย่างไร เขาจะได้มาดูแลกันเต็มๆ แต่ทั้งหมดเป็นแนวคิดจุดเริ่มเล็กๆ ใช้เวลา 5-10 ปีก็ยังไม่เกิดขึ้น อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะไปเร็วขนาดนั้น แต่ กอ.รมน.ถูกระแวงทั้งประชาชน ฝ่ายการเมือง ข้าราชการด้วยกันเอง ว่าจะเข้าไปทุบหม้อข้าวเขา

กฎหมายเขียนไว้ว่า กอ.รมน.มีหน้าที่บูรณาการ เวลาของบประมาณเขาจะอ้างว่าเราไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ คุณเป็นผู้บูรณาการ เอาไปแค่ 600 ล้านบาทพอ ดูแลทั้งประเทศ ผมมี 600 ล้านบาทที่จะดูภัยความมั่นคงทั้ง 77 จังหวัด ทั้งนี้ ที่เราได้งบประมาณในปีนี้ 6,000 กว่าล้านบาท แต่เป็นงบประมาณภาคใต้ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยเลี้ยง 4,000 ล้านบาท ดังนั้น ตัวเลข 30,000 กว่าล้านบาท ที่เหลือเป็นของกระทรวง ทบวง กรมอื่นที่ลงใต้ แต่คนพูดว่า กอ.รมน.เอาไป 30,000 ล้านบาทนั้นคงไม่ตรง

@ ชุดเฉพาะกิจ 315 (ฉก.315) ปราบปรามยาเสพติดจะทำต่อหรือไม่

ลองไปถามประชาชนดู ซึ่งเรื่อง ฉก.315 รัฐบาลที่แล้วมีนโยบายทำเรื่องนี้กับ ป.ป.ส. โดยไปคุยกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ซึ่งท่านมีตำรวจไม่พอ เพราะเอาตำรวจออกมาทำหน้ารักษาความปลอดภัยที่ทำเนียบรัฐบาล ผมจึงบอกว่าหากจะเอาทหารไปอย่าให้ทหารเป็นหัวหน้า เพราะใกล้เลือกตั้งไม่เช่นนั้นจะระแวงกันตายเลย ดังนั้น ตำรวจจึงเป็นหัวหน้า ฉก.315 ทั้งหมด ทหารเป็นลูกทีมเท่านั้น ขนาดกลัวอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่วายโดน โดยที่แผนงานของ ฉก.315 ก็มีการระดมในช่วงนั้น แต่จะเป็นแทคติกของรัฐบาลที่จะระดมก่อนเลือกตั้งก็เป็นเรื่องปกติ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร หากพูดกันตรงๆ

@ หลังการเลือกตั้งกองทัพวิเคราะห์ 2 สีจะจบลงหรือไม่

ผมยังไม่วิเคราะห์เรื่องนี้เลย (หัวเราะ) ที่ปวดหัวและเบาใจลงคือ เรื่องกัมพูชา เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่เขาดีกัน ซึ่งน่าจะเบาลงทำให้ทหารจะมีเวลาดูแลเรื่องภาคใต้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เราก้าวหน้า 5 ยุทธศาสตร์ แต่เหลือยุทธศาสตร์เดียวที่เราเหนื่อย คือการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน เขาก็รู้เพราะเขาแพ้ในยุทธศาสตร์ทั้งหมด เขาจึงเหลือยุทธศาสตร์เดียวคือ สร้างความหวาดกลัว ไม่มีทางเลือกอื่น เผอิญเรื่องนี้เป็นอิมแพค (มีผลกระทบ) ข่าวที่ออกไปไม่ครอบคลุม แต่ก็เป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ด้วยที่ไม่ให้ข่าวเขาเอง

@ เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลทิศทางนโยบายของผู้ปฏิบัติในการแก้ปัญหาภาคใต้จะมีผลกระทบหรือไม่

ผมคิดว่า สิ่งที่รัฐบาลพูดในเขตปกครองพิเศษภาคใต้ เรื่องนี้เราต้องคุยกับรัฐบาลในรายละเอียดอีกที เพราะเรามีข้อมูลสถานการณ์ในพื้นที่เป็นอย่างไร ถ้าเกิดแบ่งออกไปจะเกิดอะไรขึ้น มีความเสี่ยงอะไรบ้าง และรัฐบาลนี้ที่ประกาศนโยบายนี้ออกมาก็ยังไม่มีรายละเอียดในพื้นที่จะลงลึกขนาดไหน เราจะชี้ให้รัฐบาลเห็นว่าความเสี่ยงท่านจะรับได้แค่ไหน ถ้าท่านรับได้ก็เป็นนโยบาย เราคงไม่มีทางเลือกอื่น

@ ความเสี่ยงที่ว่ามีแค่ไหน

ความเสี่ยงของผมจะอย่างหนึ่ง แต่ถ้าถามนักธุรกิจ นักการเมือง หรือประชาชนเขาจะมองความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่ง ผมจะมองในมิติของผม เหมือนกับคนไทยขอใช้คำว่าถ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา นั้นแปลว่าหลายๆ ภาคส่วนไม่ได้ตระหนักข้อมูลภัยพวกนี้ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีความสำคัญมาก แต่ถ้าไม่มองถึงภัยความมั่นคง คิดถึงแต่เด็กที่จะมาศึกษาอย่างเดียวคงไม่ครบด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดคิดแต่จะให้เป็นที่ท่องเที่ยวแต่ลืมมองเรื่องความมั่นคง ถ้าจังหวัดท่านไม่มีความเรียบร้อยสิ่งที่ท่านคิดคงไปไม่ถึงจุด

สิ่งที่เรามอง เราจะรู้ว่าอะไรก้าวหน้าไม่ก้าวหน้า กราบเรียนต่อหน้าพระก็ได้ เราไม่นั่งเทียนมองว่าก้าวหน้า 6 ยุทธศาสตร์ที่เราทำมีความก้าวหน้าจริง แต่ถามว่าสำเร็จหรือไม่ ผมไม่กล้าใช้คำนั้น แต่ต้องใช้เวลา แน่นอนถ้าให้เขาปกครองตนเองเขาจะหยุดยิงแน่ หรือถอนทหารก็หยุดยิง แต่เมื่อหยุดยิงคงไม่มีใครไปอยู่กับเขา

กอ.รมน.โดยกองทัพบก มองว่าทหารที่มาจาก กทม. อีสาน เหนือ ที่ลงไปใต้ไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น เดือนตุลาคมนี้จะปรับเปลี่ยนกำลังทหารได้ 4 กองพัน โดยนำทหารหลักขึ้นมา โดยให้ทหารพรานดูพื้นที่แทน ค่อยๆ ทยอยๆ ไป

7 ปีที่ผ่านมา การทำความเข้าใจใน 2 ปีแรกตั้งแต่ปล้นปืนค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส ข้าราชการทุกส่วนเข้าไปหมู่บ้านไม่ได้เลยหากเขาไม่ให้เข้า แปลว่าเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจเขา และเขาก็ไม่เข้าใจเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเราเลยใช้เวลา 2-3 ปีแรก ช่วงพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ. เราสร้างความเข้าใจ จากนั้นสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. เราเริ่มเข้าถึง แต่เขามีความรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่คุ้มครองเขาไม่ได้ พล.อ.อนุพงษ์ จึงขยายฐานปฏิบัติการ 7-8 ร้อยฐานเกาะตามหมู่บ้านเพื่อคุ้มครองและเข้าถึง เมื่อเวลา 3 ปีผ่านไปเราคิดว่าทำสำเร็จ รถทหารผ่านเด็กก็เริ่มโบกมือให้ เมื่อมาถึงรอยต่อระหว่าง พล.อ.อนุพงษ์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาลก็เอางบฯไทยเข้มแข็งลงเพื่อพัฒนา ดังนั้น หากย้อนไปดู "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" จริงๆ (ยกมือไหว้) ยุทธศาสตร์พัฒนาเป๊ะ

เราจะหยุดความรุนแรงได้เมื่อไร ผมคงตอบไม่ได้จริงๆ แต่จุดศูนย์ดุลหัวใจของเราคือ ประชาชน ทหารใช้คำนี้ และมุ่งไปที่ประชาชนในพื้นที่กว่า 2 ล้านคน ซึ่งผู้ก่อเหตุรุนแรงลดลงเรื่อยๆ

ที่มา : มติชนออนไลน์

วันอาทิตย์, สิงหาคม 14, 2554

ประธานาธิบดีสหรัฐฯส่งสารแสดงความยินดีต่อนายกฯยิ่งลักษณ์ ; "โอบามา"ต่อสายยินดี"ยิ่งลักษณ์" ชี้เป็นสัญญาณความสำเร็จปชต.ของไทย




ประธานาธิบดีสหรัฐฯส่งสารแสดงความยินดีต่อนายกฯยิ่งลักษณ์
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 11:18:35 น.

นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งสารผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความยินดีต่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้แสดงความมั่นใจด้วยว่า ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา จะพัฒนาให้แน่นแฟ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไทยและสหรัฐฯจะเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด รวมถึง ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศจะดำเนินต่อไปอย่างแนบแน่นบนพื้นฐานการให้ความเคารพซึ่งกันและกันและประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ สหรัฐฯเล็งเห็นถึงความสำคัญของมิตรภาพและการเป็นพันธมิตรระหว่างกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับไทยเพื่อพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิด เพื่อความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง และสนับสนุนโลกเสรี

"โอบามา"ต่อสายยินดี"ยิ่งลักษณ์" ชี้เป็นสัญญาณความสำเร็จปชต.ของไทย
วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 19:17:00 น.

วันที่14 ส.ค. สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดีซี. ระบุว่า ทำเนียบขาวได้แถลงว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้โทรศัพท์สายตรงถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องในโอกาสที่ได้รับการเลือกตั้งเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยคนใหม่ โดยนายโอบามา ระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น

ถือว่าเป็นสัญญาณความสำเร็จของกระบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีบารัก โอบามา และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงการรักษามิตรภาพอันดีระหว่างไทย-สหรัฐ และสัญญาว่าจะกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีให้แนบแน่นยิ่งขึ้น พร้อมร่วมกันทำงานเพื่อคงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ที่มา: มติชนออนไลน์

วันพุธ, สิงหาคม 10, 2554

ยิ่งลักษณ์นำครม. เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ (ชมภาพ) : "ในหลวง" ทรงแนะครม.ยิ่งลักษณ์ โลกนี้มีความวุ่นวายพอแล้วขอให้ประเทศไทยมีความเรียบร้อย

ภาพ-สำนักพระราชวัง

เมื่อวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2554 เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง จำนวนรวม 36 คน เฝ้าฯ ถวายสัตย์ก่อนเข้ารับหน้าที่

ภาพ-สำนักพระราชวัง



ในโอกาสนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ดังนี้


ขอแสดงความยินดีกับคณะรัฐมนตรีที่ได้ตั้งขึ้นมาใหม่และที่มากล่าวคำปฏิญาณว่าจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อความเจริญมั่นคงของประเทศ ประเทศชาตินี้จะต้องมีผู้ที่ปกครอง ผู้ที่ทำหน้าที่สูงสุดเพื่อให้ทุกส่วนของการงานของประเทศดำเนินไปด้วยดี ขอให้ท่านได้ทำตามที่ได้กล่าว เพื่อที่จะให้งานของประเทศดำเนินไปด้วยดี และทั้งสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้กล่าว การทำงานของประเทศสำคัญที่ผู้ใหญ่จะแสดงตัวอย่างให้กับทุกคนในประเทศ เพื่อที่จะให้งานต่างๆดำเนินไปด้วยดี


ขอให้ท่านทำงานตามที่กล่าวปฏิญาณและสามารถทำตามความตั้งใจ ถ้าท่านได้แล้วท่านต้องมีความพอใจที่ได้ปฏิบัติ เพื่อประเทศชาติและความสำเร็จของท่านในทุกวันที่ท่านทำงานเป็นผลสำเร็จที่ดี สำหรับประเทศและทุกคนในประเทศที่ต่างคนต่างพยายามที่จะให้มีความสำเร็จในทุกสาขา ขอให้ท่านได้สามารถปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความมีผลสำเร็จ ในส่วนตัวของท่านก็จะมีความพอใจถ้าทำได้ตามที่ท่านตั้งใจไว้ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการและทำให้บ้านเมืองมีความสำเร็จตามที่ต้องการ ซึ่งถ้าประเทศไทยนั้นน่าจะมีได้


ในปัจจุบันนี้ในโลกนี้มีความวุ่นวายอย่างยิ่ง เมืองไทยเมืองนี้มีความวุ่นวายน้อย การรักษาความสงบสุข รักษาความสำเร็จที่ได้ทำมาแต่ปางก่อนก็เชื่อมั่นว่าท่านมีความสำเร็จได้แล้ว ก็มีความพอใจก็ขอให้ทุกท่านทำงานด้วยความตั้งใจอย่างดีที่สุด เพื่อผลสำเร็จของบ้านเมืองและทุกสาขาและทุกด้าน ขอให้ท่านมีความพอใจในงานการและมีความสำเร็จในงานการ ทำให้ประเทศชาติเป็นที่อยู่ที่สบายในโลก ในโลกนี้มีความวุ่นวายพอแล้วขอให้ประเทศไทยมีความเรียบร้อย


ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในงานการที่ได้ทำไว้ ท่านควรจะมีความพอใจที่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อความสำเร็จของประเทศชาติ ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในงานการ และมีความพอใจในงานที่ตนทำอยู่เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการและความพอใจในกิจการทุกอย่าง

10 8 54 ข่าวค่ำDNN รวมข่าวต่างประเทศ 10 8 54 : โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์

10 8 54 ข่าวค่ำDNN นายกฯเตรียมลงพื้นที่น้ำท่วม

วันเสาร์, สิงหาคม 06, 2554

296เสียง โหวตนายกฯที่ 28 ยิ่งลักษณ์

296เสียง โหวตนายกฯที่ 28 ยิ่งลักษณ์

ฮา"เหนาะ"ผิดคิว สถิรพันธุ์-สมทัต โผล่ชิงกลาโหม "ณัฐวุฒิ"ก็ติดโผ นั่งสำนักนายกฯ ยธ.มีชื่อชัยเกษม

นายกฯ หญิง - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมสามีและลูกชาย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 ส.ค. เพื่อรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หลังสภาโหวตเลือกให้เป็นนายกฯ ด้วยมติ 296 เสียง

ยิ่งลักษณ์ฉลุยเป็น นายกฯคนที่ 28 หลังสภาโหวตเห็นชอบ 296 เสียง ประธานสภานำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯทันที เสื้อแดงร่วมยินดีนายกฯคนใหม่ กองเชียร์แน่นพรรคเพื่อไทย ปูขอบคุณทุกเสียงสนับสนุน ขอเวลาจากนี้จัดครม.ก่อน เชื่อสังคมให้เวลาทำงานก่อนวิพากษ์วิจารณ์ บิ๊กอ๊อดยันไม่มีปัญหากับตท.10 โผครม.ใกล้คลอด ณัฐวุฒิมีชื่อนั่งรมต.สำนักนายกฯ "ชัยเกษม นิติสิริ" เป็นรมว.ยุติธรรม "ประชา พรหมนอก" รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง พรรคเติ้งไม่พลิกได้คนเดิมกระทรวงเดิม แต่มีชื่อลูกยอดโผล่ร่วมด้วย ส่วนพลังชลส่งเมียสนธยาเป็นรมว.วธ.

เปิดสภาโหวตนายกฯ

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่รัฐสภา จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในเวลา 10.00 น. โดยมีวาระสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

เวลา 10.09 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 24 ได้เปิดประชุมสภา ปีที่ 1 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญทั่วไป) โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประ ธานการประชุม มีสมาชิกลงชื่อ 488 คนครบองค์ประชุม ทั้งนี้ สมาชิกลงชื่อครบองค์ประชุม 250 เสียง ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เมื่อเริ่มประชุม นายสมศักดิ์แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบพระบรม ราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาทั้ง 2 คน พร้อมหารือกับสมาชิกถึงมาตรการในการทำงานร่วมกันในสภา

296 เสียงหนุนยิ่งลักษณ์ผู้นำ

จากนั้นได้เข้าสู่การพิจารณาวาระสำคัญเรื่องเสนอใหม่ พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ โดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยนายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เป็นผู้เสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 28 ขอเสนอน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสุภาพสตรีคนแรกที่จะเป็นนายกฯ โดยมีสมาชิกซีกพรรคร่วมรัฐบาลกดบัตรรับรองถูกต้อง 294 เสียง งดออกเสียง 40 เสียง โดยไม่มีใครเสนอชื่อเป็นอย่างอื่น

จากนั้นเวลา 10.50 น. ได้เริ่มการออกเสียงลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยการขานชื่อเรียงตามตัวอักษร พร้อมตั้งคณะกรรมการนับคะแนน หลังสมาชิกออกเสียงลงคะแนนโดยการขานชื่อครบทุกคน ประธานสภาได้แจ้งผลการลงมติว่า มีผู้เห็นชอบ 296 ไม่เห็นชอบ 3 งดออกเสียง 197 ถือว่าเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เห็นชอบให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จากนั้นประธานได้สั่งปิดประชุมทันทีในเวลา 11.44 น.

ปูขอบคุณทุกเสียงสนับสนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าส.ส.ที่ลงมติไม่เห็นด้วย มี 3 คนคือ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ส่วน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่งดออกเสียง 4 เสียง ประกอบด้วยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประ ธานสภา นายเจริญ จรรย์โกมล นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้ มีส.ส. ขาด 4 คนจากพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายครรชิต ทัพสุวรรณ ส.ส.สมุทรสาคร นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสุรเชษฐ์ มาศดิตถ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง มาร่วมประชุมแต่ขอโหวตไม่ทัน เนื่องจากปิดการลงมติไปแล้ว

หลังปิดการประชุม แกนนำและส.ส.พรรคเพื่อไทย ต่างปรบมือแสดงความยินดี กับน.ส. ยิ่งลักษณ์ ที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ หญิงคนแรก โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยกมือไหว้ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมขอบ คุณทุกคนที่โหวตให้ จากนั้นส.ส.ต่างเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

ปธ.สภานำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากโหวตนายกฯ เสร็จแล้ว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ บริเวณชั้น 2 อาคารรัฐสภา โดยระบุว่า ยินดีด้วย พวกตนยินดีที่จะทำงานร่วมกัน ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ พร้อมจับมือโชว์ให้ช่างภาพถ่ายรูป

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ไปที่ห้องรับรองพิเศษของประธานสภา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หญิงของรัฐสภา 3 คนมายืนดักรอ ได้เข้าไปมอบดอกไม้และร่ำไห้แสดงความยินดี โดยระบุว่าแอบเชียร์พรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์มาตลอด ขณะที่นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำเอกสารผลการโหวตนายกฯ ไปให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงชื่อ

ต่อมาเวลา 13.00 น. ประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางออกจากรัฐสภาเพื่อนำรายชื่อของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว

ตร.คุมเข้มเสื้อแดงตามเชียร์

สำหรับบรรยากาศในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้านหน้ารัฐสภาบริเวณทางเท้าฝั่งสวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) มีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาให้ กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ในการโหวตเลือกนายกฯด้วย นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าแม่ค้าที่สวมเสื้อแดง นำสินค้าสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดงมาวางขายจำนวนมาก

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบอาคารรัฐสภาว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ได้วางกำลังตำรวจไว้ 100 นาย เพื่อดูแลความเรียบร้อย ทั้งการจราจร และให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนประจำจุดเสี่ยง จุดอับพื้นที่โดยรอบรัฐสภา นอกจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ชุดปะฉะดะ 40-50 คน ดูแลความเรียบร้อยหน้ารัฐสภา ส่วนเหตุการณ์โดยทั่วไปปกติ ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุก่อกวน

ปูขอเวลาจัดโผครม.หลังโหวต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางด้วยรถโฟล์กตู้ ทะเบียน ฮน 333 กรุงเทพมหานคร มายังอาคารรัฐสภาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อเข้าร่วมประชุมสภา เมื่อมาถึงได้มีส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งรอต้อนรับ ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่รอทำข่าวจำนวนมาก

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภา ถึงกรณีที่มีข่าวว่านายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ได้ลาออกจากเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเตรียมรับตำแหน่ง รมว.คลัง ว่า ขอสรุปให้ฟังครั้งเดียวพร้อมกัน แต่ยอมรับว่านายธีระชัยเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่คุยไว้ และยังมีคนนอกที่ทาบทามให้เข้ามาร่วมงานอีก แต่ขณะนี้ถือเป็นขั้นตอนหารือเบื้องต้น ถ้ามีความชัดเจนจะแจ้งให้สื่อทราบอีกครั้ง "เราพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย แต่รายชื่อที่ออกมายังไม่ใช่รายชื่อโผที่คุยกันทั้งหมด อยากให้ทุกฝ่ายรอดูรายชื่อทั้งหมดดีกว่า" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

เมื่อถามว่าเบื้องต้นได้ตรวจสอบคุณสมบัติคนที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลายคนได้ตรวจสอบคุณสมบัติล่วงหน้าแล้ว ส่วนตำแหน่งทั้งหมดต้องรอผลอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากโหวตนายกฯ เรียบร้อย ก็จะทำงานกันต่อไป

ไม่ยืนยันเหลิมนั่งรมว.สธ.

เมื่อถามถึงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะได้รับตำแหน่งไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยิ้มและกล่าวว่ายังไม่ทราบ ขอให้อดใจรออีกนิด ร.ต.อ.เฉลิมมีความสามารถหลายด้าน เมื่อถามย้ำว่าหมาะสมกับตำแหน่งรมว.สาธารณสุขหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตำแหน่งนี้มีหลายคนทำงานได้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อทุกอย่างเป็นทางการแล้ว จะแถลงนโยบายและภารกิจที่จะทำให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ยินดีที่ได้ทำงานให้ประเทศชาติ สำหรับนโยบายรัฐบาลโดยภาพรวมนั้น ขณะนี้ทำเสร็จไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงจะถือว่าสมบูรณ์ เพราะในฝ่ายการเมืองแม้จะมีนโยบายแต่ต้องทำงานร่วมกับผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานได้แลกเปลี่ยนและปรับนโยบายให้ตรงกัน เร็วๆ นี้จะนัดพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องนี้

ขุนค้อนไม่หวั่นใครป่วน

ส่วนบรรยากาศการประชุมภายในรัฐสภา ว่า ส.ส.ต่างทยอยเดินทางมาร่วมประชุมตั้งแต่เวลา 08.00 น. ท่ามกลางการรักษาความปลอด ภัยอย่างเข้มงวด ห้ามบุคคลที่ไม่ติดบัตรประจำตัวเข้าภายในพื้นที่ ส่วนส.ส.พรรคเพื่อไทย นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ประธานวิปรัฐบาลชั่วคราว ได้ตั้งโต๊ะที่ห้องกาแฟชั้น 2 เพื่อเช็กชื่อในส่วนของพรรค หากใครยังไม่มาก็จะโทรศัพท์ให้รีบมาให้ทันการโหวตครั้งนี้

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภา ว่า หลังจากสภามีมติจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในวันนี้ ส่วนการทำหน้าที่ในฐานะประธานสภา จะไม่เข้าร่วมประชุมพรรค เพื่อให้เกิดความสบายใจว่าเป็นกลาง ยืนยันจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง และยึดตามหลักข้อบังคับ ซึ่งกำหนดไว้เป็นกติกาอย่างชัดเจน หากมีข้อขัดแย้งก็ให้ยึดตามข้อบังคับอย่างเด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องใช้ค้อน เพียงแต่หยิบขึ้นมาเฉยๆ ในอดีตตนได้รับฉายาขุนค้อน ก็ไม่เคยใช้ค้อน

เมื่อถามว่าจะดูแลคนเสื้อแดงให้มีบทบาทในสภาอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนเสื้อแดงสามารถใช้สิทธิ์ได้ตามรัฐธรรมนูญ ในฐานะ ส.ส. เมื่อถามว่านอกจากกลุ่มคนเสื้อแดง ยังมีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.พรรครักประเทศไทย เป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหาในสภาหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ข้อบังคับจะเป็นคำตอบสุดท้าย และข้อบังคับจะใช้กับทุกพรรค ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่านายกฯคนใหม่จะให้ความร่วมมือและมีความพร้อมเข้าประชุมสภา อย่างเต็มที่

ลั่นยึดข้อบังคับเคร่งครัด

สำหรับบรรยากาศการประชุมหลังเปิดสภา นายสมศักดิ์แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาทั้ง 2 คน โดยก่อนเข้าสู่วาระนายสมศักดิ์กล่าวต่อที่ประชุมว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่ง และขอบคุณสมาชิกให้ความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ แต่เพื่อคงไว้เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ขอทำความเข้าใจ 3 ประการ 1.เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางและเป็นธรรม จะยึดการใช้ข้อบังคับอย่างคร่งครัด โดยไม่อนุโลมใดๆ ทั้งนี้ เพื่อให้การประชุมเรียบร้อย จึงขอความร่วมมือจากสมาชิกเพื่อให้สถานที่มีความศักดิ์สิทธิ์

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า 2.เรื่ององค์ประชุมไม่ครบ เป็นปัญหาใหญ่ เป็นอุปสรรคในการทำหน้าที่ และทำให้การประชุมไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตนตั้งใจจะทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพ จึงขอความร่วมมือสมาชิกใหม่และเก่ารับผิดชอบต่อสภาร่วมกัน หากองค์ประชุมไม่ครบตนอาจใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อให้การประชุมไม่มีปัญหา และ 3.ขอให้นายกฯ และรัฐมนตรีให้ความร่วมมือกับสถาบันนิติบัญญัติ มาตอบกระทู้ และญัตติต่างๆ ในวันพุธ และวันพฤหัสบดีที่มีการประชุม ซึ่งอาจมาทำงานและเซ็นหนังสือในสภาเลยก็ได้ ฉะนั้นนายกฯ และ รมต.ให้เกียรติสภา ถือเป็นการให้เกียรติประชาชนทั้งประเทศ

ปชป.ยังคาใจปัญหาสภาล่ม

จากนั้นนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นกล่าวสนับสนุนมาตร การของประธาน พร้อมวิจารณ์การทำงานในสภาในสมัยที่ผ่านมา ซึ่งมีปัญหาสภาล่มหลายครั้ง และขอปรึกษาวิธีการนับองค์ประชุมแบบใด

นายสมศักดิ์ชี้แจงว่า ถ้าว่าอย่างตรงไปตรงมาทั้งสองฝ่ายมีส่วนทำกันทั้งคู่ จึงไม่อยากเอาความหลังเก่ามาพูด แต่ขอให้เดินหน้าร่วมกัน ทำการเมืองในรูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์ จึงขอความกรุณาเรื่องเก่าๆ อย่าไปพูดถึง แต่ขอน้อมรับข้อเสนอของสมาชิก ส่วนการนับองค์ประชุมเป็นดุลพินิจของประธาน จะใช้ดุลพินิจตามความเหมาะสม ดูแลไม่ให้มีปัญหา หากจำเป็นใช้เจ้าหน้าที่นับก็จะต้องดำเนินการ ไม่ต้องห่วง ส่วนรายละเอียดในการดำเนินการให้ไปหารืออีกครั้งในสภา เพราะยังมีเวลา

วันแรกก็เจอปัญหา"ชูวิทย์"

จากนั้นในที่ประชุมได้เกิดปัญหาขึ้น เมื่อนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ที่ไม่พอใจการจัดที่นั่งในที่ประชุมสภา และได้เปลี่ยนป้ายชื่อที่นั่งกับพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่ก่อนเปิดประชุมสภา ได้ลุกขึ้นแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการจัดที่นั่งในห้องประชุม โดยนายสมศักดิ์บอกว่าจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมในครั้งหน้า แต่นายชูวิทย์ไม่ยอมหยุดพูด จนประธานสภาตัดสินใจปิดไมค์ ซึ่งนายชูวิทย์ยังไม่ยอมหยุดพูด และเดินมามอบค้อนดำผูกริบบิ้นแดงให้กับนายสมศักดิ์ ก่อนจะลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง จนเกิดการโต้เถียงกับประธานสภา ในที่สุดนายสมศักดิ์ตัดสินใจเชิญนายชูวิทย์ออกจากห้องประชุม นายชูวิทย์จึงได้ยอมยุติและนั่งลง แต่ไม่ออกจากห้องประชุม ซึ่งประธานได้ขอให้มีการบันทึกไว้ด้วย

นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ จึงลุกขึ้นประท้วงว่า เมื่อประธานเชิญสมาชิกออกนอกห้องประชุมแล้วต้องออกจากห้องประชุม นายสมศักดิ์จึงยืนกรานให้นายชูวิทย์ออกจากห้องประชุมอีกครั้ง จนที่สุดนายชูวิทย์ต้องออกจากห้องประชุม

เสนาะเสนอตำแหน่งผิด 2 หนซ้อน

จากนั้นที่ประชุมจึงได้เริ่มเข้าสู่การพิจารณาวาระสำคัญเรื่องเสนอใหม่ พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีนายเสนาะ เทียนทอง เป็นผู้เสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 28

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการเสนอชื่อน.ส. ยิ่งลักษณ์ นายเสนาะได้กล่าวผิดถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเสนอชื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เมื่อรู้ตัวว่าพูดผิด จึงได้เสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีมหาดไทย และเมื่อรู้ว่าผิดอีกจึงกล่าวเสนออีกครั้งว่า เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นสุภาพสตรีคนแรกของประเทศไทย

เวลา 12.10 น. ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์หลังสภาโหวตให้เป็นนายกฯถึงภาระหน้าที่ว่า อย่างแรกต้องคุยกันในทีมงาน และหารือแนวทางร่วมกันในครม.เพื่อเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพในปัจจุบัน จะตั้งใจอย่างเต็มที่ และขอประชาชนให้เวลาพิสูจน์และทำงาน ที่สำคัญคนเดียวคงไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ต้องมีทีมงานและผู้ที่ร่วมมือกัน ซึ่งพร้อมร่วมมือทำงานกับทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันงานให้เกิดประโยชน์กับประชาชน งานทุกอย่างอาจมีอุปสรรค แต่ตราบใดที่ตั้งใจและพยายามเต็มที่คงจะผ่านพ้นไปได้ และตั้งใจจะรายงานความคืบหน้าทุกอย่างให้กับผู้ที่ติดตามการทำงานตลอดเวลา ส่วนรายชื่อครม.ทั้งหมดจะตั้งจากผู้ที่มีความรู้ความสามารถ

ปูขอเวลาทำงานก่อนวิจารณ์รบ.

"ยังไม่ใช่ชื่อที่ไฟนอล ขอให้แต่งตั้งเสร็จแล้วจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงทำ งานและรวบรวมข้อมูลอยู่" น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

เมื่อถามว่าจะขอความร่วมมือฝ่ายค้านอย่างไรเพื่อไม่ให้การทำงานสะดุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกอย่างทำอยู่ในหลักการ อะไรที่เป็นความร่วมมือกัน ตนยินดีหารือกับฝ่ายค้าน เพราะทุกคนต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่

เมื่อถามว่าการเป็นนายกฯหญิงคนแรกของไทย จะไม่ทำให้ผู้หญิงผิดหวังใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จะตั้งใจอย่างดีที่สุด ขอให้เวลาและโอกาสกับตนด้วย เมื่อถามว่าจะให้เวลาประเมินผลงานกี่เดือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอเข้าไปทำงานและแถลงนโยบายก่อน เพราะในนโยบายจะมีรายละเอียดชี้แจงว่าแต่ละส่วนเราจะดำเนินการอย่างไรในช่วง 6 เดือนแรก

เมื่อถามว่านโยบายปรองดองในชาติจะเริ่มทำทันทีเลยหรือไม่ ว่าที่นายกฯ กล่าวว่า จะชี้แจงในนโยบายเร่งด่วนให้ทราบ ทั้งนี้หลังจากที่ได้รับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกฯ แล้วจะเริ่มทำงานทันที แต่ต้องรอทำงานไปพร้อมกับครม.ด้วย เพราะทำคนเดียวคงได้แค่ส่วนเดียว เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีหรือยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธว่า ยังไม่ได้คุย กับใครเลย

เสื้อแดงร่วมยินดีนายกฯคนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางด้วยรถตู้ส่วนตัว มายังพรรคเพื่อไทย เพื่อรอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ โดยระหว่างที่รถขบวนผ่านประตูทาง ออกฝั่งสวนสัตว์ดุสิต กลุ่มเสื้อแดงต่างพากันตะโกนให้กำลังใจและแสดงความยินดีที่ได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ และรถบางคันได้พยายามขับตามขบวนของว่าที่นายกฯ ซึ่งได้เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อคนเสื้อแดงบางคนที่นั่งอยู่บนรถกระบะที่พยายามขับตามขบวนเสียหลักตกลงมาจากรถ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เสื้อแดงบางคนรอโบกมือให้กับรถของส.ส.พรรค เมื่อขบวนรถของแกนนำที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผ่านประตูทางออก ได้เปิดกระจกโบกมือทักทายตอบ

ต่อมาเวลา 12.30 น. ทันทีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมคณะ มาถึงพรรคเพื่อไทย กองเชียร์เสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจ บริเวณโถงชั้นล่างของพรรคกว่า 100 คน ต่างกรูเข้ามาประชิดตัวมอบดอกไม้ พร้อมสวมกอดน.ส.ยิ่งลักษณ์ และตะโกนบอกว่า "เอาทักษิณคืนมา" ขณะที่บางคนถึงกับร้องไห้ออกมา ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยิ้มตอบ ก่อนขอตัวไปหารือกับแกนนำพรรค ทั้งนี้เจ้าหน้าที่พรรค ได้ขอความร่วมมือให้กองเชียร์นั่งรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ อยู่แค่ ชั้นล่าง เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายเนื่องจากเป็นพิธีสำคัญ

กองเชียร์แน่นพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาถึงพรรค ได้นำพวงมาลัยไปไหว้ศาลพระภูมิเจ้าหน้าประจำพรรค ซึ่งตั้งอยู่ในสวนหย่อม ชั้น 7 จากนั้นได้ซักซ้อมขั้นตอนรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ บริเวณที่ทำการพรรคชั้น 7 ทั้งนี้ ในพิธีจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและช่างภาพบันทึกภาพ แต่ใช้ทีวีพูลถ่ายทอดมายังห้องสื่อมวลชน ซึ่งทางพรรคได้จัดเตรียมอาหารว่างไว้รับรองคน 700 คน แบ่งเป็นส.ส.ของพรรค แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 รวมทั้งเครือญาติคนใกล้ชิดที่จะมาร่วมแสดงความยินดี โดยคนใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิด เผยว่า ในช่วง 1-2 วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะถือศีลโดยละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ เพื่อพร้อมเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ให้เกิดความราบรื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งกองเชียร์คนเสื้อแดงต่างเดินทางมาแสดงความยินดีกับนายกฯ คนที่ 28 และเฝ้ารอรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯ จนแน่นพื้นที่โถงชั้นล่างของพรรค ทำให้เจ้าหน้าที่พรรค เปิดห้องประชุมส.ส.ชั้น 2 ไว้รับ รองคนเสื้อแดง พร้อมเชื่อมสัญญาณถ่ายทอดสอดผ่านจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ ในช่วงที่รับพระบรมราช โองการฯ เพื่อให้แกนนำได้รับชม โดยระหว่างรอเวลารับพระบรมราชโองการฯ แกนนำคนเสื้อแดง อาทิ น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สลับกันเข้ามาพูดคุยกับคนเสื้อแดงเป็นระยะ ขณะที่ด้านหน้าที่ทำการพรรคครึกครื้นด้วยกองเชียร์คนเสื้อแดงที่ใช้รอเวลาการถ่ายทอดสด เดินดูสินค้าที่ระลึก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ กระจายตัวอยู่โดยรอบที่ทำการพรรคเพื่อไทย

เหนาะยันไม่ได้คุยเรื่องเก้าอี้

นายเสนาะ เทียนทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวจะรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกฯ และได้โควตารัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง ว่า ยังไม่เคยพูดเรื่องตำแหน่ง และอย่าพูดถึงเรื่องกลุ่ม เพราะเราทำงานอยู่ในพรรคด้วยกัน ตนอยู่ในตำแหน่งใดก็ได้ ขอเพียงทำงานเพื่อบ้านเมือง เมื่อถามว่า ครม.ปู 1 ควรมีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ด้วยหรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า อย่ามาจี้ถามแบบนี้ จะมีหรือไม่ รอให้ครม.ออกมาก่อน และจากการที่ได้พูดคุยกับเสื้อแดงหลายคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมา ก็ไม่ได้หวังตำแหน่งอะไรทั้งนั้น

เมื่อถามถึงการบริหารงานของรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายเสนาะกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ อะไรที่ดีๆ เราก็เอามาปรับเพื่อบริหารชาติบ้านเมือง ส่วนอะไรไม่ดีหรือเป็นประสบ การณ์ในอดีต ก็นำมาบริหารประเทศ

"จะตั้งหน้าตั้งตาบริหารประเทศให้ดีที่สุด ขณะนี้บ้านเมืองมันร้าวมากและตกต่ำที่สุดในเรื่องความรัก สามัคคี มีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเรียกได้ว่าไม่เคยมีในประเทศไทย ดังนั้น บ้านเมืองจะเดินไปได้หรือไม่ ต้องสร้างความปรองดองด่วนที่สุด เร็วที่สุด" นายเสนาะกล่าว

นายเสนาะ กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญปี 40 อะไรดีหมดแต่ให้อำนาจองค์กรอิสระล้นฟ้า ตนเคยเสนอว่าควรแก้ไข เพราะให้อำนาจเกินขอบเขต สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้ อะไร ที่ดีและเหมาะสมก็คงไว้ อะไรที่ล้าหลังไม่เข้าท่าต้องเอาออกไป อะไรที่ขัดแย้งก็ขจัดออกไป และยืนยันว่า ไม่มีนิรโทษกรรม เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้เกิดการแก้ไข ไม่แก้แค้นอย่างที่น.ส. ยิ่งลักษณ์เคยพูดเอาไว้ นายเสนาะ กล่าวว่า "เราจะทำให้ดู"

บิ๊กอ๊อดยันไม่มีปัญหากับตท.10

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้รับการเสนอชื่อเป็นรมว.กลาโหม ว่า ขณะนี้ได้ลาออกจากกรรมการบริษัทเอกชนหมดทุกแห่งแล้ว ส่วน ที่เตรียมทหารรุ่น 10 คัดค้านการรับตำแหน่งรมว.กลาโหม คงไม่มีปัญหา เพราะเพื่อนๆ ในรุ่น ตท.10 บางคนโทรศัพท์มาหาเพื่อขอโทษแทนคนที่ออกมาคัดค้าน

"ผมไม่ถือสา ไม่โกรธ และพร้อมให้อภัย ยืนยันว่า ตท.10 ทุกคนดีกับผมหมดทุกคน ทั้งในกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ไม่มีปัญหา เป็นความเข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้น" พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะมีปัญหาความสัมพันธ์กับกองทัพหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว ว่า ไม่มีปัญหา ทุกอย่างมีความรักใคร่สัมพันธ์กันดี เมื่อถามว่าที่ผ่านมาภาพลักษณ์พรรคเพื่อไทยมีความขัดแย้งกับกองทัพ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปไม่มีแล้ว สัปดาห์หน้าจะคุยให้ฟังว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มเสื้อแดง กองทัพและพรรคเพื่อไทยอยู่ด้วยกันได้ ตอนนี้ยังไม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง

ประเสริฐยังไม่ยื่นลาปตท.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค. นายจักก์ชัย พานิชพัฒน์ กรรมการบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ลาออกจากกรรมการอมตะคอร์ปอเรชั่น มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.

นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลัง งาน ในฐานะประธานกรรมการ บมจ.ปตท. เผยว่า ยังไม่รับหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการจากนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. แม้จะมีกระแสอย่างหนักว่านายประเสริฐได้รับการทาบทามจากพรรคเพื่อไทยให้ไปดำรงตำแหน่งรมว.พลังงาน ทั้งนี้นายประเสริฐจะครบวาระในวันที่ 9 ก.ย. ยืนยันว่าจนถึงเวลา 16.00 น. ของวันที่ 5 ส.ค. ยังไม่ได้รับหนังสือจากนายประเสริฐ ว่าต้องการจะลาออก แต่หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะได้รับหนังสือขอลาออกหรือไม่

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่า ได้กรอกประวัติและส่งกลับไปให้พรรคเรียบร้อย แต่ไม่ทราบว่าพรรคจะพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งใด หากเป็นตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการตามรายงานข่าว ตนพร้อมจะทำงาน โดยเมื่อเข้าไปสิ่งแรกที่อยากทำ คือ การปรับปรุงและแก้ไขกรมอาชีวศึกษาที่ต้องมีการพัฒนาให้มาก เนื่องจากค่อนข้างไม่ได้รับความสนใจและสนับสนุนเท่าที่ควร

หมอไม่อยากได้เหลิมคุมสธ.

นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ตนและคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ให้กำลังใจนายกฯหญิงคนแรกของไทย แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดงประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ผลพวงการต่อสู้ร่วมกันของคนเสื้อแดงอุดรธานี เป็นเครื่องชี้ชัดว่าคนเสื้อแดงเลือกพรรคเพื่อไทยเข้าไปบริหารประเทศ ที่สำคัญส.ส.อุดรธานีทั้ง 9 คน ชนะเลือกตั้งแบบขาดลอย ล้มยักษ์อดีตส.ส.หลายสมัยได้ถึง 2 คน คือนายไชยยศ จิรเมธากร และนายสุรชาติ ชำนาญศิลป์ อีกทั้งยังพ่วงส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 2 คน คือ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และนายวิเชียร ขาวขำ รวมส.ส.อุดรธานีเป็น 11 คน ทั้งนี้ ส.ส.อุดรธานีทั้ง 11 คน ลงมติให้ตนเป็นผู้แต่งตั้งผู้ช่วยส.ส.ทั้ง 11 คน ล่าสุดเสนอชื่อไปหมดแล้ว

พ.ญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป (สพศท.) กล่าวถึงการสรรหา รมว.สธ. ว่า ขณะนี้มีกลุ่มแพทย์บางกลุ่มที่มีอิทธิพลมากและมีเรื่องของผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องเสมอ ก็จะเกิดความไม่เป็นธรรม ผู้ที่มาเป็น รมว.สธ. จึงต้องเปิดใจรับฟังทุกฝ่าย ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง จะมาเป็นรมว.สธ.นั้น ยังไม่แน่ใจว่า มีศักยภาพแค่ไหน เพราะการดำรงตำแหน่งครั้งก่อน แพทย์ที่ปฏิบัติงานจริงเข้าถึงร.ต.อ. เฉลิมยากมาก คิดว่า ร.ต.อ.เฉลิมเหมาะสมในการดูแลงานด้านกฎหมายมากกว่า ส่วนนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ซึ่งทางสพศท. เคยเสนอชื่อไว้ คิดว่าน่าจะเหมาะสม เพราะรับฟังปัญหาของผู้ปฏิบัติงาน และเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง แต่ถ้ารัฐบาลสามารถสรรหาบุคคลที่เหมาะสมมากกว่านี้ได้ ก็จะเป็นเรื่องดี

ณัฐวุฒิมีชื่อนั่งรมต.สำนักนายกฯ

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า สำหรับ บัญชีรายชื่อรัฐมนตรีที่ลงตัวแล้วในขณะนี้ ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ โดยยังมีชื่อพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกฯดูแลงานตำรวจด้วย, พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ หรือพล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ รมว.กลาโหม, นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว. มหาดไทย, นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว. คลัง, นายวิทยา บุรณศิริ รมว.พาณิชย์, นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม, นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.สุเมธ โพธิ์มณี หรือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม, พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รมว.ศึกษาธิการ, นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

รายงานข่าวระบุด้วยว่า สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบด้วย นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวฯ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ นายศิริวัตน์ ขจรประศาสน์ รมช.คมนาคม จากพรรคชาติไทยพัฒนา น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูลหรือนายพิชัย ชุณหวิจิตร รมว.อุตสาหกรรม จากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และนางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม จากพรรคพลังชล

หนั่นยันไม่รับตำแหน่ง

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกระแสข่าวผลักดันนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร บุตรชาย ให้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่า ไม่ได้ผลักดันใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะบุตรชายของตน ทุกอย่างเป็นไปตามมติพรรค และไม่ทราบว่าพรรคได้ขอโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยไป 3 ที่นั่ง เมื่อถามว่าจะไม่รับตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีในครั้งนี้ตามที่เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ พล.ต.สนั่นกล่าวว่า คงปิดฉากตัวเองได้แล้ว

นายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวกรณีนายชูวิทย์ ป่วนเรื่องที่นั่งในสภาว่า การนั่งตรงไหนในห้องประชุมเป็นเรื่องที่สภาจะดำเนินการ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นพรรคไม่ให้ความสนใจ ถือเป็นเรื่องไร้สาระ โดยนายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคกำชับไม่ให้ตอบโต้ ส่วนพรรคจะนั่งตรงไหนก็ได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในวันนี้ส.ส.ของพรรคทั้งหมดยังขยับป้ายพรรคถอยร่นห่างออกไปจากพรรครักประเทศไทยอีกถึง 4-5 แถว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

พลังชลไม่ปัดรมว.วัฒนธรรม

นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวถึงการจัดตั้ง ครม.ว่า ไม่มีปัญหา น่าจะเสร็จแล้ว ทุกฝ่ายต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจ และ ความเดือดร้อนจากอุทกภัย รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ พรรคพร้อมทำหน้าที่ ไม่ว่าจะได้กระทรวงไหน พูดมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ต่อรองหรือมีเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาล เมื่อถามถึงข่าวจะได้เก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม นายสุระกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ครม.ทั้งคณะพร้อมจะช่วยกันทำงานให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

มาร์คปัดวิจารณ์ครม.ใหม่

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกฯ กล่าวถึงรัฐบาลใหม่ ว่า ขอให้ทำงานเต็มที่เพื่อส่วนรวม เพื่อประชาชน อยากให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พยายามเดินหน้าไปด้วยกัน ช่วยกันให้เป็นไปตามคำพูดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ระบุว่าเข้ามาแก้ไข ไม่แก้แค้น ต้องรอฟังจากนโยบายว่ารัฐบาลจะแสดงจุดยืนอย่างไร หวังว่า ครม.เรียบร้อยในอีก 2-3 วันข้างหน้า มีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน สามารถประชุมกำหนดนโยบายได้ เพราะมีงานต้องเร่งสานต่อทั้งพระราชพิธี น้ำท่วม และคดีกับวาลเทอร์ บาว

เมื่อถามถึงข่าวนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ลาออกจากเลขาธิการก.ล.ต. เพื่อรับตำแหน่ง รมว.คลัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อย่าวิจารณ์ในขณะดำเนินการเลย เมื่อมีรัฐมนตรีเรียบร้อย มีการอภิปรายนโยบายก่อน ใครมีผลประโยชน์ทับซ้อนจะเป็นปัจจัยชี้ให้เห็นว่าโอกาสที่จะทำงานสำเร็จเพื่อส่วนรวมได้ยาก

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ภายหลังมีข่าวนายธีระชัยลาออกจากตำแหน่ง ว่า "ความเชื่อมั่นต่อการทำ งานขององค์กรอิสระในอนาคตจะเป็นอย่างไร หลังจากผู้มีอำนาจบริหารองค์กรรับใช้ฝ่ายการ เมืองจนออกนอกหน้า แล้วได้รับการตอบแทนด้วยตำแหน่งรัฐมนตรี"

พรรคร่วมฯ ไม่พลาดร่วมพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยว่า ตั้งแต่ช่วงบ่าย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบุคคลในครอบครัว และญาติสนิทของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาทิ นายพายัพ ชินวัตร นางเยาวเรศ ชินวัตร แกนนำ และส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นางกุสุมล คุณปลื้ม ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังชล นายสันตศักดิ์ จรูญงามพิเชษฐ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชล นายอภิรัต ศิรินาวิน หัวหน้าพรรคมหาชน เป็นต้น ได้แต่งชุดปกติขาว และนำกระเช้าดอกไม้ เดินทางมารอร่วมแสดงความยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์กันอย่างคับคั่ง

ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สวมชุดปกติขาว เตรียมพร้อมรอรับสนองพระบรมราชโองการ โดยมีนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี และด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตร มารอร่วมพิธีด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักพิธีการและเลขานุการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ก็ได้เดินทางมาซักซ้อมและแจ้งขั้นตอนในพิธีดังกล่าว ซึ่งเวลา 18.00 น. ปรากฏว่าฝนได้เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก และมีเสียงฟ้าร้องเสียงดังลงมา 1 ครั้ง ซึ่งคนในพรรคได้วิจารณ์ว่าเป็นฤกษ์ดี และฤกษ์เย็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งถึงเวลา 19.30 น. ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อขาวสูทดำ เดินออกจากห้องพักส่วนตัวที่ชั้น 8 มายังบริเวณชั้น 7 ซึ่งเป็นสถานที่เตรียมประกอบพิธี และได้เข้าไปพูดคุยและรับประทานอาหารว่างกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล และผู้มาร่วมงาน ซึ่งมีนางเยาวภา และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยโทรศัพท์อยู่สักครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินออกมาไหว้ทักทายขอบคุณผู้ที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นได้ลงมาบริเวณชั้น 2 เพื่อพบกับกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะที่แกนนำพรรคและผู้สนับสนุนต่างรอด้วยความกระวนกระวายเช่นกัน

เมื่อเวลา 20.10 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ในส่วนของสภา ได้ทูลเกล้าฯ ไปตามลำดับขั้นตอนแล้ว ขั้นตอนที่เหลือก็แล้วแต่พระองค์ท่านจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

เมื่อเวลา 20.30 น. แกนนำพรรคร่วมต่างทยอยเดินทางกลับ เนื่องจากเท่าที่ได้รับการประสานจะยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาในวันนี้ ขณะน.ส.ยิ่งลักษณ์และแกนนำพรรคไม่ได้แสดงความรู้สึกวิตกกังวล และยังคงอยู่หารือร่วมกันภายในพรรค

สื่อนอกห่วง"ปู"ถูกทักษิณครอบ

วันที่ 5 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศเกาะติดกระแสการเมืองไทย โดยซีเอ็นเอ็น รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของไทยเลือกนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศแล้ว โดยอ้างนักวิเคราะห์การเมืองที่ระบุว่า เป็นห่วงว่านายกฯ หญิงจะเดินตามคำสั่งของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ทุกย่างก้าว แม้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิเสธข้อครหา ขณะที่บีบีซีระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเพิ่งเริ่มอาชีพการเมืองได้เพียง 11 สัปดาห์จะต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายอีกมาก

วอลสตรีต เจอร์นัล เสนอบทวิเคราะห์ระบุว่า ความมั่นคงของรัฐบาลชุดนี้ขึ้นอยู่กับว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะบริหารจัดการกลุ่มต่างๆ ให้ประสานกันได้มากน้อยเพียงใด ขณะที่นักการทูตต่างชาติและนักวิเคราะห์การเมืองชื่นชมในความเป็นนักธุรกิจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคาดหวังว่าความสามารถจุดนี้จะถูกนำมาใช้ในงานการเมือง

วอลสตรีต เจอร์นัล ยังชี้ว่า นโยบายประชานิยมซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าห่างไกลความจริง อย่างการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท รวมถึงการรับประกันราคาข้าวจะเป็นไปได้จริงเพียงใด ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ยังวิตกด้วยว่า ถ้าทำได้จริงจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

วอลสตรีต เจอร์นัล อ้างความเห็นของแอนโธนี่ นาฟต์ นักวิเคราะห์จากซีแอลเอสเอ เอเชีย-แปซิฟิก มาร์เก็ต ในฮ่องกง ระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ให้คำมั่นสัญญาไว้หลายข้อ แต่การที่มีเสียงข้างมากที่เข้มแข็งทำให้สามารถผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ได้รวดเร็วกว่ารัฐบาลชุดก่อน โดยสถานการณ์การเมืองไทยเวลานี้ขึ้นอยู่กับเวลา ความตึงเครียดจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเมื่อทั้งประเทศมุ่งความสนใจไปที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศได้หรือไม่และเมื่อใด

"เพื่อนน.ร.ปู"จัดฉลองนายกฯ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 ส.ค. ที่หมู่บ้านสันทรายศิริ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นายมหวรรณ กะวัง อายุ 45 ปี หัวหน้ากลุ่มคนรักทักษิณ หรือ ดีเจ.นก-มหวรรณ หัวหน้าสถานีวิทยุกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่อีกคลื่นหนึ่ง และประธานชมรมศิษย์เก่ายุพราชวิทยาลัย รุ่นที่ 24/27 (บัวเกี๋ยง) รุ่นเดียวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เปิดบ้านจัดเลี้ยงเพื่อนร่วมรุ่นกว่า 50 คนเพื่อแสดงความยินดีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกฯ

นายมหวรรณกล่าวว่า วันนี้เพื่อนร่วมรุ่นที่มีอุดมการณ์เดียวกันคือสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และศรัทราในตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความภาคภูมิใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของไทย และเป็นกำลังใจให้นายกฯ ทำงานต่อไป ซึ่งครั้งต่อไปจะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์มาร่วมงานเลี้ยงด้วย แต่ขึ้นอยู่ว่านายกฯ จะมีเวลาว่างหรือไม่เพราะคงมีภารกิจมากฯ


ที่มา : ข่าวสดรายวัน วันที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7555

the daily dose หม่อมปลื้ม 05-08-54 : วิเคราะห์คุณยิ่งลักษณ์ได้รับโหวตนายกฯ



อัปโหลดโดย fazhi2006 เมื่อ 5 ส.ค. 2011

the daily dose หม่อมปลื้ม 05-08-54 : วิเคราะห์คุณยิ่งลักษณ์ได้รับโหวตนายกฯ

วันอังคาร, สิงหาคม 02, 2554

"ยิ่งลักษณ์" ยืนยันไม่ลืมชื่อ "ร.ต.อ.เฉลิม" ในโผ ครม.

"ยิ่งลักษณ์" ยืนยันไม่ลืมชื่อ "ร.ต.อ.เฉลิม" ในโผ ครม.
กรุงเทพฯ 3 ส.ค. - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวถึงกรณี ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย เริ่มไม่พอใจเกรงไม่ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีตามโควตา 8 ที่นั่ง ว่า อยากให้ ส.ส.ทุกคนใจเย็น ๆ ยืนยันพรรคไม่เคยลืมผู้ที่เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุข ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปรายชื่อรัฐมนตรีที่ชัดเจน รวมไปถึงชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ทำงานร่วมกับพรรคมานาน และเป็นบุคคลหนึ่งที่พรรคไม่ลืม แต่วันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเลือกนายกรัฐมนตรีและประชาชนรอความหวังให้ รัฐบาลมาแก้ปัญหา

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบ 47 ปี ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรง ในฐานะเป็นน้องใหม่ คงมีโอกาสร่วมงานกันอย่างสร้างสรรค์.-สำนักข่าวไทย

สภาฯมีมติให้ นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ศิษย์เก่า มข.ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร


จากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไป เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 โดยมี นายชัย ชิดชอบ ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว โดยวาระสำคัญของการประชุม คือ การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง ได้มีมติการเสนอชื่อ นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และสภาได้มีการรับรองมติไปแล้วนั้น

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2497 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และจบปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายสมศักดิ์ได้รับฉายาว่า "ขุนค้อน" ตั้งแต่ครั้งที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2540 สังกัดพรรคความหวังใหม่ ได้นำค้อนขึ้นมาเคาะบัลลังก์ แบบเดียวกับที่ใช้ในศาลยุติธรรมในต่างประเทศ เพื่อระงับเหตุเมื่อเกิดการถกเถียงกันในสภา ในส่วน

นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ฐานะศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยขอนแก่น รุ่นที่ 10 ซึ่งได้ทำชื่อเสียงและเป็นความภาคภูมิใจของสถาบัน ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อ พ.ศ. 2540 ในการเข้ารับตำแหน่งที่ทรงเกียรติและสำคัญยิ่งครั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นขอแสดงความยินดีกับ นายสมศักดิ์ เกียรติ์สุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ที่มาข่าว : ข่าวมหาวิทยาลัยขอนแก่น

02-08-2554 ส ส ใหม่ก้าวเข้าสภาฯ : น้องเดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล



02-08-2554 ส ส ใหม่ก้าวเข้าสภาฯ คลิป : น้องเดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล
อัปโหลดโดย DNNTHAILAND เมื่อ 2 ส.ค. 2011

วันจันทร์, สิงหาคม 01, 2554

เอกชน 3 สถาบันเห็นด้วยขึ้นค่าแรง 300 บาท



เอกชน 3 สถาบันเห็นด้วยขึ้นค่าแรง 300 บาท

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หันกลับมาเห็นด้วยกับรัฐบาลใหม่ในการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 300 บาทต่อวัน หลังได้ศึกษาผลกระทบในเรื่องนี้

ขณะที่ 12 สมาคมอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ ยังไม่เห็นด้วยกับปรับค่าแรงขั้นต่ำทันที เพราะจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และต้องปลดลูกจ้างประมาณ 300,000 ราย


ที่ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน ได้แก่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย มีมติร่วมกัน เห็นด้วยให้รัฐบาลขึ้นค่าแรง300บาท เพราะได้ให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคอุตสาหกรรมในภาพรวมไว้แล้ว โดยได้ศึกษาตามขนาดและประเภทกิจการของอุตสาหกรรมการผลิต โดยทันทีที่จัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ กกร.จะหารือกับรัฐบาลภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้ผลกระทบเกิดขึ้นน้อยที่สุด

ขณะที่ 12 สมาคมอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ ซึ่งมีผู้ประกอบการกว่า 2,200 ราย มีอัตราการจ้างงานกว่า 1 ล้านคนแถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลใหม่จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 300 บาท เพราะจะส่งผลให้กระทบจนธุรกิจถึงขั้นปิดกิจการ และต้องปลดลูกจ้างทันทีประมาณ 300,000 รายหรือร้อยละ 30 ของแรงงานทั้งหมด จากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 35 ถึง 40 จึงขอให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ โดยใช้รูปแบบของคณะกรรมการไตรภาคีตามกฏหมาย และให้มีการประชุมร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งจะยื่นเรื่องความเดือดร้อนต่อนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีใหม่ทันทีที่ตั้งรัฐบาลแล้ว

ขณะที่นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน ของรัฐบาลชุดใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่จะกระทบต่อต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ซึ่งจะส่งผ่านไปยังราคาอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 โดยคาดว่า ราคาก๋วยเตี๋ยวต่อชามจะไม่ต่ำกว่า 70 บาท


นอกจากนี้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันอาหาร ยังเตรียมเสนอ 5 แนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้รัฐบาลใหม่พิจารณา เช่นการ เชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการ ตามนโยบาย"ครัวไทยสู่ครัวโลก"พัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้า รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC และดูแลราคาสินค้าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปให้สอดคล้องกัน

"ยิ่งลักษณ์" ร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา


"ยิ่งลักษณ์" ร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา
วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เวลา 18:09:04 น.

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อม ส.ส.ของพรคเพื่อไทย เดินทางออกจากอาคารรัฐสภา เพื่อร่วมในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญทั่วไป ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต